“หมอวรงค์” กระทุ้ง “อนุทิน” รักษาจุดยืนตัวเอง-ภท.ยกเลิก MOU 43-44 ทบ.เผย 41 วัน ไทยคุม 18 เชลยศึกยึดตามก.ม.สากล พร้อมส่งตัวกลับเมื่อความขัดแย้งยุติโดยสมบูรณ์ ตอกเขมรยังไม่หยุดยิงจริงๆ วงประชุม “จีบีซี” ไทย–เขมร ระดับเลขาฯถก 5 ประเด็น ร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิด-ปราบสแกมเมอร์-ค้ามนุษย์–จัดการสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำชายแดน-ถอนอาวุธ-แก้เฟคนิวส์
เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2568 นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊ก “วรงค์ เดชกิจวิกรม - Warong Dechgitvigrom” ระบุ...อนุทิน ต้องยกเลิก MOU 43 และ 44 ว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในฐานะนายกรัฐมนตรีคนใหม่ น่าจะจำได้ว่าช่วงที่สถานการณ์ชายแดนไทย-เขมรร้อนแรง ทหารไทยเหยียบกับระเบิดขาขาดหลายนาย ปัญหาส่วนหนึ่งคือ MOU 43 และ MOU 44 ที่เขมรเป็นฝ่ายละเมิดมาตลอด และมีโอกาสสูงมากที่ประเทศจะเสียผลประโยชน์ โดยเฉพาะปัญหาแผนที่ 1:200,000 ของเขมร และการลากเส้นไหล่ทวีปที่อ้อม
เกาะกูด ของทางฝ่ายกัมพูชา
“เมื่อภาคประชาชนออกมาเคลื่อนไหวเรื่องนี้ พรรคภูมิใจไทยเป็นผู้เสนอญัตติให้สภาฯศึกษา เพื่อยกเลิก MOU ทั้งสองฉบับ วันนี้นายอนุทินมาเป็นนายกฯ อย่าไปสนใจคำหวานผ่านตัวหนังสือของฮุน มาเนต พวกเราขอเรียกร้องให้นายอนุทิน รักษาจุดยืนของตนเอง คือให้ครม.มีมติยกเลิก MOU ทั้งสองฉบับ ตามจุดยืนของตนเองที่เคยเสนอต่อสภา หวังว่านายอนุทินยังจำจุดยืนของตนเองได้ต่อเรื่องนี้ เพราะเพิ่งผ่านมาไม่นาน”นพ.วรงค์กล่าว
ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกชี้แจงกรณีกระทรวงกลาโหมกัมพูชาเผยแพร่ภาพอินโฟกราฟิกพร้อมข้อความว่า “41 วัน แล้วที่ทหารไทยจับกุมกำลังทหารกัมพูชาอย่างผิดกฎหมาย แต่ยังไม่ปล่อยตัวในช่วงเช้าวันที่ 29 กรกฎาคมทันที หลังข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ กองทัพไทยจับกุมกำลังทหารกัมพูชาอย่างผิดกฎหมายถึงวันที่ 8 กันยายน 2568 พวกเขาถูกควบคุมตัวอย่างผิดกฎหมายมาเป็นเวลา 41 วัน” นั้น แม้ข้อตกลงหยุดยิงที่ไทยและกัมพูชากำหนดร่วมกันว่าภายในเวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในพื้นที่คือ ไทยยังพบว่ากัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ใช้อาวุธโจมตีทหารไทยต่อเนื่อง ทำให้ไทยต้องตอบโต้และป้องกันอธิปไตยของตน ตลอดคืนวันที่ 28 กรกฎาคมถึงเช้าวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 ที่ไม่ปรากฏเสียงการใช้อาวุธในพื้นที่ชายแดน
โดยการควบคุมตัวทหารกัมพูชาทั้ง 18 รายนั้น เกิดขึ้นช่วงที่ยังสู้รบอยู่ และกัมพูชาไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงจริง ทำให้ไทยต้องควบคุมตัวเชลยศึกทั้งหมด ตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาเจนีวา ฉบับที่ 3 ว่าด้วยการปฏิบัติต่อเชลยศึก พ.ศ. 2492 ซึ่งไทยและกัมพูชาต่างเป็นรัฐภาคีที่ให้สัตยาบันร่วมกัน และระบุชัดเจนว่าเชลยศึกจะได้รับการส่งกลับ เมื่อสถานการณ์ความขัดแย้งทางอาวุธสิ้นสุดลงโดยสมบูรณ์ แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน กองทัพบกยังได้รับรายงานจากหน่วยทหารในพื้นที่ว่า พบการกระทำของทหารเขมรที่มีเจตนาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงต่อเนื่อง โดยตรวจพบโดรนลาดตระเวนในพื้นที่ชายแดน, การแสดงท่าทียั่วยุและสนับสนุนให้ประชาชนกัมพูชา แสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมต่อทหารไทย รวมทั้งการรุกล้ำอธิปไตยไทย ลักลอบเข้ามารื้อลวดหนามหรือลอบวางทุ่นระเบิด PMN-2 ของทหารเขมร ที่หวังต่อชีวิตและการสูญเสียฝั่งไทย การกระทำดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า สถานการณ์ความขัดแย้งด้วยอาวุธในพื้นที่นั้นยังไม่สิ้นสุดลง แม้สถานการณ์ภาพรวมจะมีแนวโน้มดีขึ้น
สำหรับการดูแลเชลยศึกนั้น กองทัพบกยืนยันว่า ดำเนินการตามข้อกำหนดในอนุสัญญาเจนีวาครบถ้วน ซึ่งที่ผ่านมาเปิดโอกาสให้คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) เข้ามาตรวจสอบ
สภาพความเป็นอยู่ พบปะพูดคุยกับเชลยศึกในพื้นที่ควบคุมรวมสองครั้ง ทั้งนี้ หากมีหน่วยงานหรือองค์กรใดๆ ต้องการมาตรวจสอบกระบวนการดูแลและควบคุมตัวเชลยศึก ให้ประสานผ่านกลไกระหว่างประเทศหรือกองทัพบกได้ตลอดเวลา
วันเดียวกัน กองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยผลประชุมกองเลขานุการร่วม สมัยวิสามัญ คณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย–กัมพูชา (GBC ไทย–กัมพูชา)โดยวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา พลโทณัฐพงษ์ เพราแก้ว เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย/เลขานุการ GBC เป็นประธานร่วมฝ่ายไทย และ
พลตรีแญม โบราเดน รองหัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมกัมพูชา เป็นประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา ที่จังหวัดเกาะกง กัมพูชา มีการหารือประเด็นสำคัญ ดังนี้ 1.ความร่วมมือด้านมนุษยธรรมในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด 2.ปราบอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและการค้ามนุษย์ 3.จัดการสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำพื้นที่ชายแดน 4.การลดความตึงเครียดในพื้นที่ชายแดน ด้วยการถอนอาวุธจากพื้นที่เสี่ยง 5.แก้ปัญหาข่าวปลอม และการยั่วยุบนสื่อสังคมออนไลน์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี