เบรกเปิดด่าน ‘เสี่ยหนู’อุ่นเครื่องอัดเขมร พร้อมเผชิญหน้า‘ฮุน มาเนต’

เบรกเปิดด่าน ‘เสี่ยหนู’อุ่นเครื่องอัดเขมร พร้อมเผชิญหน้า‘ฮุน มาเนต’

วันอาทิตย์ ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

เบรกเปิดด่าน
‘เสี่ยหนู’อุ่นเครื่องอัดเขมร
พร้อมเผชิญหน้า‘ฮุน มาเนต’

“เสี่ยหนู-สีหศักดิ์” อุ่นเครื่องอัดเขมร ย้ำนโยบายไม่เปิดด่านเพราะต้องดูแลความปลอดภัยประชาชนแนวชายแดน ด้าน “บิ๊กเล็ก” แจงขออภัยการสื่อสารผิดพลาด

วันที่ 13 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าว รายงานว่า พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รักษาการ
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการข่าวไทยรัฐทีวี เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา โดยยืนยันว่ายังไม่มีการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นเพียงการหารือ และอนุญาตให้กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด มีอำนาจในการพิจารณาผ่อนปรนเป็นรายกรณีเท่านั้น โดยยังไม่อนุญาตให้บุคคลทั่วไปเดินทางผ่านได้


พลเอก ณัฐพล ยังชี้แจงว่าการดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับชายแดนไม่ได้มาจากกระทรวงกลาโหมเพียงฝ่ายเดียว แต่เป็นมติจากคณะกรรมการ GBC (General Border Committee) ซึ่งประกอบด้วยหลายหน่วยงานความมั่นคง โดยมี ผบ.ทหารสูงสุดเป็นผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ

พลเอก ณัฐพล ยังระบุว่าได้รับฟังความเห็นของฝ่ายทหารที่คัดค้านการเปิดด่าน และได้สั่งการให้ ผบ.ทบ.และแม่ทัพภาค 2 เพิ่มความระมัดระวัง พร้อมตรวจสอบความจริงใจของฝ่ายกัมพูชาอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ การตัดสินใจในอนาคตจะพิจารณาจาก 4 ข้อตกลง โดยเฉพาะการถอนอาวุธหนัก เช่น จรวด BM-21 และ PHL-03 ของกัมพูชา ซึ่งหากถอนออกไปจริงจะถือเป็นสัญญาณที่ดีและช่วยลดความเสี่ยงจากการปะทะในวงกว้าง เพื่อให้ประชาชนปลอดภัย และพลเอก ณัฐพล ยังได้กล่าวขออภัยที่ทำให้เกิดความสับสนในการสื่อสารก่อนหน้านี้ด้วย

แม่ทัพกุ้งชี้สถานการณ์ยังตึงเครียด

ด้าน พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวภายหลังเป็นวิทยากรพิเศษในการเสวนา “เรื่องเล่าจากแนวหน้าและการรักษาอธิปไตยของชาติ” ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี เมื่อวันที่ 12 ก.ย.68 ที่ผ่านมาถึงเรื่องการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชาว่า เรื่องการเปิดชายแดนก็ต้องร่วมมือหารือกันหลายฝ่าย แต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกันก็คงจะหารือกับทางฝั่งรัฐบาลว่าตรงไหนไม่พร้อมตรงไหนพร้อมเปิดได้ อย่างของกองทัพภาคที่ 1 และภาคที่ 2 พื้นที่ก็ไม่เหมือนกันก็คงต้องพิจารณาหลายส่วนร่วมกัน

เมื่อถามว่าการจะเปิดด่านทางใายกัมพูชาต้องจริงใจมากกว่านี้ใช่หรือไหม แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า การเปิดด่านต้องคุยกันให้เป็นเรื่องเป็นราวก่อนให้ชัดเจน เชื่อว่าการเปิดด่านจะเป็นวิธีสุดท้ายในการเลือกแต่ทั้งนี้ต้องคุยกันเรื่องกำลังพลก่อน คุยกันเรื่องยุทธการที่ขัดแย้งเรื่องอาวุธให้แล้วเสร็จก่อน เพราะตอนนี้กัมพูชาก็เสริมกำลังมาเรื่อยๆ ส่วนการเปิดด่านจุดไหนบ้างนั้นก็ต้องให้รัฐบาลไปชี้แจงกับพี่น้องประชาชน ส่วนด่านในส่วนของกองทัพภาคที่ 2 ดูแลจะพิจารณาเป็นจุดๆ ไป ตอนนี้คงเปิดไม่ได้ เพราะตอนนี้อยู่ในภาวะตึงเครียดอยู่ การเจรจายังไม่ลงตัว การปฏิบัติของเขาก็มีการวางกับระเบิดอยู่

