บุกจี้ถาม‘ปปช.’

คดีครม.‘เศรษฐา-อุ๊งอิ๊งค์’

โยกงบฯส่อผิดมาตรา144

“กลุ่มคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย”จี้ป.ป.ช. ทวงถาม 3 เดือนไม่คืบ โยกงบฯ 3.5 หมื่นล้านบาท โปะเงินดิจิทัลเข้าข่าย มาตรา 144

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 2 กันยายน 2568 กลุ่มคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย เดินทางจากสะพานชมัยมรุเชษฐ มายังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือสำนักงาน ป.ป.ช. สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี เพื่อยื่นหนังสือทวงถามติดตามกรณีที่เคยยื่นต่อ ป.ป.ช. ไปก่อนหน้านี้ ได้แก่ เรื่องการโยกงบประมาณแผ่นดินผิดวัตถุประสงค์ ตามมาตรา 144 แห่งรัฐธรรมนูญ

โดย นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ตนเคยมายื่นเรื่องร้องเรียนกับ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 25เมษายนที่ผ่านมา ให้เอาผิดคณะรัฐมนตรีนายเศรษฐา ทวีสิน กับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รวมทั้ง สส.และสว.ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 เนื่องจากพบการโยกงบประมาณแผ่นดินกว่า 35,000 ล้านบาท ที่อาจเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 144 แห่งรัฐธรรมนูญ แต่ ปปช.ยังไม่รีบเร่งดำเนินการทั้ง ๆ ที่ผ่านมาจะ 3 เดือนแล้ว สวนทางกับกรณีที่กลุ่มสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยตรง ให้ถอดถอนนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ในความผิดฝ่าฝืนมาตรา 144 ตามรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกัน แต่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยถอดถอนและตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปีอย่างรวดเร็ว

ขณะเดียวกัน ป.ป.ช. ยังมีอำนาจตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 88 และ 89 ที่ให้อำนาจ ป.ป.ช. ในการไต่สวนเมื่อได้รับเรื่องร้องเรียนกรณีมาตรา 144 แห่งรัฐธรรมนูญโดยพลันและมีอำนาจในการเรียกเงินคืนได้หากพบการทำความผิดจริง แต่จนถึงตอนนี้ ป.ป.ช. กลับยังไม่ดำเนินการใด ๆ จึงขอให้ทาง ป.ป.ช. เร่งรัดดำเนินการโดยเร็วที่สุด พวกท่านมีอำนาจตามรัฐธรรมนูญอย่างเต็มที่ มิเช่นนั้นจะถือว่ามีเจตนาที่จะดองเรื่องหรือไม่ ดังนั้นในวันนี้ จึงมายื่นหนังสือเพื่อเร่งรัดและติดตามการทำงานของ ป.ป.ช. หากทาง ป.ป.ช. ยังไม่เร่งรัดดำเนินการ ก็เตรียมจะแฉเบื้องหลังของ ป.ป.ช. ภายในสัปดาห์หน้า

ด้าน นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย เปิดเผยว่า ในวันนี้มาเรียกร้องให้ ป.ป.ช. เร่งทำหน้าที่ของตัวเอง ทั้งที่ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนกรณีมาตรา 144 ตามรัฐธรรมนูญไปตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน แต่ผ่านไปกว่า 3 เดือน ก็ยังไม่มีการชี้มูลความผิด ถ้า ป.ป.ช. ไม่ทำหน้าที่ จะทำให้ประเทศเข้าสู่ทางตัน ทั้งๆที่มีตัวอย่างการทำงานของศาลรัฐธรรมนูญที่รับเรื่องกรณีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ในความผิดตามมาตรา 144 ตามรัฐธรรมนูญ อันเป็นการยื่นเรื่องโดยตรงต่อศาลจากกลุ่มสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและศาลได้วินิจฉัยภายใน 15 วันตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งถือเป็นการทำงานที่รวดเร็ว ต่างจาก ป.ป.ช. ที่ต้องรับเรื่องโดยตรงจากประชาชน ทว่า การดำเนินการส่งเรื่องต่อศาลของ ป.ป.ช. กับล่าช้าอย่างมาก ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ป.ป.ช. ขาดพยานหลักฐานอะไร ก็ได้ดำเนินการส่งพยานหลักฐานให้ทั้งหมด จึงตั้งข้อสงสัยว่า ป.ป.ช. ขาดความรับผิดชอบหรือไม่ หรือมีเจตนาที่จะต้องการดองเรื่องหรือไม่ แล้วหากเป็นเช่นนี้ จะมี ป.ป.ช. ไปทำไม เพราะเสมือนว่า ป.ป.ช. ขาดความอิสระในการปฏิบัติหน้าที่และปล่อยให้เกิดความเสียหาง ซึ่งล้วนเป็นเงินภาษีของประชาชน หาก ปปช.ยังคงล่าช้าต่อไป ก็เตรียมจะแจ้งดำเนินคดีในความผิดในเรื่องละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามมาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญาอย่างแน่นอน