‘เชาว์’ฉะ‘แม้ว’
เผ่นไปตั้งหลัก
คาดอ้างว่าป่วย
เลื่อนฟังคำตัดสิน

“เชาว์” เปิดเกมสุดท้าย “ทักษิณ” หนีตั้งหลักใช้แท็กติกกฎหมายยื้อศาลฯ อ่านคำสั่งคดีชั้น 14 รอดกลับไทย คุกหนีตลอดชีวิต

เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2568 นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ Facebook Chao Meekhuad เรื่อง เกมสุดท้ายทักษิณ : หนีตั้งหลัก หรือ หนีตลอดชีวิต มีเนื้อหาระบุว่า 9 กันยายนนี้ ศาลฎีกาฯ นัดฟังคำสั่งคดีบังคับโทษของ ทักษิณ ชินวัตร โดให้เจ้าตัวและ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เข้ารับฟังคำสั่งคดีที่สังคมตั้งฉายาไว้ว่า “คุกทิพย์” หลังกลับไทยเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ทักษิณถูกส่งเข้าเรือนจำเพียงวันเดียว ก่อนย้ายไปชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ อ้างอาการฉุกเฉิน แล้วสุดท้ายรับโทษจริงเพียงครึ่งปี ก็ได้พักโทษพ้นเรือนจำ ท่ามกลางข้อกังขาไม่ได้รับโทษจริงตามหมายศาล แต่เพียง 5 วันก่อนถึงวันนัดชี้ชะตา 9 กันยายน ทักษิณเลือกเดินทางออกนอกประเทศไปดูไบ พร้อมประกาศจะกลับมาทันวันที่ 8 กันยายนเพื่อเข้าฟังคำสั่งด้วยตนเอง ทว่า…พฤติการณ์ตลอด 17 ปีที่ผ่านมา ทำให้หลายคนตั้งข้อสงสัยว่า นี่คือการ “หลบหนีซ้ำ” หรือการใช้เทคนิคกฎหมายเพื่อยื้อเวลา

นายเชาว์ยังอ่านเกมทักษิณว่า เขาจะอ้างว่าเจ็บป่วยรักษาตัวอยู่ต่างประเทศ ถ้าศาลฯ เชื่อว่าเจ็บป่วยจริง ก็อาจจะให้เลื่อนการอ่านออกไปได้ แต่ถ้าดูตามพฤติการณ์ทักษิณแล้ว เชื่อว่าจงใจไม่มาฟังคำสั่ง ตามมาตรา 182 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ศาลฯ มีอำนาจออกหมายจับ และหากภายใน 1 เดือนไม่ได้ตัวจำเลย ศาลสามารถอ่านคำพิพากษาลับหลังได้ นี่คือเดิมพันครั้งใหญ่ที่ทักษิณใช้วิธีหนีไปตั้งหลักลุ้นอยู่นอกประเทศ

ถ้าศาลฯ มีคำสั่งเป็นคุณกับทักษิณ เขาจะกลับมาอย่างเท่ ๆ เหมือนที่ชอบพูด แต่ความจริงแล้วมันไม่เคยเท่…เพราะคือการหนีกคดีแล้วรอดกลับมา ไม่ใช่การยืนหยัดเผชิญความจริง แต่ถ้าศาลฯ ชี้ว่าต้องรับโทษจำคุก 1 ปีตามกฎหมาย ทักษิณก็แทบไม่มีทางเลือกอื่น นอกจาก “หนีคดีไปตลอดชีวิต” เพราะตาม พรป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 25 คดีนักการเมือง ช่วงหลบหนี ไม่นับอายุความ

”คดีนี้ไม่ใช่แค่ทักษิณ แต่คือบททดสอบ ศรัทธาของสังคมต่อกระบวนการยุติธรรมไทย“ นายเชาว์ ระบุ

ก่อนหน้านี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ว่าที่นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกนอกประเทศ ในฐานะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีจะติดตามเรื่องนี้อย่างไรว่า ทุกอย่างมีกฎหมายกำกับอยู่แล้ว ตนให้ความมั่นใจว่าภายใต้การทำงานของตนและคณะรัฐมนตรี เราจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ ไม่มีการช่วยใคร ไม่มีการแกล้งใคร ไม่มีการเอาคืนใคร สิ่งที่เกิดมาทั้งหมดมีทั้งดีและไม่ดี ไม่ว่าพวกตนจะโดนกระทำ ด้วยวิธีการใดๆก็ตาม ไม่ว่าจะโดนเข้าใจผิด และได้ปฏิบัติกับพวกตนอย่างไรก็ตาม “ถือว่าวันนี้พวกผมมาอยู่ตรงนี้แล้ว เราจะไม่ขยายความขัดแย้ง ความโกรธแค้นชิงชัง ให้เพิ่มมากขึ้นไปอีก คุณพ่อสอนไว้ว่าโกรธร้อยครั้งไม่เท่าอภัยครั้งเดียว ยึดคำพูดที่ถูกอบรมสั่งสอนมา” นายอนุทิน กล่าว