แนวหน้าวิเคราะห์ : ‘อิ๊งค์’ไป-ใครจะมา นายกรัฐมนตรีคนที่32ของไทย

แนวหน้าวิเคราะห์ : ‘อิ๊งค์’ไป-ใครจะมา นายกรัฐมนตรีคนที่32ของไทย

วันจันทร์ ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2568, 10.44 น.

แนวหน้าวิเคราะห์ : ‘อิ๊งค์’ไป-ใครจะมา นายกรัฐมนตรีคนที่32ของไทย

ภายหลังจากที่ คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 6 ต่อ 3 วินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดลง เนื่องจากมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากคดีคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา นั้น


คำพิพากษาดังกล่าว ส่งผลให้ต้องมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เป็นพิเศษ เพื่อลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ซึ่งจะเป็นคนที่ 32 ของประเทศไทย ตามมาตรา 159 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยเมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา ทางสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้ออกหนังสือเรื่อง การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ถึง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มีเนื้อหาระบุว่า ด้วยประธานสภาผู้แทนราษฎรได้มีคำสั่งให้นัดประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 2 ปีที่ 3 ครั้งที่ 19 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง เป็นพิเศษ ในวันพุธที่ 3 กันยายน 2568 ครั้งที่ 19 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง ในวันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน 2568 และครั้งที่ 20 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง เป็นพิเศษ ในวันศุกร์ที่ 5 กันยายน 2568 เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป

วาระการประชุมดังกล่าวเป็นการออกวาระตามปกติ ที่วิปฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลได้ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ ในการพิจารณาร่างกฎหมายที่ค้างวาระการประชุม ไม่ได้ออกวาระเพื่อรองรับการโหวตนายกรัฐมนตรี แต่หากทางวิป 2 ฝ่าย ตกลงกันได้ในการกำหนดวัน ก็สามารถแจ้งมายังสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพื่อประสานไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎรในการออกวาระเพิ่มเติม วาระการโหวต บุคคลดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้

วิป 2 ฝ่าย ต้องสรุปวันและแจ้งมาภายในวัน ที่ 1-2 กันยายนนี้ ซึ่งจะต้องเว้นไป 1 วันหลังจากการแจ้งเข้ามาและออกวาระการประชุม ทางสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรสามารถบรรจุวาระเพิ่มเติมในการโหวตนายกรัฐมนตรีได้

สำหรับกระบวนการเริ่มต้นจากการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งต้องมาจากบัญชีของพรรคการเมืองที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.) ตั้งแต่ 25 คนขึ้นไป ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 88 โดยผู้ที่ถูกเสนอชื่อจะต้องได้รับการรับรองจาก สส. อย่างน้อย 50 คน ก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนการลงมติในรัฐสภา

ส่วนขั้นตอนการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี จะเป็นการลงคะแนนโดยเปิดเผย ด้วยวิธีการขานชื่อ สส. ตามลำดับตัวอักษร โดยให้ออกเสียงเป็นรายบุคคล ซึ่งบุคคลที่จะได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป จะต้องได้รับคะแนนเสียงเห็นชอบมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวน สส. ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ หรือคิดเป็น 247 เสียง จากจำนวน สส. ปัจจุบัน 492 คน เมื่อได้ผู้ที่ได้รับความเห็นชอบแล้ว ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะเป็นผู้นำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งต่อไป

ในส่วนของรายชื่อบุคคลที่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนใหม่ มีอยู่ 5 ราย ได้แก่ นายชัยเกษม นิติสิริ จากพรรคเพื่อไทย, นายอนุทิน ชาญวีรกูล จากพรรคภูมิใจไทย, พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จากพรรครวมไทยสร้างชาติ, นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค จากพรรครวมไทยสร้างชาติ และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ จากพรรคประชาธิปัตย์