อย่าต่อลมหายใจให้อันธพาล

ทางด้าน ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวในประเด็นความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยระบุว่าพฤติกรรมของกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวของกำลังทหาร การวางทุ่นระเบิด การบุกรุกชายแดน รวมถึงปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ สะท้อนให้เห็นว่ากัมพูชาไม่ต่างจากอันธพาลประจำอาเซียน ที่คอยสร้างปัญหาให้เพื่อนบ้าน

ดร.สามารถ ได้ส่งสารโดยตรงถึงประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นทั้งผู้ลงทุนรายใหญ่และผู้ให้ความช่วยเหลือแก่กัมพูชามาโดยตลอด โดยชี้ว่าการที่ญี่ปุ่นพยายามกดดันไทยให้เปิดด่านโดยเร็วเพื่อรักษาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของตนเองนั้น เป็นการต่อลมหายใจให้อันธพาล ซึ่งเท่ากับเป็นการส่งเสริมพฤติกรรมที่ไม่เคารพกติกา ดร.สามารถขอให้ญี่ปุ่นใช้พลังและอำนาจต่อรองที่สำคัญ ทั้งด้านความช่วยเหลือเพื่อพัฒนาอย่างเป็นทางการ (ODA) และเงินลงทุน เพื่อบังคับให้อีกฝ่ายเลิกพฤติกรรมอันธพาล และหันมาเจรจากับไทยอย่างจริงใจ

ในมุมมองของประเทศไทย ดร.สามารถยืนยันว่าการปิดด่านไม่ใช่การเอาเปรียบ แต่เป็นการใช้อาวุธการเจรจา เพื่อปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของชาติ และการจะเปิดด่านได้นั้น อย่างน้อยที่สุดจะต้องมีการกำหนดเขตแดนให้ยุติก่อน โดยใช้แผนที่ 1:50,000 ไม่ใช่ 1:200,000 ตามที่ฝ่ายกัมพูชาเสนอ ซึ่งเขาได้แสดงความซาบซึ้งใจต่อพ่อค้าแม่ค้าที่ให้สัมภาษณ์ว่าพร้อมจะอดทนเพื่อความมั่นคงของประเทศ

ปิดท้ายโพสต์ ดร.สามารถกล่าวว่า แม้จะสำนึกในบุญคุณของรัฐบาลญี่ปุ่นที่เคยให้ทุนเรียนต่อ แต่เมื่อเป็นเรื่องผลประโยชน์ของประเทศชาติ เขาขอยืนเคียงข้างประเทศไทย และวิงวอนญี่ปุ่นให้หันไปกดดันกัมพูชาให้กลับมาเป็น “เด็กดี” ซึ่งจะนำไปสู่การคลี่คลายของทุกปัญหาได้อย่างแท้จริง โดยสรุปด้วยคำภาษาญี่ปุ่นว่า “Onegai moshiagemasu!” (ได้โปรดเถอะ!)

ชี้รัฐบาลต้องยึดข้อเสนอเหล่าทัพ

นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว แสดงความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยระบุว่าผู้นำรัฐบาลไทยควรยึดตามข้อเสนอของเหล่าทัพที่เสนอต่อสภาความมั่นคงแห่งชาติเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2568 ซึ่งเป็นแนวทางที่แข็งแกร่งและถูกต้อง

นายสมชาย ยังกล่าวว่า การที่ฝ่ายการเมืองไม่นำเรื่องเข้าที่ประชุมสภาความมั่นคงฯ ในครั้งนั้นนำไปสู่ความอ่อนแอและการบิดเบือนมาตรการแก้ไขปัญหา จนเกิดการสู้รบและทำให้มีทหารและประชาชนไทยบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาล กองทัพ และประชาชนเป็นหนึ่งเดียวกัน และไม่ยอมอ่อนข้อให้กับกัมพูชาอีก

นอกจากนี้ ยังเสนอให้รัฐบาลดำเนินมาตรการขั้นเด็ดขาด หากกัมพูชาไม่ยอมทำตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ ได้แก่ การเก็บกู้กับระเบิด ชดใช้ค่าเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของคนไทย ถอนทหารพร้อมอาวุธหนักออกจากแนวชายแดน และยอมรับการเจรจาโดยใช้แผนที่ 1:50,000 เท่านั้น โดยหากกัมพูชายังคงไม่ยอมรับข้อตกลงใดๆ รัฐบาลควรสั่งปิดด่านทั้งหมด และยกระดับด้วยการยกเลิก MOU43 และ MOU44 ในที่สุด

คนชายแดนบุรีรัมย์ค้านเปิดด่าน

ด้านชาวบ้านแนวชายแดน อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ไม่เห็นด้วยกับการเปิดด่านชายแดน โดยนางนา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 69 ปี ชาวบ้านสายโท 10 กล่าวว่า ได้ยินข่าวการเปิดด่านแล้วรู้สึกไม่สบายใจ เพราะกลัวคนกัมพูชาจะเข้ามาในเขตไทย เนื่องจากที่ผ่านมาพวกเขาไม่เคยมีความจริงใจต่อกัน

นายภานุรุจ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี กล่าวเสริมว่า รัฐบาลควรห่วงใยคนไทยในพื้นที่ชายแดนก่อน เพราะคนที่ไม่เคยอาศัยอยู่บริเวณนี้ไม่มีทางเข้าใจความหวาดกลัวที่เกิดขึ้น หากมีการเปิดด่านอีกครั้ง อาจจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเหมือนกรณีบ้านจานที่ จ.สระแก้ว ที่คนกัมพูชาพยายามบุกรุกเข้ามา นายภานุรุจยังย้ำถึงเหตุการณ์ในอดีตว่า อย่าไปเชื่อใจผู้นำเขมร เช่นปี 54 ทหารไทยถอนกำลังเสร็จ มันยิงมาเลย

ขณะที่นายประเสริฐ สุโซ อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านสายโท 11 เหนือ กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลปิดตายด่านชายแดนนี้ไปเลย เพราะการเปิดด่านก็เหมือนกับการเอาเสบียงไปให้ชาวกัมพูชา ซึ่งที่ผ่านมาเคยได้รับการช่วยเหลือจากคนไทย แต่กลับเนรคุณ ยืนยันว่าชาวบ้านแนวชายแดนไม่ได้เดือดร้อนจากการปิดด่าน และทุกคนพร้อมที่จะรวมตัวกันประท้วงหากมีการเปิดด่านเกิดขึ้น เพราะมองว่าการเปิดด่านไม่ได้สร้างประโยชน์ให้ชาวบ้านเลย มีแต่คนไทยที่เข้าไปเล่นการพนันเท่านั้น พร้อมกล่าวทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงหนักแน่นถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีคนบุรีรัมย์ว่า “เปิดไม่ได้ๆๆๆ”

ศรีสะเกษไม่เชื่อใจกัมพูชา

เช่นเดียวกับชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.ศรีสะเกษ โดยเฉพาะ อ.กันทรลักษ์ มองว่าข้อสรุปจากการประชุมร่วมของไทยและกัมพูชาเป็นเพียงคำพูดที่ไม่อาจเชื่อถือได้ โดยสะท้อนความกังวลว่ากัมพูชาไม่มีทางถอนอาวุธหนักและจะร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิดอย่างจริงใจ

โดยนายวิสิทธิ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 62 ปี ชาวบ้านหนองหว้า กล่าวว่า ตนเติบโตในพื้นที่ชายแดนมาตลอดชีวิต จึงไม่เชื่อใจคำพูดของผู้นำกัมพูชา เพราะมักพูดอย่างทำอีกอย่าง และมองว่ากัมพูชาจะไม่มีทางถอนอาวุธหนักออกไปก่อนอย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังเสนอให้ไทยเร่งเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ฝั่งทัพภาค 2 เป็นลำดับแรก เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีทหารไทยประสบเหตุได้รับบาดเจ็บสาหัสบ่อยครั้ง

นายบรรยง อายุ 62 ปี ชาวบ้านภูมิซรอล กล่าวเสริมว่า ไม่เชื่อใจข้อตกลงของกัมพูชาเช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องการเข้ามาร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิด และให้ข้อมูลว่าบาดแผลที่รุนแรงของทหารไทยในปัจจุบัน ทำให้มั่นใจว่าเป็น ระเบิดใหม่ ที่ถูกลักลอบนำมาวางเพื่อทำร้ายทหารไทยอย่างมีเจตนา ไม่ใช่ระเบิดเก่าตั้งแต่สมัยเขมรสามฝ่าย ซึ่งท้ายที่สุดแล้วเจ้าหน้าที่ไทยก็ต้องเป็นผู้เสี่ยงชีวิตในการเก็บกู้เองอยู่ดี

นอกจากนี้ กลุ่มชาวบ้านและผู้สูงอายุในพื้นที่ยังได้สะท้อนความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า รัฐบาลไทยไม่ควรไว้ใจ และไม่ควรเร่งเปิดด่านชายแดน ควรเร่งสร้างรั้วหรือลวดหนามปิดกั้นในพื้นที่ที่มีปัญหาก่อน เพื่อความมั่นคงและความปลอดภัยของชาวบ้าน

