เกียรติศักดิ์‘นายกฯ’! ยอมรับเก้าอี้ภายใต้เงื่อนไข‘จำกัดอำนาจ’ตนเอง บั่นทอนความน่าเชื่อถือ

เกียรติศักดิ์‘นายกฯ’! ยอมรับเก้าอี้ภายใต้เงื่อนไข‘จำกัดอำนาจ’ตนเอง บั่นทอนความน่าเชื่อถือ

วันพฤหัสบดี ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2568, 12.04 น.

เกียรติศักดิ์‘นายกฯ’! ยอมรับเก้าอี้ภายใต้เงื่อนไข‘จำกัดอำนาจ’ตนเอง บั่นทอนความน่าเชื่อถือ

4 กันยายน 2568 นายวัส ติงสมิตร นักวิชาการอิสระ อดีตผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา และอดีตประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก ระบุว่า...


ข้อตกลงทางการเมืองกับเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

1) ความหมายของเกียรติศักดิ์

“เกียรติศักดิ์ (honor and dignity) ของผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี” หมายถึง ความมีเกียรติ ความน่าเชื่อถือ และความเคารพที่สังคมให้ต่อบุคคลผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทั้งในด้านพฤติกรรมส่วนตัว การปฏิบัติหน้าที่ และภาพลักษณ์ในสายตาของประชาชนและนานาชาติ

2) ข้อตกลงทางการเมือง (political agreement) ในระดับภายในประเทศ หมายถึง ข้อตกลงระหว่างพรรคการเมือง หรือกลุ่มอำนาจต่างๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเมือง หรือแก้ไขปัญหาของชาติร่วมกัน เช่น ข้อตกลงเพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสม หรือข้อตกลงเพื่อควบคุมการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐ

3) มาตรฐานทางจริยธรรมฯ พ.ศ. 2561 ข้อ 17 ที่ว่า “ไม่กระทำการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง” นายกรัฐมนตรี พึงพิจารณาจากการกระทำของนายกรัฐมนตรีว่า นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้นำของประเทศ และผู้ดำรงตำแหน่งสูงสุดในฝ่ายบริหาร ได้ประพฤติตนที่เหมาะสมทั้งในด้านกฎหมาย จริยธรรม และความคาดหวังของสังคม เพื่อรักษาภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือ และความเคารพในตำแหน่งหน้าที่นี้หรือไม่

4) ข้อตกลงร่วมระหว่างพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทย กรณีการเลือกบุคคลไปดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี วันที่ 3 กันยายน 2568 ข้อ 4 มีว่า

“เพื่อสร้างหลักประกันว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่จะยุบสภาผู้แทนราษฎรภายใน 4 เดือนจริง พรรคภูมิใจไทยต้องไม่ดำเนินการโดยวิธีการใดๆ เพื่อทำให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก”

การยอมรับเงื่อนไขนี้มีผลโดยตรงต่อภาพลักษณ์ของตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากทำให้นายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งในฐานะ “รัฐบาลเสียงข้างน้อยโดยเจตนา” ซึ่งขาดเสถียรภาพ และแสดงให้เห็นว่านายกรัฐมนตรีมิได้ใช้อำนาจและดุลพินิจอย่างเป็นอิสระ แต่ยอมจำกัดอำนาจของตนเองเพื่อตอบสนองข้อตกลงทางการเมือง ย่อมกระทบต่อเกียรติศักดิ์และความสง่างามของตำแหน่งที่ควรเป็นผู้นำฝ่ายบริหารสูงสุดอย่างแท้จริง

5) ปัจจัยเสริมที่เพิ่มน้ำหนักความเสื่อมเสียคือ กรณีคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนกลาง คณะที่ 26 ของสำนักงาน กกต. สรุปคดีฮั้วเลือก สว. 229 ราย รวมเป็นสำนวนเดียกัน หาก กกต. ชุดใหญ่ ลงมติส่งศาลฎีกาและศาลฎีการับคำร้องไว้พิจารณา 138 สว. ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส่งผลให้ 62 สว. เสียงข้างน้อยกลายเป็นเสียงข้างมากในวุฒิสภาทันที

นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหา หากขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีภายใต้เงื่อนไขดังกล่าว จะเป็นปัจจัยเสริมที่ทำให้ความเสื่อมเสียรุนแรงขึ้น กระทบต่อภาพลักษณ์ ความสุจริตและความเป็นธรรมของกระบวนการทางการเมือง

เมื่อประกอบกับการยอมรับข้อตกลงที่ทำให้รัฐบาลตั้งใจเป็นเสียงข้างน้อย ผลลัพธ์คือความน่าเชื่อมั่นต่อเกียรติศักดิ์ของตำแหน่งนายกรัฐมนตรีถูกสั่นคลอนชัดเจนยิ่งขึ้น

6) บทสรุป

เมื่อพิจารณาทั้งข้อตกลงทางการเมือง ข้อ 4 และข้อกล่าวหาที่พัวพันกับตัวบุคคลแล้ว อาจสรุปได้ว่า การยอมรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีภายใต้เงื่อนไขที่จำกัดอำนาจตนเอง ไม่ให้จัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก ประกอบกับข้อครหาด้านความสุจริต ย่อมก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามมาตรฐานทางจริยธรรมฯ ข้อ 17 สะท้อนว่าผู้ดำรงตำแหน่งยอมลดทอนศักดิ์ศรีของตำแหน่งเพื่อแลกกับการเข้าสู่ตำแหน่ง อันเป็นการบั่นทอนความน่าเชื่อถือในสายตาของสาธารณชน

วัส ติงสมิตร

นักวิชาการอิสระ

4/9/68

-005

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top