นักโทษเทวดา‘ทักษิณ’ปรับตัวได้ คุกคืนแรกหลับสนิท นอนห้องที่เคยขัง‘เสี่ยเปี๋ยง’

นักโทษเทวดา‘ทักษิณ’ปรับตัวได้ คุกคืนแรกหลับสนิท นอนห้องที่เคยขัง‘เสี่ยเปี๋ยง’

วันพฤหัสบดี ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

นักโทษเทวดา‘ทักษิณ’ปรับตัวได้
คุกคืนแรกหลับสนิท
นอนห้องที่เคยขัง‘เสี่ยเปี๋ยง’
‘ภูมิธรรม’ยกให้เป็นวีรบุรุษ
ปปช.ขยายผลคำสั่งบังคับโทษ
12ขรก.กรมคุก/รพ.ตร.หนาว

นักโทษเทวดา“ทักษิณ” นอนคุกคืนแรกหลับสนิท-ทานข้าวได้ ปรับตัวได้อย่างดี เผยนอนห้องที่เคยขังเสี่ยเปี๋ยงคดีโกงข้าว ด้าน“ภูมิธรรม”ยกเป็นวีรบุรุษประชาธิปไตย จับตา ป.ป.ช.ขยายผลคำสั่งบังคับโทษทักษิณ1 ปี เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์-รพ.ตำรวจ 12 รายมีหนาว “ชาญชัย-หมอวรงค์”แย้ม เทวดานักโทษมีโอกาสถูกดำเนินคดีอีก

เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568 หลังจากที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ได้รับตัว นายทักษิณ ชินวัตร ผู้นำจิตวิญญาณพรรคเพื่อไทย จากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไว้คุมขังตามคำพิพากษาของศาลให้บังคับโทษจำคุกแก่จำเลย โดยให้จำคุก 1 ปี ต่อมาในช่วงเย็นเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ซึ่งกรมราชทัณฑ์ กำหนดให้เป็นเรือนจำศูนย์ระหว่างการพิจารณาคดี (HUB) ได้ดำเนินการย้ายนายทักษิณ ไปควบคุมยังเรือนจำกลางคลองเปรม เนื่องจากเป็นนักโทษเด็ดขาดเพื่อแยกการปฏิบัติตามประเภทของผู้ต้องขังอย่างเหมาะสม ตามที่มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น


นอนคุกคืนแรกหลับดี

ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานภายในกรมราชทัณฑ์ว่านายทักษิณ ที่อยู่ระหว่างการกักโรคโควิด-19 ระยะเวลา 5 วัน ว่า คืนวันที่ 9 กันยายน นายทักษิณ อยู่ในห้องกักโรคคืนแรก พบว่า นายทักษิณ สามารถนอนหลับได้ ปรับตัวได้เป็นอย่างดี ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เรือนจำ ส่วนการรับประทานอาหารสามารถรับประทานอาหารได้ครบ ยังไม่ได้มีการร้องขอสิ่งใดเป็นพิเศษ

ส่วนเรื่องกระบวนการแรกรับผู้ต้องขังเข้าใหม่ แม้ว่าจะเป็นการย้ายการคุมขังออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครมายังเรือนจำกลางคลองเปรม แต่เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตามกระบวนการครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสุขภาพร่างกายโรคประจำตัว การใช้ยารักษาโรค ดูเรื่องสุขภาพจิตใจ พบว่าโดยรวมเป็นไปในทิศทางที่ดีตรวจสอบข้อมูล ทราบว่า นายทักษิณ ถูกคุมขังอยู่ภายใน แดน 10 เรือนจำกลางคลองเปรม ซึ่งแดน10 นั้น เป็นแดนที่มีช่องทางเชื่อมต่อกับทางด้านหลังของ ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ อีกทั้ง แดนดังกล่าวมีอาคารกักโรคเป็นสัดส่วน และยังเคยใช้เป็นที่คุมขังผู้ต้องขังรายสำคัญอย่าง ”เสี่ยเปี๋ยง” อภิชาติ จันทร์สกุลพร ซึ่งได้รับการปล่อยตัวพักโทษออกจากเรือนจำไปแล้ว