อย่างไรก็ดี จากกระแสสังคมตามสื่อในช่องทางต่างๆ พบว่าเท่าที่เห็นจากรายชื่อแคนดิเดตทั้งหมดแล้ว ยังไม่ค่อยโดนใจชาวไทยส่วนใหญ่สักเท่าไหร่ เรื่องการวิ่งเต้นฝุ่นตลบจับขั้วรวมเสียงเพื่อให้ได้เป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาลจึงถูกมองว่าไม่ใช่เรื่องการทำเพื่อผลประโยชน์ของชาติเป็นเหตุผลหลัก ทั้งยังมองว่ามีบุคคลที่อยู่นอกแคนดิเดตอีกหลายรายที่เหมาะสมกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แต่ในทางกฎหมายนั้น ก็เป็นไปไม่ได้

ลองดูคุณสมบัติคร่าวๆ ที่สะท้อนความคิดเห็นของประชาชนต่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่อยากให้เข้ามาบริหารประเทศ ที่ส่วนหนึ่งที่นำมาจากศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “สนใจไหม นายกใหม่ พรรคการเมืองใหม่”

กลุ่มตัวอย่างได้ระบุถึงอาชีพของบุคคลที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีที่ประชาชนต้องการในการเลือกตั้งครั้งหน้า พบว่า ร้อยละ 32.44 ระบุว่า นักธุรกิจ เจ้าของกิจการขนาดใหญ่ ร้อยละ 24.05 ระบุว่า ทหาร ร้อยละ 19.54 ระบุว่า นักการเมืองอาชีพระดับชาติ ร้อยละ 16.26 ระบุว่า นักกฎหมาย (เช่น ทนาย อัยการ ผู้พิพากษา เป็นต้น) ร้อยละ 16.11 ระบุว่า ข้าราชการ ร้อยละ 14.89 ระบุว่า ผู้บริหารองค์การภาคธุรกิจ (ที่ไม่ใช่เจ้าของ หรือ ผู้ถือหุ้นใหญ่ในกิจการ) และนักวิชาการ ในสัดส่วนที่เท่ากัน

ส่วนเรื่องช่วงอายุ (เจเนอเรชัน) ของบุคคลที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี ร้อยละ 65.57 ระบุว่าต้องการคน Gen X (อายุ 45-60 ปี) ร้อยละ 24.96 ระบุว่า Millennials หรือ Gen Y (อายุ 29-44 ปี) ร้อยละ 9.24 ระบุว่า Baby Boomers (อายุ 61-79 ปี) ร้อยละ 0.23 ระบุว่า Silent Gen (อายุ 80-100 ปี)

สำหรับแนวโน้มในการเลือก สส.ระบบเขตเลือกตั้งจากพรรคการเมืองใหม่ ที่ไม่มี สส. อยู่ในสภาฯ  หากวันนี้เป็นวันเลือกตั้ง พบว่า ร้อยละ 32.21 ระบุว่า ไม่แน่ใจ แต่มีแนวโน้มที่จะเลือกผู้สมัคร สส.จากพรรคการเมืองใหม่ ร้อยละ 31.76 เลือกผู้สมัคร สส.จากพรรคการเมืองใหม่แน่นอนร้อยละ 17.48 ไม่เลือกผู้สมัคร สส.จากพรรคการเมืองใหม่แน่นอน

ขณะที่แนวโน้มในการเลือก สส.ระบบบัญชีรายชื่อจากพรรคการเมืองใหม่ที่ไม่มี สส. อยู่ในสภาฯ  หากวันนี้เป็นวันเลือกตั้ง พบว่า ร้อยละ 32.75 ระบุว่า เลือกพรรคการเมืองใหม่แน่นอน ร้อยละ 32.06 ไม่แน่ใจ แต่มีแนวโน้มที่จะเลือกพรรคการเมืองใหม่ ร้อยละ 18.09 ไม่เลือกพรรคการเมืองใหม่แน่นอน

ถึงตรงนี้ แม้จะไม่ได้ชี้ชัดว่าใครจะได้เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของประเทศไทย แต่ก็เป็นที่รู้และเข้าใจตรงกันว่า ประชาชนต้องการคนเก่ง คนดี ซื่อสัตย์สุจริต มีหัวใจมุ่งมั่นที่จะเข้ามาทำงานเพื่อประเทศชาติเป็นสำคัญ

#ทีมข่าวแนวหน้า

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top