‘อนุทิน’ลั่นลุยแก้รธน.-ยุบสภาใน4ด.  ประกาศแก้ปัญหา4ด้าน  ศก.-ความมั่นคง-ภัยสังคม  ยันขอนั่งควบเก้าอี้มท.1เอง

‘อนุทิน’ลั่นลุยแก้รธน.-ยุบสภาใน4ด. ประกาศแก้ปัญหา4ด้าน ศก.-ความมั่นคง-ภัยสังคม ยันขอนั่งควบเก้าอี้มท.1เอง

วันจันทร์ ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

‘อนุทิน’ลั่นลุยแก้รธน.-ยุบสภาใน4ด.

ประกาศแก้ปัญหา4ด้าน

ศก.-ความมั่นคง-ภัยสังคม

ยันขอนั่งควบเก้าอี้มท.1เอง

ย้ำโผครม.เสร็จแล้ว99.97%

อุบไต๋ใครคุม‘กห.-ยุติธรรม’

“อนุทิน ชาญวีรกูล” รับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 เปิดใจขอเร่งแก้ 4 ปัญหาหลักเร่งด่วน ทั้งเรื่องปากท้องประชาชน ชายแดนไทย-เขมร ภัยธรรมชาติ ภัยสังคม  ย้ำชัดไม่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ทุกอย่างต้องกางบนโต๊ะ ไม่ใช่กฎหมู่เหนือกฎหมายเหมือนที่ตนเองเคยโดยมา เผย ครม. โผครม.เสร็จแล้วกว่า 99.97% รับมีเวลาน้อยแค่4เดือนต้องยุบสภาตามเงื่อนไข ต้องไม่เหนื่อย-ไม่ป่วย-ไม่ลา-ทำงานไม่มีวันหยุด

เมื่อเวลา11.33น.วันที่ 7กันยายน2568 ว่าที่ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร อัญเชิญพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 เดินทางมาถึงที่ทำการพรรคภูมิใจไทย โดยได้อัญเชิญไปยังสถานที่ในการรับสนองพระบรมราชโองการฯ จากนั้นเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้อ่านพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ความว่า “พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ด้วยความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (5) และประธานสภาผู้แทนราษฎรได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาว่าสภาผู้แทนราษฎร ได้ลงมติเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2568 เห็นชอบด้วยในการแต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี


ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 7 กันยายน พุทธศักราช 2568 เป็นปีที่ 10 ในรัชกาลปัจจุบัน ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร

อนุทินรับสนองพระบรมราชโองการ

จากนั้น นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวหลังรับสนองพระบรมราชโองการว่า ”ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม เนื่องในโอกาสที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งข้าพระพุทธเจ้า นายอนุทิน ชาญวีรกูล ให้ดํารงตําแหน่ง นายกรัฐมนตรี นับเป็นศุภสิริมงคล และเกียรติยศอันไพบูลย์ แก่ข้าพระพุทธเจ้าและครอบครัวอย่างหาที่สุดมิได้ พระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมนี้ จักเป็นที่สํานึกและเทิดทูนไว้ เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม ของข้าพระพุทธเจ้าและครอบครัวตลอดไป

ข้าพระพุทธเจ้า ขอถวายสัตย์ว่า จะมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างเต็มกําลังความสามารถ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และมีคุณธรรม ให้สมกับที่ทรงไว้วางพระราชหฤทัย เพื่อความผาสุกของประชาชนชาวไทย และความวัฒนาสถาพรของประเทศชาติ ตามพระราชปณิธาน และเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ”

บรรยากาศภูมิใจไทยคักคัก

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ สำหรับพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี มีบิดา นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล มารดาทัศนีย์ ชาญวีรกูล บุตรชายนายเศรณี ชาญวีรกูล คู่สมรส น.ส.ธนนนท์ นิรามิษ และครอบครัวชาญวีรกูล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคภูมิใจไทย หัวพรรคร่วมรัฐบาล เลขาธิการพรรค และแกนนำกลุ่มการเมืองของพรรคร่วมรัฐบาล อาทิ พรรคกล้าธรรม (กธ.) พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กลุ่ม 16 ของนายสุชาติ ชมกลิ่น และสส.เพื่อไทย นำโดยนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ สส.กาญจนบุรี พรรคภูมิใจไทย นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์ เป็นต้น มาร่วมแสดงความยินดี จากนั้น นายอนุทิน ได้คุกเข่ากราบบิดาและมารดา ก่อนเข้าสวมกอดและหอมแก้มบุตรชาย ก่อนเดินทักทาย หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล เลขาธิการพรรคแกนนำกลุ่มการเมือง สส.พรรคภูมิใจไทยและพรรคร่วมรัฐบาล ก่อนจะถ่ายภาพหมู่ร่วมกับครอบครัวและพรรคร่วมรัฐบาล