“เอม”ยกพ่อเป็นวีระบุรุษ

วันเดียวกัน ‘เอม’ น.ส.พินทองทา (ชินวัตร) คุณากรวงศ์ บุตรสาวของนายทักษิณ โพสต์รูปขณะหอมแก้มนายทักษิณ ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว ระบุข้อความว่า ไม่ว่าใครจะเรียกท่านว่าอะไร (มียศหรือไม่มี หรือชื่อร้ายกาจแค่ไหน) คุณพ่อก็เป็นวีรบุรุษที่สุดยอดในใจพวกเรา เรื่องราวใดๆในโลกนี้ ที่หลายๆคนมักมั่นใจว่าตัวรู้ทุกเรื่องทุกมุมละเอียด…อยากบอกว่ามันไม่มีทางครบ ทุกเรื่อง ทุกมุม อย่างที่เราเชื่อหรอกค่ะ… คนบางคนก็มักจะตัดสินคนอื่นๆ และคิดว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องเสมอ (ตัดสินออกมาเสียงดังๆด้วย) ในแบบของตัวเองแต่สำหรับตัวเราและครอบครัวนั้นเชื่อว่า

เราอยู่เคียงข้างกันมาทุกจังหวะของชีวิตทุกเรื่องราว คลื่นทุกลูก คนเคยรักกันที่หักหลังรวดเร็ว แต่ก็ยังมีกลุ่มคนมากมายที่ทุ่มเทใจให้เรา รักและอยู่เคียงข้างกันมาเสมออีกมากมาย … (ขอกราบใจค่ะ)

เราเองย่อมเข้าใจที่มาที่ไปของเรื่องราวทั้งหมดของเราครอบครัวเราและนั่นคือสิ่งที่ทำให้ลูกสาวคนนี้ประทับใจ ภาคภูมิใจ ในความกล้าหาญ ความมุ่งมั่นและความเสียสละของผู้นำท่านนี้…”คุณพ่อ”ผู้นำที่เข้มแข็งและมีความหวัง คอยมอบพลังบวกให้พวกเราเสมอ ทำให้พวกเราเข้มแข็งและมีความหวังและพร้อมผ่านเรื่องราว เหล่านี้ “ด้วยกัน” แน่นอน… เราร้องไห้ด้วยกัน…หัวเราะด้วยกัน…และฮึดสู้ด้วยกัน …”เดี๋ยวมันก็ผ่านไป” (ด้วยกัน)

ท้ายที่สุดเอมและครอบครัว อยากขอขอบพระคุณจากใจ สำหรับทุกๆกำลังใจที่ส่งมาให้คุณพ่อและครอบครัวเราอย่างท่วมท้น พวกเราซาบซึ้งถึงพลังงานดีดีเหล่านี้ และมันเป็นกำลังใจให้พวกเราอย่างมากมายจริงๆค่ะ #ลูกจะเข้มแข็งให้ได้ทุกวันค่ะ

“ภูมิธรรม”ยกวีรบุรุษปชต.

ด้านนาย นายภูมิธรรม เวชยชัย แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าตนต้องไปเยี่ยมนายทักษิณแน่นอน เพราะตนไม่ได้รู้สึกว่าท่านได้ทำอะไรผิดมาตั้งแต่ต้นทาง ตลอดจนถึงปัจจุบัน ท่านถูกกระทำโดยอำนาจการจัดการ ในการเข้าสู่การเป็นรัฐบาลนอกระบบ เพราะฉะนั้นหลายสิ่งหลายอย่างที่ตั้งขึ้นมารอวันพิสูจน์

นายภูมิธรรม ยังกล่าวอีกว่า ซึ่งในสายตาตน นายทักษิณเป็นนักสู้คนหนึ่ง เห็นภาพนายทักษิณ สวมชุดคอกลมสีฟ้า และดูเหมือนจะกล้อนผมด้วยก็สะเทือนใจ ตนคิดว่าท่านพิสูจน์ให้เห็นว่า ถ้าท่านจะหนีไปเลยก็ไปได้ เพราะอยู่นอกประเทศอยู่แล้ว และนายทักษิณก็อยู่ต่างประเทศไม่ได้ลำบาก ซึ่งการที่ท่านตัดสินใจกลับมา ถือว่าเป็นคนที่รับผิดชอบต่อตัวท่านเอง และประชาชนที่เคารพนับถือท่าน ในสายตาตนนายทักษิณเป็นวีรบุรุษประชาธิปไตยคนหนึ่ง

ทักษิณเสี่ยงโดนโทษเพิ่ม

แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ถึงกรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (อม.) มีคำพิพากษาตัดสินกรณีการตรวจสอบข้อเท็จจริงการบังคับโทษคดีถึงที่สุด นายทักษิณ คดีติดคุกทิพย์ โดยเห็นว่า การส่งตัวนายทักษิณ จำเลยไปรักษาตัวนอกเรือนจำและบังคับโทษไม่เป็นไปตามกฎหมาย จำเลยไม่อาจถือระยะเวลาที่อยู่ในรพ.ตร.เป็นโทษจำคุก จึงต้องบังคับโทษจำคุกจำเลย 1 ปี ตามพระบรมราชโองการ ว่า ในส่วนของ ป.ป.ช.คงจะมีการนำผลคำตัดสินของศาลฎีกา เข้าไปรายงานในที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ให้รับทราบ และคงจะมีการนำคำพิพากษาตัดสินดังกล่าว มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการไต่สวน ข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ กรมราชทัณฑ์ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โรงพยาบาลตำรวจ จำนวน 12 ราย กรณีเอื้อประโยชน์ นายทักษิณ เข้าพักรักษาตัวที่ ห้องพิเศษชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ตามที่มีมติมอบหมายให้ กรรมการ ป.ป.ช. ทุกรายเป็นองค์คณะไต่สวนไปก่อนหน้านี้

“ส่วนผู้เกี่ยวข้องรายอื่นๆ นอกจากข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ กรมราชทัณฑ์ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โรงพยาบาลตำรวจ จำนวน 12 ราย ว่าจะมีการตั้งไต่สวนเพิ่มเติม หรือไม่ คงต้องดูข้อเท็จจริงอีกครั้งว่าเกี่ยวข้องมากน้อยแต่ไหน รวมถึงตัวนายทักษิณในฐานะผู้สนับสนุนการกระทำความผิดด้วย ก็คงต้องดูรายละเอียดเพิ่มเช่นกัน” แหล่งข่าวระบุ

“ชาญชัย”เผยได้หลักฐานใหม่

ขณะที่ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ยื่นคำร้องขอตรวจสอบการบังคับโทษตามคำพิพากษาของนายทักษิณ ให้สัมภาษณ์ว่า การวินิจฉัยครั้งนี้ศาลฯ ได้นำข้อเท็จจริงทั้งจากข้อกฎหมาย รวมทั้งประเด็นคำร้องที่ตนเคยยื่นเอาไว้เมื่อ 2 ครั้งก่อน นอกจากนี้ยังได้พยานหลักฐานใหม่ ทั้งจาก ป.ป.ช. คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ คณะกรรมาธิการด้านสิทธิมนุษยชนของวุฒิสภา และแพทยสภา มาประกอบข้อเท็จจริง จนพบว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้น

นายชาญชัย กล่าวว่า คำตัดสินดังกล่าว ศาลวินิจฉัยแล้วเห็นว่า เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ดำเนินการส่งตัวนายทักษิณออกนอกเรือนจำไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลข้างนอก เป็นขั้นตอนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากไม่เป็นไปตามมาตรา 55 แห่ง พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 ส่วนนายทักษิณนั้น วินิจฉัยชัดว่า รู้ตัวเองว่าไม่ได้ล้มป่วยตามที่กล่าวอ้าง และแน่ชัดว่า นายทักษิณอยู่เบื้องหลังและรู้เห็นเป็นใจให้เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์กระทำความผิด จึงถือเป็นผู้สนับสนุนให้เจ้าหน้าที่กระทำความผิด กล่าวโดยสรุปคือ การถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลก่อนจะถูกพักโทษของนายทักษิณนั้น เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และยังส่งผลทำให้การพักโทษตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาไม่ชอบด้วยกฎหมายเช่นเดียวกัน ศาลจึงมีคำสั่งบังคับโทษจำคุกตามคำพิพากษา 1 ปี

ส่วน นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า ขอชื่นชมนายทักษิณที่กล้ากลับมาเข้าสู่กระบวนการเพื่อให้เกิดการเดินหน้าต่อไป

