กดดันปชน.หนุน‘ชัยเกษม’นายกฯ
‘เพื่อไทย’ขู่ยุบสภา!
‘อ้วน’อ้างมีอำนาจตามก.ม.
ปชน.สวนกลับท้ายุบได้เลย
‘หนู’ย้ำยินดีทำตามเงื่อนไข
ภท.คัดผู้สมัครสส.รับเลือกตั้ง
“ภูมิธรรม”แจงรายละเอียดคุย ปชน.ตั้งรัฐบาล ฝากไว้ให้คิดหากร่วม“ภท.”คิดให้ดี แน่ใจคุมได้จริงหรืออุบยุบสภา แย้มมีกระบวนการตามรธน.ชี้ต้องเร่งตั้งรัฐบาล ปล่อยเป็นเป็ดง่อยไม่ได้ ด้าน“ภูมิใจไทย”ลั่น!พร้อมยุบสภาใน 4 เดือน ผิดเงื่อนไข“พรรคประชาชน”ล้มรัฐบาลได้ทันที ‘อนุทิน’ไม่ก้าวก่าย ปชน.หนุนใครนายกฯ ยึดตามทีโออาร์ ย้ำดีลกับใครไปเองจริงใจอยู่แล้ว ยกหลักธรรมหลังถูกเบลมคดี‘ฮั้วสว.-เขากระโดง’ขออย่าสร้างความแตกแยกมาถึงจุดนี้ คนทำก็ทำร้ายบ้านเมืองมากพอแล้ว’พริษฐ์’เย้ย พท.’ต้องการยุบสภาทำได้เลย ไม่ต้องรอการตัดสินใจจาก’ปชน.’
เมื่อวันที่ 1กันยายน นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ว่า มอบหมายให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นตัวกลางในการรับเรื่องจากพรรคการเมืองที่มีความพร้อมในการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี แต่เมื่อพิจารณาตามข่าวที่ออกมาว่า พรรคประชาชน(ปชน.) จะประชุมตัดสินใจวันที่ 1ก.ย.ช่วงบ่าย ส่วนตัวจึงคิดว่า วันที่ 3กันยายนนี้ ไม่น่าจะทัน เนื่องจากหากจะมีการโหวตเลือกนายกฯจะต้องแจ้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรล่วงหน้าอย่างน้อย 1วัน ดังนั้น จะเหลือวันที่ 4และ5กันยายน ที่จะมีความเป็นไปได้ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี
นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม สภาก็พร้อม เพราะได้มีการนัดหมายประชุมไว้แล้วตั้งแต่วันที่ 3-5กันยายน แต่เมื่อบรรจุวาระเป็นเรื่องด่วน ก็ต้องขอเสียงจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในการเลื่อนระเบียบวาระขึ้นมาอยู่ดี อยากให้การเลือกนายกรัฐมนตรีเสร็จโดยเร็ว ไม่อยากให้ประเทศเว้นว่างไม่มีนายกฯนาน เพราะมีผลต่อความเชื่อมั่นของประเทศ อย่างไรก็ตาม หากมีการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีมากกว่า 2คน ก็จะต้องดำเนินการตามระเบียบวาระ โดยการลงคะแนนแบบเปิดเผย
ขณะที่ว่าที่ร้อยตำรวจตรี อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ยังไม่มีพรรคการเมืองใด ติดต่อประสานแจ้งเพิ่มระเบียบวาระเลือกนายกรัฐมนตรี แต่ประธานสภาได้สั่งให้สแตนด์บายไว้ทั้งหมด 4วัน คือวันที่ 3-4-5กันยายนและวันที่ 10กันยายน
จับตาปชน.ประชุมสส.ลุ้นมติหนุนใคร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 1ก.ย.เวลา 13.00น.พรรคประชาชนจะมีการประชุม สส. ที่อาคารอนาคตใหม่ ซอยรามคำแหง 42 เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและตัดสินใจ กรณีการโหวตนายกรัฐมนตรีตามเงื่อนไขที่พรรคเสนอ ต้องจับตาว่ามติที่ประชุมพรรคประชาชนจะโหวตให้พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลอีกครั้ง หรือจะกลายเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ที่ประเทศไทยจะมีนายกรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย
‘ปชน.’คิดหนักทางเลือกไม่ยกมือโหวตเลย
นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ท่ามกลางวิกฤตการณ์ความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อรัฐบาล เป้าหมายของพรรคประชาชนคือเร่งให้มีการจัดการเลือกตั้งโดยเร็ว เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจ และอีกเป้าหมายหนึ่งที่จะปลดล็อกปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้นอย่างซ้ำซากในช่วงที่ผ่านมาคือ การผลักดันให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ เครื่องมือสำคัญของพรรคประชาชนในการผลักดันให้เกิดสิ่งดังกล่าว คือเสียงของ สส. พรรคประชาชน จำนวนประมาณ 143 เสียง ในกรณีที่ไม่มีพรรคใดสามารถรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลได้ พรรคประชาชนจะใช้เสียง สส. ของพรรค ยกมือให้กับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่สามารถรับเงื่อนไขของพรรคประชาชนได้ โดยที่พรรคประชาชนไม่ร่วมรัฐบาล ซึ่งจะเกิดการตั้ง “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” ที่พรรคประชาชนไม่ได้อยู่ร่วมรัฐบาล ซึ่งพรรคประชาชนจะสามารถใช้กลไกในสภา เช่น การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในการล้มรัฐบาลได้ในทันที หากรัฐบาลเสียงข้างน้อยนั้น ไม่ดำเนินการให้เป็นไปตาม ToRที่ได้ตกลงกันไว้
อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกฉากทัศน์อื่นๆ ที่ต้องพิจารณา เช่น การดึง สส. ต่างพรรค หรือการสลับขั้วการร่วมรัฐบาลภายหลังจากได้ตัวนายกรัฐมนตรีแล้ว ซึ่งอาจทำให้เกิดรัฐบาลเสียงข้างมาก ที่ทำให้มีความเสี่ยงสูงขึ้นในการบิดพลิ้ว ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงใน ToRที่ได้ประกาศไว้ สำหรับอีกทางเลือกของพรรคประชาชนคือ ไม่ยกมือสนับสนุนแคนดิเดตจากพรรคใดเป็นรัฐบาล ซึ่งจะเป็นการปล่อยให้สถานการณ์ไหลไปสู่การรวมเสียงข้างมากปริ่มน้ำแบบที่รัฐบาลเพื่อไทยเป็นอยู่ในปัจจุบันได้ หรืออาจไหลไปสู่การได้มาซึ่งนายกฯ คนนอก หรือนายกฯ ที่มาจากการคณะปฏิวัติรัฐประหาร ก็เป็นฉากทัศน์ที่ต้องนำมาประกอบการพิจารณาอย่างรอบด้าน ทุกการตัดสินใจมีความเสี่ยง และมีข้อได้เปรียบแตกต่างกัน การพิจารณาในครั้งนี้ ควรพิจารณาด้วยโจทย์คำถามที่ว่า “ประเทศไทย จะได้หรือเสียอะไร”และพรรคประชาชนจะใช้เสียงของ สส.ทั้งหมดที่มีอยู่ ในการกำกับทิศทางประเทศให้เดินไปสู่จุดนั้นได้อย่างไร
‘กล้าธรรม’ยึดมติเดิมดัน‘หนู’นายกฯ
นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะนายทะเบียนพรรคกล้าธรรม (กธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงการโหวตนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย(ภท.) เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ว่า เท่าที่ดูสมาชิกพรรค ก็ยังยืนยันว่ายึดมติเดิม ซึ่งหากมีอะไรเปลี่ยนแปลงก็จะต้องมีการเรียกประชุมพรรคกันอีกครั้ง แต่ตอนนี้ยังเป็นไปตามมติเดิม เมื่อถามว่า จะเกิดปัญหาเรื่องรัฐบาลเสียงข้างน้อยในอนาคตหรือไม่ นายอรรถกร กล่าวว่า ตนทำตามเสียงส่วนใหญ่ของพรรค ส่วนเรื่องรวมเสียงได้เท่าไหร่คงขึ้นอยู่กับผู้บริหารพรรคแต่ละพรรค ส่วนการเลือกนายกรัฐมนตรีจะจบเมื่อไหร่นั้น ต้องถามทางสภา เพราะจะได้นายกฯ ก็ต้องมาจากสภาฯ เรายึดมั่นระบบนั้น เมื่อถามว่า คณะกรรมการประสานงานในสภาผู้แทนราษฎร (วิป) จะมีการพูดคุยกันหรือไม่ว่าจะให้โหวตนายกฯ ในวันที่ 3 ก.ย.นี้เลยหรือไม่ นายอรรถกร กล่าวว่า ตนไม่ได้เป็นวิป ต้องขอโทษด้วย เพราะอาจจะตอบแทนวิปไม่ได้
‘สมคิด’ซัดปชน.มารยาทไม่ดีงาม
นายสมคิด เชื้อคง อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง และอดีต สส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์เฟซบุ๊ก“สมคิด อุบล” หัวข้อ “ระยำ / ถ่อย /สถุน” เนื้อหาระบุว่า การพูดคุย ของพรรคร่วมรัฐบาลกับพรรคประชาชน จบลงแล้ว โดยแกนนำพรรคร่วม ได้เสนอข้อเสนอให้พรรค ปชน รับทราบ และ คงพูดคุยกันปกติ ที่จะให้พรรค ปชน.เลือกนายกฯฝั่งพรรค พท.ที่เป็นแกนนำ โดยปกติทุกพรรคก็มีการประชุมพรรคกันทั้งนั้น พท.ก็จะประชุมพรรควันอังคารที่ 2 ก.ย.พรรค ปชน.เขาก็ประชุมพรรค 1ก.ย. เพื่อเป็นการแจ้งให้สมาชิกทราบ และก็ขอมติกัน การพูดคุยเจรจาเป็นธรรมดา ทุกแห่งในโลก เมื่อตั้งรัฐบาล แต่สิ่งที่ผมขอกล่าวถึงคือ การตะโกนด่าทอ คณะฯของท่านภูมิธรรม เมื่อลงจากรถก่อนเข้าพรรค ด่าหยาบคาย ผมว่าพรรค ปชน. ไม่จัดคนทำแบบนี้อยู่แล้ว เพราะทางการเมืองเขาพูดคุยกันปกติ..คนที่ตะโกนด่าอาจทำด้วยตัวเอง หรือ พรรคพวก หรือคนอื่นจัดมาด่า..ผมถือว่าทุเรศ ไร้วัฒนธรรม อารยชนไม่ควรทำอย่างยิ่ง..ไม่ว่าทำกับใคร มันมิใช่ฤดูหาเสียงนะ ที่ผมต่อว่าก็เพราะมันเกินไป ผมรับมวลชนที่ทำเนียบ หรือม็อบ เป็นร้อยครั้งผมก็ถูกจะโกนด่า ส่วนหนึ่งก็จากติ่งส้มนี่แหละ..ผมก็ไม่คิดตอบโต้ เพราะผมมีหน้าที่รับฟัง บางคนผมเคยไปประกันตัวด้วยซ้ำ ยังพาคนมาด่าผม บางคนออกอาการหน้าตาต่อว่าผมอย่างแรง ผมไม่เคยถือโทษ นี่เรื่องจริงนะครับ มิได้พูดเอาดี..ที่ผมไม่ถือโกรธเพราะผมมองเขาอย่างเข้าใจต่างหาก..ก็หวังว่าถ้าเขาอาวุโสขึ้นเขาคงคิดได้เอง แต่เหตุวันนี้ ที่ตะโกนด่าคณะฯแกนนำพรรคร่วม ผมขอด่าขอต่อว่า คนที่ตะโกนวันนี้ ระยำ ถ่อย สถุน เห็นมั๊ย..ผมก็ด่าเป็นนะครับ.555 แต่ผมก็เชื่อว่า มันไม่เกิดประโยชน์อะไร
‘เทพไท’ยก5เหตุผลถ้าเป็นส้มเลือก’หนู’
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์คลิปพร้อมข้อความลงบนเฟซบุ๊ก“เทพไท – คุยการเมือง” หัวข้อ “สมมุติว่า ถ้าผมเป็นส้ม” เนื้อหาระบุว่า มีการจับตามองถึงท่าทีการตัดสินใจของพรรคประชาชน ว่าจะมีมติสนับสนุนพรรคการเมืองใดเป็นรัฐบาล ระหว่างนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กับนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย ซึ่งทั้ง2พรรคได้ส่งตัวแทนเข้าพบและรับข้อเสนอกับหัวหน้าพรรคประชาชน ทั้ง2พรรค จนทำให้พรรคประชาชน ต้องประชุมพรรคกำหนดท่าที และมีมติในวันนี้ เชื่อว่าการตัดสินใจของพรรคประชาชนสนับสนุนใครเป็นนายกรัฐมนตรี ย่อมมีผลต่ออนาคตทางการเมืองไทยของประเทศ และอนาคตของพรรคประชาชนด้วยเช่นกัน
ถ้าหากผมเป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่ง ที่มีสิทธิ์มีเสียงในการกำหนดการตัดสินใจของพรรคประชาชน ผมจะตัดสินใจเลือกนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยเหตุผลดังนี้ 1.นายอนุทิน เป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านมาด้วยกัน แม้ว่าจะเป็นช่วงสั้นๆ แต่ก็ถือว่าอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลปัจจุบัน 2.พรรคภูมิใจไทยได้ให้เกียรติส่งตัวแทนระดับหัวหน้า-เลขาธิการพรรค มารับข้อเสนอของพรรคประชาชนด้วยตัวเองเป็นพรรคแรก หลังจากนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไป 3.พรรคภูมิใจไทย ยังไม่เคยตระบัดสัตย์ หักหลังพรรคประชาชนเลย ซึ่งต่างกับพรรคเพื่อไทยที่เคยหักหลังกันมาก่อน คำพุทธสุภาษิตกล่าวว่า คนโกหกไม่ทำชั่วไม่มี 4.นายอนุทิน มีความพร้อม มีสุขภาพที่แข็งแรง และมีความมุ่งมั่นในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มากกว่านายชัยเกษม ที่มีอาการลังเล แบ่งรับแบ่งสู้มาโดยตลอด 5.พรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาชน ไม่ได้มีฐานเสียงทับซ้อนกัน ไม่ใช่คู่แข่งมาแย่งฐานคะแนนเสียงของพรรคประชาชน ซึ่งต่างกับพรรคเพื่อไทยที่มีฐานเสียงมวลชนกลุ่มเดียวกัน ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ ถ้าผมเป็นผู้มีอำนาจในพรรคประชาชน จะตัดสินใจเลือกนายอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรีมากกว่านายชัยเกษมครับ
‘นิพิฏฐ์’ชี้ยุบสภาทันทีสกัดสุญญากาศ
นายนิพิฏฐ์อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กนิพิฏฐ์อินทรสมบัติ ระบุว่า...ตั้งสติ 1. ที่พรรคการเมืองและนักการเมืองวิ่งกันตีนขวิด ต่อรองกันอยู่ในขณะนี้ ไม่มีตรงไหนที่เกี่ยวกับประชาชนเลย 2. ปกติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกติกาสำคัญที่สุดในการอยู่ร่วมกันเป็น“รัฐ” ต้องได้รับความยินยอมพร้อมใจจากประชาชน แต่นักการเมืองเขากำลังต่อรองกันว่า ใครยกเลิกรัฐธรรมนูญได้ เขาจะยอมยกมือให้เป็นนายกรัฐมนตรี สงสัย“เมากัญชา” กันทั้งสภาแล้ว 3.การประกาศล่วงหน้าว่า จะยุบสภาใน 4 เดือน นั่นคือหายนะของประเทศ ทุกอย่างจะหยุดชะงักหมด เพราะต้องรอรัฐบาลใหม่ ที่สำคัญ ข้าราชการจะ“เกียร์ว่าง” เพื่อรอนายใหม่ 4.มีคำถามว่า หากมีพรรคการเมือง 2พรรค ระหว่างพรรคที่“เลวมาก” กับพรรคที่ “เลวน้อย” จะเลือกพรรคไหน สำหรับผมคือ ไม่เลือกทั้ง 2 พรรค เพราะเลวทั้งคู่ 5.ทางออกในความเห็นของผม คือ ยุบสภาเถอะ!! และเพื่อไม่ให้เกิดสุญญากาศกับประเทศ ต้องยุบทันที!!!
‘ศุภชัย’ยกคำ‘ป๋าเปรม’ย้อนเกล็ด‘เดชอิศม์’
นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคภูมิใจไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวกรณีนายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาพาดพิงพรรคภูมิใจไทยเรื่องการจับมือร่วมรัฐบาลว่าอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เดชอิศม์ ขาวทอง เพิ่งพ้นตำแหน่งไปพร้อมกับนายกรัฐมนตรีที่ถูกศาลวินิจฉัยว่าผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง ได้กล่าวว่า “ถ้าจับมือกับ ภูมิใจไทยก็ไม่เหลือความเป็นคน” ซึ่งเป็นถ้อยคำที่น่าสนใจและน่าคิดวิเคราะห์ตามว่าความเป็นคนนั้นคืออะไร และความเข้าใจของท่านอดีตรัฐมนตรีเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นเช่นไร เหมือนหรือแตกต่างกับวิญูญูชนอย่างไร
มีผู้รู้บางท่านเคยกล่าวว่า “เราต้องทำคนให้เป็นมนุษย์” นั่นหมายความเป็นคนยังไม่พอต้องเป็นมนุษย์ด้วย คำว่ามนุษย์มาจากคำ “มนะ”แปลว่า“จิตใจ” สมาสกับ “อุษย์” แปลว่า “สูง” พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถานพ.ศ. 2542จึงบัญญัติว่า “มนุษย์ คือ สัตว์ที่รู้จักใช้เหตุผล, สัตว์ที่มีจิตใจสูง”ในเรื่องนี้ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ปูชนียบุคคลของชาวสงขลาของท่านอดีตรัฐมนตรีและชาวไทยได้กล่าวปาฐกถาในโอกาสครบรอบ 12 ปีของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเมื่อวันที่ 3 เมษายน2555 ว่า “คุณธรรม คือ ความดีที่มีอยู่ในใจที่ทำให้เกิดผลดีต่อผู้อื่น โดยคนดีมีคุณธรรมต้อง ซื่อสัตย์สุจริต คิดดี พูดดี ทำดี คิดตรง พูดตรง ทำตรง ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ไม่พลิกพริ้ว ในคำพูดและการกระทำ รวมถึงต้องมีเมตตาช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก ที่สำคัญต้องไม่เบียดเบียนคนอื่น ไม่คดโกง ไม่รังแกคนที่อ่อนแอกว่าหรือผู้หญิง ไม่ฉ้อราษฎร์บังหลวง และไม่ทำทุจริต“
เป็นคนไม่พอ-ต้องเป็นมนุษย์มีคุณธรรม
นั่นหมายความว่าเป็นคนอย่างเดียวไม่พอแต่ต้อง เป็นมนุษย์และมีคุณธรรมด้วย ผมนับถือศาสนาอิสลาม แต่เคยรู้มาว่าหลักพื้นฐานของ “ความเป็นมนุษย์” ตามหลักของพระพุทธศาสนา คือ ไม่เอาเปรียบ ไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น ไม่ก้าวร้าว และประกอบสัมมาอาชีพเพื่อประโยชน์ของสังคม สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายกเคยมีพระดำรัสว่า“คุณค่าของความเป็นคนหรือเป็นมนุษย์ คือ ความไม่เป็นสัตว์ การรักษาคุณค่าของความเป็นมนุษย์ไว้ให้สมบูรณ์ ไม่ใช่การรักษาชีวิตให้ยืนยาวเท่านั้นแต่ต้องรักษาความเป็นคนไว้ไม่ให้สูญเสียไปด้วย กล่าวคือความแตกต่างของคนกับสัตว์อยู่ตรงที่สัตว์ไม่รู้จักการใช้เหตุผล เพราะไม่มีปัญญาเท่าเทียมกับมนุษย์ สัตว์จะดำรงชีวิตส่วนใหญ่ด้วยสัญชาตญาณ ไม่รู้ผิด ชอบ ชั่วดี แต่มนุษย์ถูกขัดเกลาและปลูกฝังให้มีคุณธรรม มีสติปัญญาเรียนรู้ว่า เมตตากรุณาเป็นสิ่งที่ดี คนที่ขาดเมตตากรุณามักจะได้รับการประณามว่ามีจิตใจเยี่ยงสัตว์เดรัจฉาน
ที่กล่าวข้างต้นเพียงจะบอกว่าความเป็นคนในความเข้าใจของท่านอดีตรัฐมนตรีกับคนทั่วไปจะเหมือนหรือแตกต่างอย่างไรก็อยู่ที่เราถามตัวเองว่าแท้จริงแล้วเราเป็นแค่คนหรือเป็นมนุษย์และมีคุณธรรมหรือไม่ ซึ่งเราจะเป็นเช่นไรก็รู้แก่ใจของตัวเอง ผมจำเป็นที่จะต้องออกมาแสดงความเห็นเรื่องนี้เพราะ ผมเป็นผู้หนึ่งที่ได้ร่วมก่อตั้งพรรคภูมิใจไทย จากพรรคเล็กๆ จนผ่านมา 17 ปีพรรคของผมก็เติบโตแข็งแรงยิ่งๆ ขึ้น จนวันนี้หัวหน้าพรรคกำลังจะถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรี และขอบอกอดีตรัฐมนตรีที่เป็นเลขาธิการพรรคการเมืองที่เคยยิ่งใหญ่ยาวนานแต่นับวันกลับกลายเป็นพรรคที่เล็กลงๆ ว่าจริงๆ ท่านไม่ควรใช้วาจาเช่นนั้นเพราะมนุษย์ผู้มีคุณธรรมเขาไม่พูดกัน แต่ท่านคงไม่เข้าใจ เพราะท่านคงใช้มาตรฐานของท่านและท่านประเมินตัวเองสูงไป หรือหลงตัวเอง จนเข้าใจว่าพรรคภูมิใจไทยกระสันจะไปจับมือกับท่าน
ยันสอบฮั้วเลือกสว.อีกมีหลายขั้นตอน
สิ่งสำคัญที่สุดที่ผมเข้าใจเอาเองว่าท่านน่าจะรู้คือหลักสากล และข้อสันนิษฐานตามรัฐธรรมนูญที่สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ (Presumption of innocence) วันนี้เท่าที่ปรากฏเรื่องคดี ฮั้ว สว.อยู่ในกระบวนการสืบสวนสอบสวนซึ่งถ้าคิดว่ามีอยู่ 10 ขั้นตอน วันนี้อยู่ในขั้นตอนที่ 2 จะถูกผิดอย่างไรยังมีอีกหลายขั้นตอน ซึ่งท่านอดีตรัฐมนตรีก็รู้ดีว่ามีคำสั่งจากฝ่ายการเมืองให้ดีเอสไอดำเนินการที่ไม่ชอบ
แต่ถึงเวลานี้ท่านด่วนตัดสินไปแล้วว่าผู้ถูกกล่าวหาได้กระทำความผิด ซึ่งเป็นวิธีคิดที่ผิดหลักข้อสันนิษฐานดังกล่าวข้างต้น ซึ่งคนเช่นท่านที่เคยดำรงตำแหน่งเป็นถึงรัฐมนตรีเสนาบดีไม่น่าจะคิดเช่นนี้ เพราะถ้าเปรียบเทียบกับคดีเครือญาติของท่านที่บุกรุกโบราณสถาน ที่จังหวัดสงขลาคดีนั้นศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกหลายปี แต่ท่านก็อ้างข้อสันนิษฐานว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่เพราะคดียังไม่ถึงที่สุด ซึ่งท่านก็พออ้อมแอ้มกล่าวอ้างได้ ทั้งที่ศาลได้พิพากษาแล้ว ซึ่งต่างกับคดีฮั้ว สว.ราวกับฟ้ากับเหว เรื่องจับมือหรือไม่จับกับท่านอดีตรัฐมนตรีหรือไม่ ที่ท่านพูด ผมมั่นใจว่าพรรคภูมิใจไทยไม่ได้ให้ค่าให้ราคา เพราะไม่คิดว่าท่านอดีตรัฐมนตรีจะพูดในนามพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเท่าที่เห็นในวันนี้ที่ท่านอดีตรัฐมนตรีได้เดินทางร่วมไปพรรคประชาชน กับพรรคเพื่อไทย ท่านก็บอกว่าไปในนามส่วนตัว แต่ก็ต้องบอกกันตรงๆว่าสถานะความเป็นเลขาธิการพรรคการเมืองนั้นสำคัญยิ่ง ที่ท่านอดีตรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งอยู่นั้นท่านต้องเรียนรู้อีกมากว่าการจะทำหน้าที่ให้สมบูรณ์เทียบเท่าเลขาธิการพรรคในอดีต ให้สมกับฐานานุรูปของตำแหน่งที่ท่านเป็นนั้นซึ่งดูแล้ว ยากเย็นยิ่งนัก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี