'อิศรา'แพร่บทวิเคราะห์'เบนจามิน' โยง 'ทักษิณ' ทุนการเมืองฮุบหุ้นบางจาก ต้นตอขัดแย้งเขมร?
เมื่อวันที่ 1 ก.ย.2568 สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้เผยแพร่บทวิเคราะห์สื่อสหรัฐ เรื่อง 'เบนจามิน' โยง 'ทักษิณ' ทุนการเมืองฮุบหุ้นบางจาก ต้นตอขัดแย้งเขมร? มีเนื้อหาดังนี้
"เอเชีย เซนติเนล อ้างอิงรายงานข่าวสำนักข่าวอิศราเมื่อเดือน ก.พ.ระบุว่าเหตุผลมาจากเพราะกองทุนประกันสังคมไทย ซึ่งถือหุ้นบางจาก 14% ปฏิเสธที่จะขายหุ้นบางจากในส่วนนี้ แม้ว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทย ซึ่งนายทักษิณควบคุมอยู่เบื้องหลังจะกดดันแค่ไหนก็ตาม เรื่องนี้จึงส่งผลทำให้นายฮุน เซน โกรธเพราะไม่ได้หุ้นตามที่ต้องการ"
จากกรณีสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ติดตามตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือ ‘เบน สมิธ’ ซึ่งถูกระบุชื่อในบทความของ นายทอม ไรต์ สื่อมวลชนอิสระ อดีตผู้สื่อข่าวสำนักข่าววอลสตรีทเจอร์นัล (WSJ) และหนึ่งในผู้สื่อข่าวที่เปิดโปงการทุจริต เงินกองทุนเพื่อการพัฒนาของรัฐ “1 มาเลเซีย ดีเวลอปเมนต์ เบอร์ฮัด" (1MDB) ที่เผยแพร่ลงบนเว็บไซต์ Whalehunting.projectbrazen.com
โดยพบข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ 5 ประการที่สำคัญด้วยกัน ได้แก่
1.นายเมาเออร์เบอร์เกอร์ ถูกกล่าวอ้างว่า เป็นนายหน้าขายเครื่องบินส่วนตัวให้กับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ทรงอิทธิพลทางการเมืองในประเทศไทย และนายยิม เลียก ประธานกลุ่มบริษัท B.I.C. ของกัมพูชา ซึ่งพันธมิตรของ นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภา และอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา อีกทั้งยังมีกระแสข่าวว่า นายเบนจามิน เป็นที่ปรึกษาด้านธุรกิจคนสำคัญให้กับนักการเมืองที่ทรงอิทธิพลในประเทศไทย คือ นายทักษิณ ชินวัตร โดยนายเบนจามิน จะทำหน้าที่ให้คำปรึกษาในเรื่องต่างๆ และการตัดสินใจในหลายเรื่องต้องผ่านความเห็นของ นายเบนจามิน อีกด้วย
2. ในช่วงปลายปี 2567-ต้นปี 2568 นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือในชื่อ นายสมิธ เบน ถือสัญชาติกัมพูชา ตามเอกสารหนังสือเดินทางกัมพูชา เลขที่ AAoooXXXX ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน 2564 ได้ยื่นเรื่องขอสละสัญชาติกัมพูชา เพื่อแปลงสัญชาติเป็นไทย แต่ไม่ได้รับอนุญาต ขณะที่ในช่วงวันที่ 22-27 ต.ค.2567 นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ และภรรยา คือ นางสาวแคทรียา บีเวอร์ ถูกระบุชื่อเป็นประธานเจ้าภาพงานทอดกฐินสามัคคี วัดดงช้างดี ต.หาดกรวด อ.เมืองอุตรดิตถ์ จ.อุตรดิตถ์ โดยในงานทอดกฐินสามัคคีของวัดดงช้างดีนั้น ปรากฏชื่อ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ประธานพรรคกล้าธรรม เป็น ‘ประธานอุปถัมภ์’
3. ในช่วงเดือน พ.ค. 2567 นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาของนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภา โดยไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆ พร้อมกับ นายยิม เลียก ประธานกรรมการธนาคาร B.I.C ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ที่จัดตั้งและจดทะเบียนกับธนาคารแห่งชาติกัมพูชา มีบุคคลสำคัญในประเทศไทย เข้าไปร่วมนั่งเป็นบอร์ดบริหาร