ทั้งนี้หลังจากมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีแล้ว นายกรัฐมนตรีจะจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) และเมื่อเลขาธิการคณะรัฐมนตรีตรวจสอบคุณสมบัติรายชื่อ ครม. แล้ว จะนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อให้โปรดเกล้าฯ ครม.ต่อไป ต่อจากนั้น นายกฯ พร้อม ครม.ชุดใหม่ เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณและจะต้องมีการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อที่ประชุมรัฐสภาภายใน 15วัน

เปิดใจขอทำงานเพื่อชาติ

ต่อมา เวลา12.15น.ที่พรรคภูมิใจไทย(ภท.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี แถลงเปิดใจภายหลังรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยการแถลงนี้ไม่มีช่วงตอบคำถามจากสื่อมวลชน เพื่อเป็นการส่งถ้อยแถลงไปยังประชาชนโดยตรงว่า นับเป็นพระมหากรุณากรุณาธิคุณ แก่ตนอันหาที่สุดมิได้ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ตนดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันนี้ ตนยืนยันด้วยความตระหนักดี ว่าการเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันนี้ อาจมีข้อจำกัดหลายประการหลายด้าน ในการปฎิบัติหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน อย่างไรก็ตาม ตนให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนที่เคารพรักทุกท่าน ว่า ตนและคณะรัฐมนตรีของผมทุกคน จะมุ่งมั่นทุ่มเททำงานด้วยความไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย จะใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเรามีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นกำลังกาย กำลังสมอง เพื่อให้ประเทศไทยของเราได้หลุดพ้นจากสถานการณ์วิกฤตต่าง ๆ โดยเร็วที่สุด

ขอบคุณทุกฝ่ายที่สนับสนุน

นายกฯ กล่าวต่อว่า ต้องขอขอบพระคุณพี่น้องประชาชนที่ได้ให้ความมั่นใจโดยผ่านความไว้วางใจและการลงคะแนนเสียงของบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคประชาชนที่ได้ให้การสนับสนุนตนให้เข้ามาแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า และได้เสียสละให้ประเทศไทยมีทางออกและหลังจากลงคะแนนเสียงเรียบร้อยแล้ว ได้กลับไปอยู่ในเจตนารมณ์เดิมของ พรรคประชาชนคือการเป็นฝ่ายตรวจสอบ ขอขอบคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากพรรคร่วมรัฐบาล เช่น พรรคกล้าธรรม พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปไตยใหม่และพี่น้องสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้ให้การสนับสนุนไว้วางใจทำให้รัฐบาลของผมภายใต้การนำของตนที่เป็นนายกรัฐมนตรีกำลังจะเกิดขึ้น เพื่อรับใช้พี่น้องประชาชนและประเทศไทยที่รักของเรา

