โหวตเลือกนายกฯขลุกขลักแต่เช้า! "ภูมิใจไทย"ชิงลุกขึ้นเสนอเลื่อนระเบียบวาระ ด้าน"เพื่อไทย"เดินเกมยื้อขวางสุดลิ่มทันที ยืนกรานมีเรื่องสำคัญค้างอยู่ อ้างตกลงไว้ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว

เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2568 เมื่อเวลา 09.45 น.ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานประชุม ภายหลังที่ประชุมมีมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การรายงานและเปิดเผยข้อมูลการปล่อยและเคลื่อนย้ายสารมลพิษ พ.ศ. .... น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ลุกขึ้นเสนอญัตติเลื่อนระเบียบวาระด่วนที่อยู่ในลำดับที่ 8 คือเรื่องพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ที่อยู่ในระเบียบวาระด่วนที่ 8 ขึ้นมาพิจารณาก่อน โดยมีผู้รับรองถูกต้อง

แต่มีฝ่ายที่เห็นแย้งให้มีการเลื่อนระเบียบวาระดังกล่าวขึ้นมาพิจารณา อย่างพรรคเพื่อไทย โดยนายวัชรพล ขาวขำ สส.อุดรธานี ลุกขึ้นเสนอให้พิจารณาไปตามระเบียบวาระ เนท่อบจากมีการตกลงกันไว้ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งระเบียบวาระการโหวตเลือกนายกฯสำคัญมาก ดังนั้นต้องมีเวลาให้สมาชิกตัดสินใจ เนื่องจากเพิ่งบรรจุระเบียบวาระโหวตเลือกนายกฯเพียงแค่2วันกว่าๆ อย่างน้อยวาระที่สำคัญแบบนี้ต้องบรรจุก่อน3วัน และต้องเป็นพิเศษ แต่ในเมื่อมีระเบียบวาระที่สำคัญรออยู่ เช่น เรื่องอสม. ก็สำคัญ 

เมื่อมีสมาชิกไม่เห็นด้วย นายวันมูหะมัดนอร์ จึงถามมติจากที่ประชุมเพื่อที่จะต้องลงมติว่าจะให้มีการเลื่อนระเบียบวาระด่วนลำดับที่ 8 ขึ้นมาหรือไม่ แต่ทางนายจุลพันธ์ อมรวัฒน์ สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เสนอให้สมาชิกอภิปรายเพื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับญัตติที่มีความแตกต่างแล้วต้องมีการลงมติว่าควรจะให้เลื่อนระเบียบวาระ หรือคงตามระเบียบวาระเดิม เนื่องจากสมาลิกมีความพร้อมที่จะอภิปรายแสดงความเห็น

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายจุลพันธ์ เสนอให้สมาชิกแสดงความเห็น มีการพูดผิดคิว ว่าทางฝ่ายตัวเองเป็นฝ่ายค้าน ทั้งที่ในสถานะปัจจุบันยังคงเป็นสส.ฝ่ายรัฐบาลอยู่ เรียกเสียงหัวเราะจากที่ประชุมยกใหญ่ รวมถึงตัวนายจุลพันธ์เอง ซึ่งทางนายวันมูหะมัดนอร์ ยังต้องบอกว่า ”อย่าเพิ่งๆ“

จากนั้นนายวันมูหะมัดนอร์ ได้เปิดให้สมาชิกอภิปรายแสดงความเห็นถึงเหตุผลการเลื่อนระเบียบวาระเรื่องด่วนลำดับที่8 การโหวตนายกฯ โดยนายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ สส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ไม่ได้ขัดขวางการขึ้นเป็นนายกฯ ของไทย แต่เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ จำเป็นต้องมีนายกฯโดยเร็ว ฝ่ายบริหารในอนาคตจะเอาข้อตกลงของฝ่ายค้านไว้ในนโยบาย ก่อนจะถูกนายวันมูหะมัดนอร์เบรก ขอให้อภิปรายโดยไม่เกี่ยวข้องกับนโยบาย 

ขณะที่นายอรรถกร ศิริลัทยากร สส.ฉะเชิงเทรา พรรคกล้าธรรม กล่าวว่า การร่วมกันพิจารณาเรื่องด่วนการเลือกนายกฯ จึงขอให้ สส.ทำหน้าที่ตามที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ตนเองและเพื่อนสมาชิกที่อยู่พรรคก้าวไกลและมีหัวใจอยู่พรรคก้าวไกลอีก 31 คน จากนั้นนายอรรถกร หัวเราะแก้เก้อว่า “ผมเองพูดผิดเพราะเป็นศิษย์นายจุลพันธ์ พรรคกล้าธรรม” เราควรเลือกนายกฯ เพราะสถานการณ์มีหลายเรื่องที่จำเป็น จะต้องมีรัฐบาลทำงานแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นภารกิจเร่งด่วนและภารกิจที่ค้างอยู่ อาทิ ปัญหาชายแดน การเจรจากับสหรัฐอเมริกา หากวันนี้เกิดสุญญากาศ ไม่มีการเลือกนายกฯ จะมีคนไปต่อยอดกระบวนการเหล่านี้ได้ทันท่วงทีหรือไม่

“ผมเชื่อว่า สส.ไม่มีใครอยากเลือกตั้ง  เพราะเพิ่งผ่านมา 2 ปีกว่า ไม่รู้ว่าเลือกตั้งครั้งหน้าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ 400 กว่าคนอยู่ตรงนี้ ภารกิจต่าง ๆ ที่พวกเราร่วมกันขับเคลื่อนในสภาฯ ยังสามารถทำได้ ทั้งเรื่องการสนับสนุนรัฐบาล การร่วมกันตรวจสอบรัฐบาล เฉพาะกิจที่มีอายุ 4 เดือน จึงเห็นด้วยกับญัตติของนางสาวแนน ในการพิจารณาบุคคลที่จะมาทำหน้าที่นายกฯ คนที่ 32” นายอรรถกร กล่าว

จากนั้นนายวันมูหะมัดนอร์ ได้เปิดให้มีการอภิปรายอย่างกว้างขวาง โดยมี สส.ลงชื่ออภิปราย 9 คน ว่าจะเลื่อนหรือไม่เลื่อนญัตติการโหวตนายกฯ แต่ยังคงมีสมาชิกทั้งสองฝ่ายถกเถียงกันต่ออีกระยะ เนื่องจากฝ่ายพรรคภูมิใจไทย เห็นว่า จำนวนสมาชิกที่ขออภิปรายมีจำนวนมากเกินไป  เพราะก่อนหน้าที่จะมีข้อสรุป ว่าจะเลื่อนระเบียบวาระหรือไม่ มีสมาชิกอภิปรายนอกระเบียบวาระไปแล้วหลายคน ขอให้ประธาน กำหนดเวลาและจำนวนคน 
นายจุลพันธ์ จึงลุกขึ้นกล่าวอีกว่า ท่านไม่ต้องกลัวการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีอยู่ในระเบียบวาระอยู่แล้ว อย่างไรวันนี้ก็ต้องเดินไปถึง ถ้ามีเสียงครบ ท่านได้เป็นแน่นอน ใครมีบุญญาวาสนาถ้าถึงท่านได้เป็นไม่ต้องห่วง แต่อย่าเริ่มความอยากเป็นรัฐบาลด้วยการปิดปาก 

นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย จึงกล่าวว่า ตนไม่ขัดข้อง หากจะให้มีการอภิปรายตามที่มีการลงชื่อไว้ แต่ขอหารือว่า ต้องไม่รับลงชื่อเพิ่มจาก 9 ท่านนี้ จะใช้เวลาประมาณ 35 นาที และเดินหน้าสู่การลงมติ 

นายวันมูหะมัดนอร์ จึงวินิจฉัยว่า มีฝ่ายที่เห็นควรให้เลื่อนและไม่เห็นควรให้เลื่อน อย่างละ 5 ท่านพอดี จึงขอให้ใช้เวลาท่านละ 5 นาที โดยอภิปรายสลับกันไป ขอให้ไม่ซ้ำประเด็น อย่ามีการเสียดสี เพื่อให้ไม่เกิดการประท้วง และจะได้ไม่เสียเวลา

////////