“หลังจากนี้นั้น ทาง ป.ป.ช. คงจะต้องนำคำสั่งของศาลไปดำเนินการต่อไป โดยเฉพาะการขยายประเด็นเพื่อเอาผิดเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทั้งเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม รวมทั้งตัวนายทักษิณที่ร่วมกระทำความผิดด้วย นอกจากนี้ คำสั่งของศาลจะถูกนำไปเป็นพยานหลักฐานในคณะกรรมการสอบวินัยของโรงพยาบาลตำรวจ ยืนยันว่า จะเข้าไปติดตามขยายผลการดำเนินการทั้งของ ป.ป.ช. และของโรงพยาบาลตำรวจต่อไป” นายสมชายระบุ

เปิด12ขรก.เอี่ยวช่วยเทวดา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ จำนวน 12 ราย ที่จะถูกดำเนินไต่สวนกรณีนี้ ประกอบด้วย 1. นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ 2. นายสิทธิ สุธีวงศ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ 3. นายชาญ วชิรเดช รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ 4. นายนัสที ทองปลาด ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 5. พลตำรวจโท โสภณรัชต์ สิงหจารุ เมื่อครั้งนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ 6. พลตำรวจโท ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ 7. พันตำรวจเอก ชนะ จงโชคดี นายแพทย์ (สบ 5) โรงพยาบาลตำรวจ แพทย์เจ้าของไข้ และผู้ออกใบความเห็นแพทย์8. พลตำรวจตรี สามารถ ม่วงศิริ แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ผู้ออกใบความเห็นแพทย์ 9. นายแพทย์ วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ 10. แพทย์หญิง รวมทิพย์ สุภานันท์ แพทย์ผู้ตรวจร่างกายขณะรับตัวผู้ต้องขังใหม่ 11. นายสัญญา วงค์หินกอง พัศดีเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร12. นายธัญพิสิษฐ์ ขบวน พยาบาลเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

อย่างไรก็ดี การตั้งองค์คณะไต่สวนคดีนี้ของป.ป.ช. เป็นการไต่สวนคดีตามขั้นตอนทางกฎหมาย ยังต้องผ่านขั้นตอนอีกหลายขั้นตอน ถ้าพบว่า มีมูลจึงจะมีการแจ้งข้อกล่าวหา และเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจง จากนั้นจึงจะสรุปสำนวน ส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลอีกครั้ง ซึ่งข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐทั้ง 12 ราย ตามรายชื่อข้างต้น ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่

เตือนขรก.ต้องตรงไปตรงมา

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก ระบุว่า#ข้อคิดทักษิณติดคุกหลังจากศาลฎีกา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งให้นายทักษิณต้องไปจำคุก 1ปี อย่างน้อยสังคมต้องขอบคุณศาล ที่ศาลท่านยังเป็นที่พึ่งให้กับประชาชน และความถูกต้อง

นพ.วรงค์ ยังกล่าวเตือนให้ข้าราชการทำงานตรงไปตรงมาเพราะจะเป็นเกราะคุ้มกันตัวเอง

“เหตุการณ์นี้ก็ต้องถือว่า เป็นการเตือนสตินักการเมือง ข้าราชการทั้งหลาย ที่ต้องตรงไปตรงมา ต้องอาสามาทำงานเพื่อชาติและประชาชนจริงๆ ส่วนข้าราชการราชทัณฑ์ ที่กำลังดูแลนายทักษิณ ทำอะไรให้คำนึงถึงข้อกฏหมายด้วย เพราะหลายท่านกำลังถูกดำเนินคดีโดยป.ป.ช.ในคดีช่วยเหลือนายทักษิณ อย่ามาสร้างคดีขึ้นใหม่”นพ.วรงค์ กล่าว

ไม่ควรไปยกย่องทักษิณ

ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Chaiyan Chaiyaporn ระบุว่า ทักษิณสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายมากกว่าจะยอมติดคุกจริงๆ ไม่ควรต้องยกย่องอะไร ทั้งนี้ ศ.ดร.ไชยันต์ เขียนในคอมเมนต์ด้วยว่า จนมุมถึงยอมติด ไม่ใช่ คนจริง คนกล้าอะไร เพราะถ้าไม่กลับมาติด ก็ถือว่าทิ้งลูกสาวให้เผชิญคดีความสารพัด จะเป็นพ่อใจ...สุดๆและตัวเองก็เป็นคนทำให้ลูกโดนคดี

ทั้งนี้อาจารย์ไชยันต์ ยังยกคดีต่างๆมาประกอบการอธิบายเรื่องราวเกี่ยวกั้บนายทักษิณ และบุตรสาว

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top