‘ทวี-สมศักดิ์’ลงนามประกาศห้ามขาย‘ใบกระท่อม-น้ำต้มใบกระท่อม’ใกล้สถานศึกษา ระยะ 1,000 เมตร ห้ามแผงลอย-หาบเร่ขายบนทางเท้า-ทางสาธารณะ ฝ่าฝืนปรับ 50,000 บาท
11 กันยายน 2568 ที่ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงาน ป.ป.ส.(ดินแดง) กรุงเทพฯ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ได้ร่วมลงนามในประกาศกระทรวงยุติธรรมและกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดสถานที่ วิธีการ หรือลักษณะต้องห้ามในการขายใบกระท่อม พ.ศ. 2568 พร้อมด้วย น.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ที่ปรึกษา รมว.สาธารณสุข นายนิยม เติมศรีสุข ผู้ช่วย รมว.ยุติธรรม นายวิชัย ไชยมงคล กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี นายสรวิศ ธานีโต คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ศักดา อัลภาชน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมแพทย์แผนไทย นายแพทย์สุรโชค ต่างวิวัฒน์ เลขาธิการ อย. น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารณสุขฝ่ายการเมือง นายมานะ ศิริพิทยาวัฒน์ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. ผู้บริหารกระทรวงยุติธรรมและผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า พืชกระท่อมเป็นพืชที่มีความผูกพันกับวิถีชีวิตของประชาชนในหลายพื้นที่ ซึ่ง พ.ร.บ.พืชกระท่อม พ.ศ. 2565 มีเจตนารมณ์เพื่อปลดล็อกจากสถานะยาเสพติด คืนสิทธิ์ให้กับประชาชนใช้ประโยชน์ได้อย่างสร้างสรรค์ ทางด้านสุขภาพและด้านเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม รัฐยังคงต้องมีมาตรการควบคุมเพื่อป้องกันการใช้ในทางที่ผิด ซึ่งอาจกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและความสงบเรียบร้อยของสังคม ประกาศร่วมระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงยุติธรรมในวันนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมการเร่ขาย และตั้งแผงลอยขายใบกระท่อมในที่สาธารณะ โดยเฉพาะในรัศมีไม่เกิน 1,000 เมตร หรือ 1 กม. จากแนวรั้วของสถานศึกษา เพื่อคุ้มครองกลุ่มเปราะบางและดูแลความปลอดภัยของสังคมโดยรวม จึงต้องขอบคุณทั้งสองกระทรวงที่ได้ร่วมกันผลักดันนโยบายนี้อย่างเข้มแข็ง และสะท้อนถึงเจตนารมณ์ร่วมกันในการสร้างสมดุลระหว่างการใช้ประโยชน์จากพืชกระท่อม และการดูแลสังคมให้ปลอดภัยอย่างยั่งยืน
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับพัฒนาการของพืชกระท่อมในเชิงอุตสาหกรรม ตนต้องบอกว่าการปลดล็อกพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดตอนแรก ไม่ใช่ว่าให้พี่น้องประชาชนมาใช้แบบสุรุ่ยสุร่าย หรือโดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กและเยาวชน หรือบุคคลที่ไม่สมควรที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับตรงนี้ เราก็ทำให้เกิดความเรียบร้อย มีการจัดระเบียบ แต่ในส่วนของภาคอุตสาหกรรมและประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นทั้งในทางการแพทย์นั้น มีความก้าวหน้าเป็นอย่างยิ่ง เพราะการที่ตนไปทำงานอยู่ที่กระทรวงสาธารณสุข จึงได้ทำให้ทราบข้อมูลว่า กระท่อมมีสารที่เรียกว่า “ไมทราไจนีน” และ “7-ไฮดรอกซีไมทราไจนีน” ถ้าเราแยกออกมาเป็นสารเข้มข้นแล้วมันสามารถจำหน่ายได้ราคาแพง อย่าง 7-ไฮดรอกซีไมทราไจนีน ราคาของสารสกัดปริมาณ 1 ลิตร ประมาณ 800,000 บาท ส่วนไมทราไจนีน ที่มีความเข้มข้นถึง 50% ราคาสกัดปริมาณ 1 ลิตร จะขายได้ถึง 800,000 บาท อย่างไรก็ดี การสกัดพืชกระท่อมนั้น เป็นงานของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ที่ได้ค้นพบวิธีการสกัดด้วยไมทราไจนีน และ 7-ไฮดรอกซีไมทราไจนีน อย่างไรก็ตาม ย้ำว่าประกาศฉบับนี้มีเพื่อป้องกันสตรีมีครรภ์ เด็กและเยาวชนไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับใบกระท่อมและน้ำต้มใบกระท่อม ส่วนเรื่องมูลค่าทางเศรษฐกิจเราก็จะรักษาไว้ ใครปลูกแล้วไปตัดทิ้งก็ให้คิดใหม่ เพราะมันยังมีส่วนที่ทำเงินได้ หากมีปริมาณเพียงพอ ก็มาปรึกษากรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ก่อนได้
ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีว่าภายหลังจากที่มีการเอากระท่อมออกจากบัญชียาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2564 ก็มีการใช้ประโยชน์จากพืชกระท่อมในเชิงเศรษฐกิจ และสามารถสร้างรายได้จากการส่งออกพืชกระท่อมตกปีละหลายร้อยล้านบาท ขณะเดียวกันก็มีการปลูกพืชกระท่อมเพิ่มขึ้นทั่วประเทศ โดยเฉพาะในปี 2568 มีการปลูกพืชกระท่อมทั่วประเทศจำนวน 6,700 แปลงรวมพื้นที่ในการปลูก 16,083 ไร่ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เป็นประโยชน์ หากเราไม่สามารถควบคุมก็อาจทำให้เกิดผลกระทบตามมา ไม่ว่าจะเรื่องการต้มใบกระท่อม การเคี้ยวใบกระท่อม หรือดื่มต้มผสมกับสารหรือวัตถุสารใดๆ ซึ่งพบข้อมูลมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยมีข้อมูลของเครือข่ายนักวิชาการได้เปรียบเทียบความแตกต่างของสถิติในปี 2567 และปี 2562 (ปีที่ยังไม่ปลดกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติด) พบว่า ในปี 2562 มีผู้ใช้ใบกระท่อมจากเดิม 712,004 ราย ก็เพิ่มเป็น 3,852,491 ราย หรือเพิ่มเป็น 5 เท่า ส่วนผู้เสพ เพิ่มจาก 470,000 ราย เป็น 2,700,000 ราย หรือเพิ่มเป็น 7 เท่า ส่วนผู้ติดพืชกระท่อม เดิมมีจำนวน 160,000 ราย เพิ่มเป็น 1,300,000 ราย หรือ 8 เท่า และที่สำคัญยังพบว่ามีการบำบัดผู้ติดพืชกระท่อม มีการเพิ่มขึ้นถึง 17% เป็นจิตเวช และขณะนี้ก็มีการสำรวจจุดขายพืชกระท่อมที่เป็นลักษณะเป็นหาบเร่ แผงลอย หรือกระจายอยู่ทั่วประเทศ ประมาณ 1,113 จุด ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องร่วมกันมีประกาศ เรื่อง กำหนดสถานที่ วิธีการ หรือลักษณะต้องห้ามในการขายใบกระท่อม พ.ศ. 2568 เพื่อไม่ให้ใช้พืชกระท่อมในทางที่ผิด เนื่องจากตอนนี้พืชกระท่อมถูกกฎหมาย