4.ในช่วงปี 2547 สื่อของประเทศอังกฤษได้รายงานข่าวกรณีหลอกขายหุ้นระดับโลกของบริษัทเอกชนรายหนึ่ง ซึ่งรายงานข่าวชิ้นดังกล่าว มีการระบุข้อมูลเชื่อมโยงไปถึง นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ รวมไปถึงข้อมูลบริษัท Brinton Group ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ชื่อดังในกรุงเทพฯ ช่วงปี 2544 ก่อนที่นายเบนจามิน จะเข้าไปมีบทบาทในกัมพูชาตั้งแต่ปี 2557 และเดินทางมาใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทยและยื่นเรื่องขอสละสัญชาติกัมพูชา ในช่วงต้นปี 2567 แต่ไม่ได้รับอนุญาต
และ5. นางสาวแคทรียา ภรรยา นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ ถือหุ้นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) 2 แห่ง ประกอบด้วย 1.บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับที่ 10 ของ BCP จำนวน16,843,300 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 1.22% มีมูลค่าหุ้นล่าสุด (30 ส.ค.2568) 543.19 ล้านบาท และ2. ถือบริษัท กรีนเทค เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ GTV จำนวน 535,936,733 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 4.88% มีมูลค่าหุ้นล่าสุด (30 ส.ค.2568) 42.87 ล้านบาท
ล่าสุด มีการตรวจสอบพบว่า สำนักข่าวเอเชีย เซนติเนล (Asia Sentinel) ในสหรัฐอเมริกา ได้ลงเผยแพร่บทความขมวดปมที่สำคัญเกี่ยวกับนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ ทั้งพฤติการณ์ การเข้าถือหุ้นในบริษัทบางจาก ซึ่งเกี่ยวข้องกับนายทักษิณ และความเชื่อมโยงไปถึงโลกใต้ดินที่กัมพูชา ที่เกี่ยวข้องกับบุคลระดับสูงของทั้งสองชาติ และมีการวิเคราะห์ว่าความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชานั้น แท้จริงแล้วอาจจะมาจากการความพยายามต้องการจะถือหุ้นในบริษัท บางจาก จำกัด ก็เป็นได้
สำนักข่าวอิศราจึงได้นำเอารายงานดังกล่าวมานำเสนอมีรายละเอียดดังนี้
@การเข้าถือหุ้นในบริษัทบางจาก
สำนักข่าวเอเชีย เซนติเนล รายงานข่าวถึงกรณีที่ชาวแอฟริกาใต้คนหนึ่งเข้ามาทำหน้าที่เป็นนอมินี ใช้งานกลุ่มบริษัทชื่อว่าชาเตอร์ กรุ๊ป (Chartered Group) เพื่อจะเข้าไปถือหุ้นบางจาก คิดเป็นจำนวนหุ้น 31.35 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 24.96% ของหุ้นทีจำหน่ายโดย บริษัท บางจาก จำกัด
โดยการซื้อขายดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นในเดือน ก.ย. 2567 และชายแอฟริกาใต้คนนี้ยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดเพียงรายเดียว
รายงานข่าวระบุต่อไปว่าหุ้นดังกล่าวจะถูกถือครองให้กับนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพลรายหนึ่ง ซึ่งมีการกล่าวว่าคือนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
แหล่งข่าวรายงานอ้างอิงข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมการซื้อขายหุ้นซึ่งถูกยกเลิก พบว่า หุ้นบางจากที่ว่านี้กำลังจะถูกโอนไปให้ยังนายฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา
สำหรับบริษัท บางจาก หรือที่เคยมีชื่อว่า บางจาก ปิโตรเลียม เป็นบริษัทพลังงานไทยรายใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจด้านการกลั่นน้ำมัน การค้าปลีก และพลังงานทดแทนผ่านบริษัทในเครือมากมาย
ส่วนชาวแอฟริกาใต้คนดังกล่าวนั้น ก็มีการคาดกันว่าคือนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์
สำหรับกรณีการยกเลิกการซื้อขายหุ้นที่ระบุไว้เบื้องต้น เอเชีย เซนติเนล อ้างอิงรายงานข่าวสำนักข่าวอิศราเมื่อเดือน ก.พ.ระบุว่าเหตุผลมาจากเพราะกองทุนประกันสังคมไทย ซึ่งถือหุ้นบางจาก 14% ปฏิเสธที่จะขายหุ้นบางจากในส่วนนี้ แม้ว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทย ซึ่งนายทักษิณควบคุมอยู่เบื้องหลังจะกดดันแค่ไหนก็ตาม เรื่องนี้จึงส่งผลทำให้นายฮุน เซน โกรธเพราะไม่ได้หุ้นตามที่ต้องการ
รายงานระบุว่าสำหรับบริษัทบางจากมีความน่าสนใจเนื่องจากการบริหารจัดการอย่างอิสระและมีศักยภาพในการเติบโตอย่างก้าวกระโดด นอกจากนี้ ด้วยงบประมาณการลงทุนประมาณ 1 แสนล้านบาท (3.09 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)
ในอีกสี่ถึงห้าปีข้างหน้า คาดว่าบางจากจะกลายเป็นฐานการลงทุนเพิ่มเติมในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นพื้นที่พิพาทระหว่างไทยและกัมพูชาที่มีศักยภาพสูงในด้านก๊าซธรรมชาติและน้ำมันสำรอง
ไม่ว่าเรื่องดังกล่าวนั้นจะมีความเชื่อมโยงกับปัญหาชายแดนไทยหรือไม่ก็ตาม แต่นายฮุน เซน ก็ได้ตัดสินใจที่จะปล่อยคลิปเสียงการโทรศัพท์มือถือระหว่างตัวเขากับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ด้วยความรู้สึกที่โกรธจัด ในขณะที่ น.ส.แพทองธารพยายามจะคลี่คลายสถานการณ์ชายแดนที่ปะทุขึ้น ซึ่งในเวลาต่อมาได้คร่าชีวิตทหารทั้งสองฝ่ายไปมากกว่า 33 นาย และทำให้พลเรือนพลัดถิ่นไปอีกหลายพันคน
โดย น.ส.แพทองธารเรียกนายฮุน เซน ว่าลุง และวิจารณ์แม่ทัพภาค 2 ของไทยว่าอยู่คนละฝั่งของทั้งฝั่งรัฐบาลไทยและกัมพูชา
การเผยแพร่ข้อความโทรศัพท์ดังกล่าวก่อให้เกิดความวุ่นวายในกรุงเทพฯ จนทำให้ น.ส.แพทองธารต้องหลุดจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรีและกลายเป็นข้ออ้างให้พรรคภูมิใจไทยผู้ทรงอิทธิพล ซึ่งในขณะนั้นเป็นพรรคใหญ่อันดับสองในรัฐบาลผสมเพื่อไทย ลาออกการร่วมรัฐบาล
ประเด็นนี้ยังชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันยาวนานของนายทักษิณกับกัมพูชา ซึ่งเป็นประเทศที่เขาใช้เป็นฐานเพื่อดำเนินการอย่างยาวนานในการหาเสียงเพื่อกลับประเทศไทยหลังจากถูกรัฐประหาร ขับไล่ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทยในปี 2549
เพื่อเป็นการตอบโต้อย่างชัดเจน ทันทีหลังจากที่นายฮุน เซน ปล่อยคลิปการสนทนาทางโทรศัพท์ ตำรวจไทยได้เข้าตรวจค้นทรัพย์สินในกรุงเทพฯ ที่คาดว่าทรัพย์สินดังกล่าวอยู่ภายใต้การควบคุมของนายก๊ก อาห์น (Kok An) ซึ่งเป็นเจ้าของคาสิโนชาวกัมพูชาที่ใกล้ชิดกับตระกูลฮุน เซน โดยยึดทรัพย์สินมูลค่าสูงและอายัดเงินสดมูลค่า 1.17 พันล้านบาท
@ที่ปรึกษาการลงทุน
กลับมาที่นายเมาเออร์เบอร์เกอร์ เขาบรรยายถึงประวัติตัวเองในหน้าเพจ LinkedIn ว่าเป็นที่ปรึกษาการลงทุนที่นครโตรอนโต “ที่มีประสบการณ์อย่างกว้างขวางในตลาดหลักทรัพย์ระหว่างประเทศ”
นายเมาเออร์เบอร์เกอร์ได้สนิทสนมกับนายทักษิณ ซึ่งทำให้บุคคลระดับสูงหลายคนรู้สึกไม่สบายใจเพราะชื่อเสียงที่ไม่ดีของเขา