เดินหน้าแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้ด้วยเวลาที่มีอยู่ เราจะเร่งแก้ไขปัญหา 4 ด้านที่เป็นภัยคุกคามและส่งผลต่อการดำรงชีวิตของประชาชนชาวไทย ได้แก่ 1.ปัญหาเศรษฐกิจเราจะเร่งดำเนินมาตรการลดรายจ่าย ลดค่าครองชีพ ลดค่าพลังงาน ค่าเดินทาง และค่าขนส่งต่าง ๆ ให้กับประชาชนและผู้ประกอบการ แก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับเกษตรกร และผู้มีรายได้น้อยหาทางมาตรการต่าง ๆ ดำเนินความสะดวกตามกฏหมายให้กับประชาชนตลอดจนทำให้รายได้ของชุมชนท้องถิ่นซึ่งเป็นฐานรากของสังคมไทย ให้มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น 2.ปัญหาความมั่นคงซึ่งเป็นปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบันนี้ รัฐบาลของตนจะเริ่มดำเนินมาตรการแก้ไขกรณีพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชา ด้วยแนวทางสันติภาพ เพื่อให้เกิดการลดความสูญเสียของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ แต่อย่างไรก็ตามประเทศไทยจะต้องยึดหลักการที่เราจะต้องไม่มีวันเสียดินแดนแผ่นดินของเรา แม้แต่ตารางเซนติเมตรเดียว คนไทยจะต้องไม่เสียประโยชน์ คนไทยจะต้องดำเนินชีวิตด้วยความเป็นปกติสุข และรัฐบาลจะเร่งดำเนินการชดเชยให้กับพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัย ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาอาจมีการล่าช้าไปบ้างแต่รัฐบาลของตนจะต้องชดเชยให้กับค่าเสียหายต่าง ๆ ให้กับประชาชน บริเวณจังหวัดที่มีชายแดนติดต่อกับกัมพูชา ด้วยความรวดเร็วครอบคลุมทุกหลังครัวเรือน

จัดทำระบบเตือนภัย

นายกฯ กล่าวต่อว่า เรื่องที่ 3 ภัยธรรมชาติ เราจะเร่งจัดทำระบบเตือนภัย ซึ่งเคยจัดทำมาแล้วช่วงที่ตนดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หวังว่าช่วงที่ตนไปพักร้อนอยู่สักพักหนึ่ง คิดว่าทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รวมถึงงานต่าง ๆ ที่เราเคยประชุมหารือกันอยู่คงไม่ได้หยุดในการที่จะจัดระบบเตือนภัย ป้องกันภัย ระบบการเยียวยาฟื้นฟู และระบบการแจ้งเตือนภัยต่าง ๆ ให้กับพี่น้องประชาชน เราจะต้องเร่งให้มีการชดเชยค่าเสียหายให้แก่ประชาชนผู้ประสบภัยไปธรรมชาติอย่างรวดเร็ว ทันท่วงที สมเหตุสมผล และเป็นธรรม ซึ่งมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดีสมัยที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งตนจะดำเนินการอย่างเต็มที่ เพราะตนจะควบตำแหน่งรมว.มหาดไทยด้วย ดังนั้น ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจะไม่มีการหยุดชะงัก และจะไม่มีการติดอุปสรรคใด ๆ ตนเชื่อมั่นว่าจะได้รับความร่วมมือที่ดีจากพี่น้องข้าราชการทุกหน่วยงานที่ตนมีความคุ้นเคย ซึ่งตนไม่ได้มีความคุ้นเคยเฉพาะพี่น้องข้าราชการในกระทรวงมหาดไทย หรือกระทรวงสาธารณสุข ที่ตนทำมาหลายปีเท่านั้น แต่ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี เป็นระยะระยะเวลาเกือบ 6 ปี ตนมีความสัมพันธ์มีเครือข่ายมีความร่วมมือจากทุกหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นด้านพลเรือน ตำรวจ ความมั่นคง ทหาร กองทัพ

นายอนุทิน กล่าวว่า ทั้งนี้ ในเวลาที่ผ่านมาช่วงที่ตนมีตำแหน่งหน้าที่ราชการอยู่ เรื่องปัญหาความร่วมมือไม่เคยเป็นอุปสรรคต่อการทำงานเพื่อตอบสนองพี่น้องประชาชนแต่อย่างใด ตรงกันข้ามตนมั่นใจในความสามารถของตัวเองที่จะเชื่อมต่อความสัมพันธ์ และประสานงานให้ทุกฝ่ายให้ความร่วมมือ เพราะประโยชน์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นด้วยเวลาที่รวดเร็ว ด้วยความร่วมมือที่เข้มแข็ง ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์คือพี่น้องประชาชน ซึ่งตนมั่นใจว่าตน และพี่น้องข้าราชการทุกท่านมีเป้าหมายเดียวกัน 4.ปัญหาภัยสังคม รัฐบาลจะเร่งปราบปรามกระบวนการค้ายาเสพติด ค้ามนุษย์ สแกมเมอร์การพนันและการพนันออนไลน์อย่างจริงจัง โดยสร้างความร่วมมือกับเพื่อนบ้าน เพื่อกำจัดภัยสังคมทุกรูปแบบ ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าตนไม่ได้มาด้วยบุญคุณของใคร เว้นแต่บุญคุณของประชาชนชาวไทย โดยผ่านผู้แทนราษฎร ที่ตนจะต้องตอบแทนบุญคุณ

“การแก้ไขปัญหาทั้งหลายที่ปมได้กล่าวมาใน 4 ปัญหาหลัก ขอความมั่นใจว่าจะต้องได้รับความร่วมมือในการประสานงาน เพื่อให้เจตนารมณ์ของตน ที่ขับเคลื่อนไปด้วยประสิทธิภาพ ความรวดเร็ว ปราศจากอุปสรรค สิ่งกีดขวางและมั่นใจว่าประสบการณ์ที่ตนและคณะรัฐมนตรีได้คัดสรรมา จะไม่มีเวลาที่ทำการทดลองงาน สามารถทำงานทันทีได้หลังจากการถวายสัตย์ปฏิญาณตน” นายกฯ กล่าว

ไม่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ไม่ว่าเรื่องใด ๆ ที่เป็นความกังขาทั้งเรื่องของจริยธรรม กฎหมาย ที่บางครั้งพวกตนก็ไม่ได้รับความยุติธรรม มีการกลั่นแกล้งใส่ร้าย แต่ถือว่าวันนั้นได้ผ่านไปแล้ว เรื่องที่เป็นสิ่งที่กังวลใจของพี่น้องประชาชน ตนขอยืนยันว่ารัฐบาลจะทำงานโดยยึดความถูกต้องของกฎหมายเป็นหลักเท่านั้น และขอย้ำจะไม่มีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมตามที่มีผู้ห่วงใย ปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินไปตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้น ความยุติธรรมจะต้องมีกับผู้คนทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ไม่มีการยัดเยียด ปรุงแต่งหรือการแกล้งใส่ร้ายอย่างที่เคยมีผู้ปฏิบัติมา ขอให้พี่น้องประชาชนได้มีความมั่นใจ นอกจากนี้จะเข้าไปเปิดเผยกระบวนการยุติธรรม ทุกอย่างต้องอยู่บนโต๊ะ สามารถอธิบายให้กับพี่น้องประชาชนที่สงสัยทราบ ตรงไหนผิดต้องดำเนินการด้วยกฏหมายไม่ใช่กฎหมู่

ยุบสภาในกรอบ4เดือน

นายอนุทิน กล่าวว่า ยังมีสิ่งที่ สส. และภาคประชาชนห่วงใย รวมถึงได้กำหนดอยู่ในข้อตกลงในการจัดตั้งรัฐบาบ คือรัฐบาลจะมีจุดมุ่งหมายในการแก้ไขให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้น ตามกระบวนการที่กำหนดไว้ ในหมวดของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ร่วมกับกระบวนการตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัย และหลังจากนั้นตนจะยุบสภาภายในกรอบเวลา 4 เดือน เพื่อที่จะได้คืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจอยาคตของประเทศ แม้จะมีเวลาไม่มาก ตนมั่นใจว่าตนจะได้รับการสนับสนุนจากทุกฝ่าย จะทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ รัฐบาลนี้มีเวลาน้อยตนพร้อมคณะรัฐมนตรีจะไม่มีวันหยุด ไม่มีพักร้อน และเป็นไปได้จะไม่มีการเจ็บป่วย จะไม่มีวันพักผ่อนกับครอบครัวเว้นแต่จะเป็นวันพักผ่อนตามร่างกายต้องการ

“ยืนยันว่าจะมีสุขภาพยืนหยัดทำงานเพื่อประชาชน ให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากสถานการณ์วิกฤตในเวลาที่มีอยู่ พร้อมจะสร้างรากฐานมั่นคงให้รัฐบาลชุดต่อไปจะสานต่อ โดยดำรงเจตนารมย์ให้พี่น้องประชาชนมีความอยู่ดีมีสุขมีความมั่นคงในชีวิตด้วยความยั่งยืนตลอดไป รวมทั้งจะสร้างความสามัคคีให้คนในชาติ เป็นพลังในการพัฒนาประเทศไทยสืบต่อไป” นายอนุทิน กล่าว

ยึดมั่นซื่อสัตย์สุจริต

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า ตนจะไม่ทำให้เจตนารมย์ของประชาชนที่ไว้วางใจต้องสูญเปล่า จะทุ่มเทอย่างสุดความสามารถที่จะทำงานตอบแทนบุญคุณของแผ่นดิน ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ มุ่งมั่นตั้งใจที่รับใช้พี่น้องประชาชนให้สมกับความไว้วางใจที่ท่านได้กรุณามีให้แก่ตนในการเป็นนายกรัฐมนตรี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงต่อประชาชนอย่างเป็นทางการ ลูกชายของ นายอนุทินได้มายืนฟังพ่อกล่าวถ้อยแถลงอย่างภาคภูมิใจด้วย รวมถึงบรรดาสส.กรรมการบริหารพรรค บรรดาสส.พรรคร่วม ต่างมาร่วมฟังการแถลงของ นายอนุทิน อีกด้วย

ย้ำโผครม.เสร็จแล้ว99.97%

เวลา 13.45น.นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ถึงโผคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในขณะนี้ ว่า ตอนนี้ 99.9725% ตอนนี้เริ่มลงตัวแล้วเหลือแค่ปรับเปลี่ยนและเขย่าอีกเล็กน้อยเพื่อให้ลงล็อกอย่างสมบูรณ์ แต่ไม่ขอลงรายละเอียดโดยเฉพาะรายกระทรวงอย่างเช่น กระทรวงยุติธรรม เพราะคณะรัฐมนตรีต้องนำรายชื่อทั้งหมดทูลเกล้าฯ ตราบใดที่ยังไม่มีการโปรดเกล้าฯลงมา ยังไม่สามารถพูดหรือวิพากษ์วิจารณ์ได้

เมื่อถามว่าจะมีรายชื่อรัฐมนตรีคนนอกเพิ่มเติม เซอร์ไพรส์อีกหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มี มีแต่เชิญผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์ และความทุ่มเทเสียสละเข้ามาทำงาน

เมื่อถามถึงคุณสมบัติของรัฐมนตรีต้องมีความพร้อมในการทำงานใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวย้ำว่า ต้องพร้อม ทุกคนมีความทุ่มเทและเสียสละ และบางคนต้องทิ้งอาชีพราชการเข้ามาทำงานในส่วนนี้ เช่น นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ยังมีอายุราชการอีก 6ปี ต้องตัดสินใจสละเข้ามาช่วยทำงาน ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย และระเบียบข้อบังคับทุกอย่างโดยเฉพาะในส่วนของคุณสมบัติ ซึ่งมีการตรวจอย่างละเอียด ก่อนจะตัดสินใจขั้นตอนสุดท้ายอยู่แล้ว

เมื่อถามถึงบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายอนุทิน กล่าวว่า บุคคลที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ต้องเป็นคนที่มีความยุติธรรมเป็นที่ตั้ง

เมื่อถามย้ำว่าต้องจับตาเป็นพิเศษหรือไม่ เพราะต้องกำกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ที่ทำเรื่องสว. นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ต้องจับตา ทุกคนก็ทำงานตามหน้าที่ โดยนึกถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นหลักจะไม่มีปัญหา ส่วนจะเป็นใครนั้น ถ้าเรียบร้อยแล้วจะเชิญลงมากินข้าวและแนะนำต่อสื่อมวลชน ไม่มีการปิดบังคนไหนชัดเจนก็แนะนำเพื่อให้ประชาชนรับทราบด้วย

พร้อมทูลเกล้าฯเร็วที่สุด

เมื่อถามว่าโผครม. จะเสร็จสิ้นและนำขึ้นทูลเกล้าฯได้เมื่อไหร่ นายกฯ กล่าวว่า ต้องเร็วที่สุด แต่เนื่องจากการตรวจสอบประวัติ มีขั้นตอนมาก เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าเราได้เสนอบุคคลที่มีคุณสมบัติถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ และบุคคลนั้นต้องรับรองตนเองด้วย อีกทั้งข้อมูลบุคคลบางคนที่มีการนำเสนอผ่านข่าวสารก็ต้องนำมาตรวจสอบด้วย เมื่อถามว่าวางกรอบระยะเวลาไว้เท่าไหร่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประมาณ5-6 หน่วยงาน แต่มั่นใจว่าหน่วยงานต่างๆจะเร่งตรวจสอบและส่งรายชื่อกลับมาโดยเร็ว