พ.ต.อ.ทวี กล่าวอีกว่า ประกาศ เรื่อง กำหนดสถานที่ วิธีการ หรือลักษณะต้องห้ามในการขายใบกระท่อม พ.ศ. 2568 ภายหลังจากมีการประกาศลงราชกิจจาฯ และมีผลบังคับใช้ แม้ว่าจะมีโทษจำคุก แต่ก็มีโทษปรับ หากฝ่าฝืนปรับไม่เกิน 50,000 บาท จึงเป็นประกาศที่ส่งสัญญาณที่จะไปควบคุม เพราะว่าในเชิงเศรษฐกิจหรือเชิงเป็นประโยชน์ของพืชกระท่อม ก็ยังอยู่ในแนวเดิม แต่เราไม่ต้องการให้น้ำพืชกระท่อมไปใช้ในทางที่ผิด ตนคิดว่าก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้กฎหมายพืชกระท่อมมีความสมดุลขึ้น วันนี้จะเป็นวาระสำคัญและต้องขอบคุณกระทรวงสาธารณสุข และ ป.ป.ส. และไม่ใช่ว่ารัฐบาลชุดนี้จะหมดเวลาแล้วจึงรีบมาทำ แต่เท่าที่ทราบเราได้มีการศึกษา เพราะกฎหมายหรือกฎเกณฑ์ที่จะเอาไปใช้กับประชาชน มันต้องมีความรอบด้าน และต้องมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นทุกภาคส่วน ประกาศฉบับนี้จึงเป็นประกาศที่เชื่อว่าเมื่อประกาศไปแล้วประชาชนหรือถูกภาคส่วนจะมีความเชื่อถือและศรัทธาและจะยึดประกาศฉบับนี้เพื่อร่วมกันทำให้สังคมโดยเฉพาะสังคมที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ คนจะมีสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ สำนักงาน ป.ป.ส. รายงานว่า ตามที่ได้มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.พืชกระท่อม พ.ศ. 2565 ซึ่งมีสาระสำคัญประการหนึ่ง คือ การกำหนดมาตรการกำกับดูแลการขาย การโฆษณาและการบริโภคใบกระท่อม ซึ่งหากบริโภคมากเกินสมควรก็อาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคได้ จึงมีบทบัญญัติเพื่อคุ้มครองสุขภาพของบุคคลซึ่งมีอายุต่ำกว่า 18 ปี สตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร และห้ามมิให้ผู้ใดขายใบกระท่อมในสถานศึกษา หอพัก สวนสาธารณะ สวนสัตว์ และสวนสนุก ขายโดยใช้เครื่องขาย หรือขายในสถานที่ โดยวิธีการ หรือในลักษณะอื่นใดตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกันประกาศกำหนด และจากสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งปรากฏการขายใบกระท่อมและน้ำต้มใบกระท่อมในลักษณะเร่ขาย หรือตั้งแผงลอยขายในที่สาธารณะและตามท้องถนนสาธารณะ รวมถึงการขายในบริเวณใกล้สถานศึกษา ส่งผลให้เด็กหรือเยาวชนและกลุ่มเปราะบางอื่นสามารถเข้าถึงหรือหาซื้อใบกระท่อมหรือน้ำต้มกระท่อมไปใช้ในทางที่ผิดได้โดยง่าย ซึ่งรัฐบาลได้รับข้อร้องเรียนจากประชาชนจำนวนมากให้เร่งรัดดำเนินการและหาแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยด่วน
สำหรับการร่วมลงนามประกาศกระทรวงยุติธรรมและกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดสถานที่ วิธีการ หรือลักษณะต้องห้ามในการขายใบกระท่อม พ.ศ. 2568 โดยมีสาระสำคัญ คือ 1.ห้ามผู้ใดขายใบกระท่อมและน้ำต้มใบกระท่อมในสถานที่ซึ่งตั้งอยู่ในระยะห่างไม่เกิน 1,000 เมตร จากแนวรั้วหรือแนวเขตของสถานศึกษา ตามมาตรา 25 (1) 2.ห้ามผู้ใดขายใบกระท่อมและน้ำต้มใบกระท่อมโดยวิธีการหรือลักษณะการเร่ขาย หรือการจัดตั้งแผงลอย ประกาศฉบับนี้ จะมีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 30 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ผู้ฝ่าฝืนมีโทษปรับ 50,000 บาท ตาม พ.ร.บ.พืชกระท่อม พ.ศ. 2565 ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นการกระทำที่เป็นการฝ่าฝืนประกาศดังกล่าว สามารถแจ้งข้อมูลมายังสำนัก งานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาคได้ทุกแห่ง รวมถึงสามารถแจ้งมายังสายด่วนยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. หมาย เลข 1386 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี