รุมยี้สส.หน้าเดิม!  โพลชี้ถ้าเลือกตั้งใหม่  อยากได้‘นักธุรกิจ’  นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี

รุมยี้สส.หน้าเดิม! โพลชี้ถ้าเลือกตั้งใหม่ อยากได้‘นักธุรกิจ’ นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี

วันจันทร์ ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

“นิด้าโพล” เผยผลสำรวจความเห็นปชช. หัวข้อ “สนใจนายกฯใหม่จากพรรคการเมืองใหม่หรือไม่” ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ปรากฏว่า ปชช.ต้องการ “นักธุรกิจ” เป็นนายกฯมากที่สุด รองลงมา “ทหาร” และระบุถ้าเลือกตั้งใหม่ ปชช.จะเลือกสส.จากพรรคใหม่ ด้าน “สวนดุสิตโพล” เผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือนสิงหาคม” พบว่า ดัชนีการเมืองไทยต่ำสุดในรอบ 20 เดือน สะท้อนว่าปชช. “เครียดเรื่องการเมือง- เงินในกระเป๋า”

เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง“สนใจไหม นายกใหม่ พรรคการเมืองใหม่” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 25-26 สิงหาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศรวม 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับความต้องการของประชาชนในการได้นายกรัฐมนตรีจากการเลือกตั้งครั้งหน้า


ทั้งนี้ การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่าง โดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความคลาดเคลื่อนไม่เกิน 0.05 ที่ระดับความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0

จากการสำรวจเมื่อถามถึงอาชีพของบุคคลที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีที่ประชาชนต้องการ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 32.44 ระบุว่า นักธุรกิจ เจ้าของกิจการขนาดใหญ่ รองลงมา ร้อยละ 24.05 ระบุว่า ทหาร ร้อยละ 19.54 ระบุว่า นักการเมืองอาชีพระดับชาติ ร้อยละ 16.26 ระบุว่า นักกฎหมาย (เช่น ทนาย อัยการ ผู้พิพากษา เป็นต้น) ร้อยละ 16.11 ระบุว่า ข้าราชการ ร้อยละ 14.89 ระบุว่า ผู้บริหารองค์การภาคธุรกิจ (ที่ไม่ใช่เจ้าของ หรือ ผู้ถือหุ้นใหญ่ในกิจการ) และนักวิชาการ ในสัดส่วนที่เท่ากัน ร้อยละ 12.75 ระบุว่า นักธุรกิจ เจ้าของกิจการขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง (SME) ร้อยละ 11.83 ระบุว่า นักการเมืองอาชีพระดับท้องถิ่น ร้อยละ 7.18 ระบุว่า ผู้ทำอาชีพอิสระ (เช่น ฟรีแลนซ์ อินฟลูเอนเซอร์เน็ตไอดอล นักเขียน เป็นต้น)

ร้อยละ 6.18 ระบุว่า คนในวงการ NGO อาสาสมัครเพื่อสังคม ร้อยละ 4.81 ระบุว่า ตำรวจ ร้อยละ 3.21 ระบุว่า พ่อค้า แม่ค้าในตลาด ร้อยละ 3.13 ระบุว่า ไม่ตอบ ร้อยละ 3.05 ระบุว่า แพทย์ พยาบาล ร้อยละ 2.82 ระบุว่า กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร้อยละ 1.98 ระบุว่า มนุษย์เงินเดือนในบริษัทเอกชน ร้อยละ 0.84 ระบุว่า คนในวงการบันเทิง ดารา นักร้อง นักแสดง และร้อยละ 0.61 ระบุว่า คนในวงการไฮโซ

ด้านช่วงอายุ (เจเนอเรชัน)ของบุคคลที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีที่ประชาชนต้องการ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 65.57 ระบุว่า Gen X (อายุระหว่าง 45–60 ปี) รองลงมา ร้อยละ 24.96 ระบุว่า Millennialsหรือ Gen Y (อายุระหว่าง 29–44 ปี) ร้อยละ 9.24 ระบุว่า Baby Boomers (อายุระหว่าง 61–79 ปี) และร้อยละ 0.23 ระบุว่า Silent Gen (อายุระหว่าง 80–100 ปี)

สำหรับแนวโน้มการเลือก สส. ระบบเขตเลือกตั้ง จากพรรคการเมืองใหม่ ที่ไม่มี สส. อยู่ในสภาผู้แทนราษฎรปัจจุบัน หากวันนี้เป็นวันเลือกตั้งพบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 32.21 ระบุว่า ไม่แน่ใจ แต่มีแนวโน้ม

ที่จะเลือกผู้สมัครสส. จากพรรคการเมืองใหม่ รองลงมา ร้อยละ 31.76 ระบุว่า เลือกผู้สมัคร สส. จากพรรคการเมืองใหม่แน่นอน ร้อยละ 17.48 ระบุว่า ไม่เลือกผู้สมัคร สส. จากพรรคการเมืองใหม่แน่นอน ร้อยละ 11.15 ระบุว่า ไม่แน่ใจอะไรเลย และร้อยละ 7.40 ระบุว่า ไม่แน่ใจ แต่มีแนวโน้มไม่เลือกผู้สมัคร สส. จากพรรคการเมืองใหม่

ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงแนวโน้มการเลือก สส. ระบบบัญชีรายชื่อ จากพรรคการเมืองใหม่ ที่ไม่มี สส. อยู่ในสภาผู้แทนราษฎรปัจจุบัน หากวันนี้เป็นวันเลือกตั้ง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 32.75 ระบุว่า เลือกพรรคการเมืองใหม่แน่นอน รองลงมาร้อยละ 32.06 ระบุว่า ไม่แน่ใจ แต่มีแนวโน้มที่จะเลือกพรรคการเมืองใหม่ ร้อยละ 18.09 ระบุว่า ไม่เลือกพรรคการเมืองใหม่แน่นอน ร้อยละ 11.15 ระบุว่า ไม่แน่ใจอะไรเลย และร้อยละ 5.95 ระบุว่า ไม่แน่ใจ แต่มีแนวโน้มที่จะไม่เลือกพรรคการเมืองใหม่

ด้านสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือนสิงหาคม2568” กลุ่มตัวอย่าง 2,208 คน ระหว่างวันที่ 25-29 สิงหาคม 2568 พบว่า กลุ่มตัวอย่างให้คะแนนภาพรวมดัชนีการเมืองไทยประจำเดือนสิงหาคม 2568 เฉลี่ย 3.71 คะแนน ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2568 ที่ได้ 3.86 คะแนน

ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนสูงสุดคือ ผลงานของฝ่ายค้าน เฉลี่ย 4.59 คะแนน ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนต่ำสุด คือ ผลงานของนายกรัฐมนตรี 3.18 คะแนน นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือนคือ ภูมิธรรม เวชยชัย ร้อยละ38.16 ด้านนักการเมืองฝ่ายค้านที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือนคือ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ร้อยละ 51.15 ผลงานฝ่ายรัฐบาลที่ชื่นชอบประจำเดือนคือ โอนเงินช่วยชาวนา ร้อยละ40.90 ผลงานฝ่ายค้านที่ชื่นชอบประจำเดือนคือ ตรวจสอบการดำเนินงานให้โปร่งใส ร้อยละ50.42

นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า ดัชนีการเมืองไทยเดือนสิงหาคมต่ำสุดในรอบ 20 เดือน สะท้อนว่าประชาชนวันนี้ทั้ง “เครียดการเมือง” และ “เครียดเงินในกระเป๋า” ไปพร้อมกัน ทั้งคดีการเมือง สถานการณ์ไทย–กัมพูชา นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท และปัญหาค่าครองชีพ ล้วนกระทบต่อความรู้สึกและทำให้ความเชื่อมั่นลดลงต่อเนื่องจนกว่าจะได้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่เข้ามาและพิสูจน์ว่าจะแก้ปัญหาประชาชนได้จริง

อาจารย์ภิญโญ คูวัฒนาเสนีย์ ประธานหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า ดัชนีการเมืองไทยเดือนสิงหาคมยังคงอยู่ในระดับต่ำและลดลงต่อเนื่อง โดยในตัวชี้วัดทั้ง 25 ประเด็นมีตัวชี้วัดเพียงตัวเดียวที่เพิ่มขึ้นคือ ผลงานของฝ่ายค้าน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐบาลที่มีแนวโน้มลดลงอย่างมีนัยสำคัญต่อสถานการณ์การเมือง โดยผลงานของรัฐบาลและผลงานของนายกรัฐมนตรียังลดลงและอยู่ในสองลำดับสุดท้าย

ทั้งที่ ในเดือนสิงหาคมประเทศไทยมีสถานการณ์สำคัญ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของรัฐ ที่ทำให้รัฐบาลมีโอกาสทำงานและเผยแพร่ผลงานให้เห็นทางสื่อต่างๆ แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้รัฐบาลโดดเด่นและได้รับความเชื่อมั่นเพิ่มมากขึ้น แม้ในส่วนความโดดเด่นของตัวนักการเมือง ผู้นำฝ่ายค้านก็ยังได้รับคะแนนสูงถึง 51.15% ในขณะที่ฝ่ายรัฐบาลรักษาการแทนนายกรัฐมนตรีที่แม้ได้คะแนนสูงสุดยังได้รับเพียง 38.16% สะท้อนถึงความไม่มั่นใจของประชาชนต่อรัฐบาลทั้งในการทำงานและแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่ยังไม่ปรากฏผลงานที่ชัดเจนและเป็นที่พอใจ

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top