บุคคลระดับสูงรายหนึ่งในชุมชนการเงินชั้นสูงของกรุงเทพฯ ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดและขอไม่เปิดเผยชื่อเพราะกังวลว่าจะถูกแก้แค้นจากการเปิดโปงเรื่องนี้ กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเมาเออร์เบอร์เกอร์กับชนชั้นนำกัมพูชานั้น เกิดขึ้นผ่านนายยิม เลียก บุตรชายของ ยิม ไช ลี รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชาและประธานสภาการเกษตรและการพัฒนาชนบท
นายยิม เลียก ยังเป็นประธานกลุ่มบริษัท B.I.C. ของกัมพูชา และเป็นพันธมิตรของนายฮุน เซนด้วย
นายเมาเออร์เบอร์เกอร์ดูเหมือนจะกลายเป็นแกนหลักสำคัญระหว่างตระกูลผู้ทรงอิทธิพลของไทยและกัมพูชา
มีรายงานว่าเขาได้สัญชาติกัมพูชา แต่ได้ยื่นคำร้องขอสละสัญชาติกัมพูชาเพื่อมาเป็นพลเมืองไทย อย่างไรก็ตาม คำขอแปลงสัญชาติของเขาภายใต้ชื่อ เบน สมิธ เบน และถือหนังสือเดินทางกัมพูชา ไม่ได้รับการอนุมัติในทันที เนื่องจากมีรายงานว่าเขาอาจมีสัญชาติอื่นนอกเหนือจากกัมพูชา และชื่อที่ใช้ก็ไม่สอดคล้องกัน
ตามที่นายไรท์ได้รายงาน ในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ปรากฎภาพถ่ายของนายทักษิณกับนายเมาเออร์เบอร์เกอร์ในขณะที่
"อยู่ในขั้นตอนการเจรจาซื้อเครื่องบินรุ่นบอมบาร์เดียร์ โกลบอล จี7500 ซึ่งเป็นเครื่องบินเจ็ตสุดหรูที่ทักษิณใช้เดินทางรอบโลกในปัจจุบัน"
แม้ว่าแทบจะไม่มีใครในประเทศไทยรู้จักนายเมาเออร์เบอร์เกอร์เลยนอกจากคนมีอำนาจ แต่นายเมาเออร์เบอร์เกอร์กลับกลายเป็นบุคคลที่แสดงภาพว่าตัวเองมีความร่ำรวย มีความภูมิฐาน ในกรุงเทพฯ เขาขับรถเฟอร์รารีแล่นไปทั่วเมือง แต่งงานกับนักธุรกิจหญิงชาวไทยที่มีชื่อเรียกตอนนี้ว่าคิตตี้ เมาเออร์เบอร์เกอร์
มีข่าวลือว่าทั้งคู่จัดงานเลี้ยงฉลองอย่างหรูหราที่เชื่อมโยงกับคนใกล้ชิดของทักษิณ ทั้งคู่ยังมีบ้านหรูอยู่ที่ภูเก็ต และเพิ่งซื้อเรือยอชต์ขนาด 51 เมตรกับเรือยอชต์ขนาดใหญ่กว่าอีกสองลำ
นายไรท์กล่าวในรายงานข่าวว่า“ความจริงที่ว่าทักษิณจะพึ่งพาบุคคลอย่างนายเมาเออร์เบอร์เกอร์ได้ก่อให้เกิดคำถามที่สำคัญเกี่ยวกับความเชื่อมโยงของนายทักษิณกับโลกใต้ดินระดับนานาชาติที่มีรากฐานที่ลึกซึ้งในกัมพูชา”
ตามที่สำนักข่าวเอเชีย เซนติเนล รายงานข่าวเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. มีการจัดตั้งกลุ่มอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติโดยมีศูนย์กลางอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกัมพูชา ซึ่งประเทศนี้ได้กลายเป็น “อุตสาหกรรมผิดกฎหมายที่เติบโตเร็วที่สุดและอันตรายที่สุดในโลก”
บทความเมื่อเดือน มิ.ย.ดังกล่าวอธิบายถึงรายงานความยาว 73 หน้า ซึ่งกล่าวหานายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต บุตรชายของนายฮุน เซน และรองนายกรัฐมนตรีกัมพูชาชื่อว่า นายวงเซ วิสโซธ (Vongsey Vissoth) พร้อมด้วยผู้นำระดับสูงของรัฐบาลและธุรกิจของกัมพูชาอีก 28 คน
รวมถึงเจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนในกรุงปักกิ่ง ว่าทั้งหมดมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมใต้ดินดังกล่าวเพื่อแสวงหาผลประโยชน์
ซึ่งหลังจากรายงานี้ถูกเผยแพร่สู่สาธารณะ ตัว พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี