3 ก.ย. 68 รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก ระบุว่า "ปรากฏการณ์ใหม่ทางการเมืองที่เกิดขึ้นจากการสร้างนวัตกรรมทางการเมืองของพรรคประชาชนครั้งนี้ ยิ่งเป็นการตอกย้ำความจริงที่ว่า มีนักการเมืองน้อยคนมากที่นำประโยชน์ของประเทศชาติเป็นตัวตั้ง ประโยชน์ของพรรคและประโยชน์ส่วนตัวมาทีหลัง

ทั้งพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทย ต่างทุ่มสรรพกำลังต่างๆออกมาอย่างสุดชีวิต ไม่ใช่เพื่อให้ประเทศชาติได้ประโยชน์ แต่เพื่อแย่งชิงอำนาจกัน แม้แต่พรรคประชาชน เจ้าของนวัตกรรมก็เถอะ คนที่ติดตามการเมืองก็อ่านออกว่า สร้างนวัตกรรมนี้ขึ้น ดูเผินๆแล้วเท่ดี แต่แท้ที่จริงสุดท้ายก็ต้องการให้พรรคตัวเองได้เปรียบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยให้มีส.ส.ร.ที่ต้องมาจากการเลือกตั้งและการยุบสภา เป็นสิ่งที่พรรคประชาชนต้องการ แต่ไม่แน่ว่าจะเป็นส่ิงที่ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการ

เมื่อเป็นที่แน่นอนแล้วว่า พรรคประชาชนจะโหวตให้คุณอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี คุณภูมิธรรม เวชยชัย ก็ประกาศจะยุบสภาทันที แม้ท่านเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกษฎีกา และนักกฎหมายชั้นนำอีกหลายท่าน เช่น ศ.ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ จะเห็นว่า นายกรัฐมนตรีที่รักษาการเพื่อรอให้มีนายกรัฐมนตรีตัวจริง ไม่มีอำนาจทูลเกล้าฯเสนอยุบสสภา ในขณะที่นักกฎหมายบางท่าน เช่น ดร.วิษณุ เครืองาม เห็นว่ายุบสภาได้ ก็ตาม

ไม่ว่านักกฎหมายจะว่าอย่างไร มองในมุมของวิญญูชน รัฐบาลชุดนี้ เป็นรัฐบาลที่ทำหน้าที่รักษาการ จนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ ซึ่งกำหนดเป็นที่แน่นอนแล้วว่าจะมีการเสนอชื่อในสภาในสัปดาห์นี้ รัฐบาลที่ทำหน้าที่รักษาการในระยะเวลาสั้นๆเช่นนี้ โดยหลักการ ควรทำงานเฉพาะที่เป็นงานประจำ เพียงให้งานของราชการดำเนินต่อไปได้ตามแผนงานต่างๆโดยไม่ชะงักงันเท่านั้น ไม่ควรมีอำนาจถึงขั้นยุบสภา อีกทั้งในการจะยุบสภาครั้งนี้ เป็นเพราะพรรคตัวเองไม่ได้รับเลือกจากพรรคประชาชน อย่างนี้เรียกว่า ไม่มีสปิริตทางการเมือง หรือถ้าไม่เรียกว่า “ชี้แพ้ชวนตี”แล้วจะเรียกว่าอะไร

อย่าลืมว่า การยุบสภาเป็นพระราขอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หากผู้รักษาการในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทูลเกล้าฯเสนอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯให้ยุบสภา ทั้งที่ความเห็นของเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นว่า ทำไม่ได้ แต่ถึงกับกล้าทูลเกล้าเสนอพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็แสดงว่า เลือดเข้าตาจนมองอะไรไม่เห็นแล้วจริงๆ

เมื่อกล้านำเรื่องทูลเกล้าฯต่อพระบาทสมเด็จะพระเจ้าอยู่หัว เพื่อให้โปรดเกล้าฯให้ยุบสภา ก็เตรียมใจไว้ด้วยว่า หากพระองค์ท่านไม่โปรดเล้าๆลงมา ผู้ที่กินดีหมี หัวใจเสือเข้าไป หรือบางคนบอกว่า ไม่ได้กินอะไรทั้งนั้น เพียงแต่รับคำสั่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้มาทำ ก็ต้องทำ

ถึงเวลานั้น ไม่ว่าท่านจะกินอะไรมา หรือรับคำสั่งใครมา ท่านก็รับผิดชอบเอาเองก็แล้วกัน"

.-008