เมื่อถามถึงความกังวลว่าบุคคลที่แต่งตั้งครั้งที่แล้วไม่ได้รับการแต่งตั้งเนื่องจากติดเรื่องของคุณสมบัติ นายอนุทินกล่าวว่า ต้องพิจารณาคือต้องไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ต้องยึดกฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นที่ตั้ง เมื่อถามว่า ตอนนี้เหมือนในส่วนของเศรษฐกิจค่อนข้างจะแน่นปึกแล้ว ในส่วนของความมั่นคงเป็นอย่างไรบ้าง นายอนุทิน กล่าวว่า “แหน่ะ กลับมาที่เดิมอีกแล้ว” เรามีว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย จึงต้องยอมว่าตั้งแต่มีการตอบรับมาร่วมคณะรัฐมนตรี ตนได้รับกระแสความมั่นใจจากหลายฝ่ายโดยเฉพาะงานที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมถึงงานการแก้ไขปัญหาแนวชายแดน เพราะ เป็นบุคคลที่มีความสามารถมาก ส่วนความมั่นคงนั้นขอให้รออีกนิด

ไม่โกรธแค้นกับใคร

เมื่อถามว่ามีบุคคลที่จะมาชิงเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนจะเป็นคนตั้งในฐานะที่เป็นนายกฯ หากจะแต่งตั้งใครเพราะเกรงใจ ก็ต้องเกรงใจประชาชน เพราะรู้ว่าทำเพื่อใคร ต้องเป็นคนที่ดีที่สุดแน่นอน เมื่อถามว่า มีหลักคิดการทำหน้าที่อย่างไร นายอนุทินกล่าวว่า ทำตามกรอบกฎหมาย อย่างที่สื่อ เคยเห็นว่าตนเป็นคนคิดดีทำดี ไม่เคยโกรธแค้นใคร และไม่ต้องให้อภัยใคร เพราะไม่เคยโกรธใคร อาจจะมีโมโหบ้าง แต่ในช่วงข้ามคืนก็หายไป ยกมือไหว้กัน ยิ้มให้กันก็หาย คิดมาตลอดปีหน้าก็อายุ 60 ปีแล้ว ก็จะคิดเช่นนี้ ทำให้เห็นได้ว่าผมได้รับความร่วมมือจากบุคคลหลายหลายคนที่ไปเชื้อเชิญมา

3อดีตอธิบดี-ปลัด’มท.’ร่วมยินดี

เวลา 14.10น.ผู้สื่อข่าวรายงายงานว่า ภายหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ปรากฏว่า อดีตอธิบดี 3 คน ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส รองปลัดกระทรวงมหาดไทย อดีตอธิบดีกรมที่ดิน , นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย อดีตอธิบดีกรมการปกครอง และนายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย อดีตอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ได้เดินทางเข้าที่ทำการพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เพื่อมาแสดงความยินดีกับนายอนุทิน ทั้งนี้ อดีตอธิบดีทั้ง 3 คน ถูกโยกย้ายออกจากตำแหน่งอธิบดีในยุคที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย เป็นรมว.มหาดไทย

เวลา 14.40 น.นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เดินทางเข้าที่ทำการพรรคภูมิใจไทย โดยนำแจกันดอกไม้เข้าร่วมแสดงความยินดีด้วย จากนั้นเวลา 15.15น.นายอรรษิษฐ์ ลงมา พร้อมกล่าวว่า ไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องการทำงาน แค่มาแสดงความยินดีกับท่านที่ได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อถามว่า จะเดินหน้าอย่างไรในการแก้ไขปัญหาให้ประชาชน เนื่องจากมีเวลาเพียง 4 เดือน นายอรรษษิฐ์ กล่าวว่า การแก้ปัญหาทั้งหมดขึ้นอยู่กับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ และนายกรัฐมนตรีที่ได้แถลงนโยบายไว้ต่อสภา โดยข้าราชการประจำพร้อมจะนำไปปฏิบัติ

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top