“สีหศักดิ์”ขวางเปิดด่าน

นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางเข้าพรรคภูมิใจไทยและให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ตอนนี้มีกระแสในเรื่องปิด-เปิดด่านด้วยจะพูดคุยกันด้วยหรือไม่ว่าตนคิดว่าเราต้องดูผลของการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ก่อน ซึ่งดูจากผลที่ออกมาก็ดี และต้องดูว่าเขาจะปฏิบัติตามหรือไม่ ที่สำคัญคือความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ และเราก็มาพิจารณามาตรการอื่นด้วย

เมื่อถามว่า ส่วนตัวมองเรื่องการปิด-เปิดด่านชายแดนอย่างไรบ้าง นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องคุยกันก่อน และย้ำว่าดูจากผลการประชุม GBC ที่พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ปฏิบัติหน้าที่รมว.กลาโหม ไปร่วมประชุมมา ต้องดูว่าเขามีการปฏิบัติตามนั้นหรือไม่ แต่โดยทั่วไปผลการประชุมก็ออกมาดีอยู่ที่การปฏิบัติ

เมื่อถามว่าหลายฝ่ายกดดันไม่อยากให้เปิดด่าน นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าเราต้องมาดูกันก่อนว่าสิ่งที่คุยกัน เขาจะปฏิบัติตามนั้นหรือไม่ ซึ่งต้องยอมรับว่ามีประเด็นที่สร้างสรรค์หลายเรื่อง และสุดท้ายคือความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่

เมื่อถามว่า แต่ที่ผ่านมาทางกัมพูชาไม่ค่อยจะยอมรับผลการประชุมทวิภาคี ไม่ว่าจะเป็น GBC JBC หรือ RBC นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า คราวนี้ดูทุกอย่างเขาก็โอเค ก็ต้องดูในทางปฏิบัติอีกที เมื่อถามว่า เรามีรัฐบาลใหม่แล้ว หวังว่ากัมพูชา จะตอบรับผลการประชุมดีหรือไม่ นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า เราก็หวังว่าอย่างนั้น ความจริงใจเป็นเรื่องที่สำคัญ

‘อนุทิน’ยันไม่เปิดด่าน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสคัดค้านเรื่องการเปิดด่านชายแดนไทย - กัมพูชา ว่า เรายังไม่เปิด เรารอฟังเสียงพี่น้องประชาชนอยู่แล้ว คำว่าเปิดด่านจะต้องมีการทำข้อตกลงต่างๆ มากมาย ทั้งการเจรจา และทางการทหาร โดยจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนก่อน และความปลอดภัยของประเทศ ซึ่งจะต้องไม่มีการยิงกัน หรือมีอาวุธมาจ่อกัน เมื่อเราเข้าไปบริหารประเทศแล้ว ตนก็จะให้ข้อสั่งการหรือนโยบายกับรมว.กลาโหมในรัฐบาลชุดใหม่ไปดำเนินการ ทั้งการถอนอาวุธ และกับระเบิด เพื่อสร้างความมั่นใจว่าเกิดความปลอดภัยกับผู้คนทั้ง 2 ประเทศ ฉะนั้นกว่าเราจะไปถึงจุดนั้นยังอีกไกล แต่เราก็ต้องไปถึงจุดนั้น จะให้เราทะเลาะกับเพื่อนบ้านชั่วกัลปาวสานคงเป็นไปไม่ได้ และการจะใช้มาตรการรุนแรง โดยไม่มีการเจรจาเลย เมื่อถึงเวลาต่างคนต่างถือทิฏฐินั้น การเจรจาก็ไม่ไปถึงไหน จึงต้องใช้ทั้งศาสตร์ทั้งศิลป์ การพูดการทหาร การผ่อนคลาย และการกดดันต่างๆ

เมื่อถามว่า มีโอกาสจะได้เห็นนายกฯ ไทยกับนายกฯกัมพูชาเจอกันหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า การเจอกันไม่ได้หมายความว่า ต้องยอมกันหรือไม่ เพราะการเจอกันก็จะทำอาจทำให้บรรยากาศหลายอย่างหรือสิ่งที่พูดแล้วไม่เข้าใจกัน หาข้อสรุปบางอย่างได้ แต่สิ่งสำคัญคือ เราจะไม่ยอมให้ประเทศไทยเสียเปรียบ ในความเป็นนายกฯ ของไทย โดยเรื่องเสียดินแดนไม่ต้องมาพูดกับตนอยู่แล้ว เรื่องที่จะทำให้คนไทยเป็นอันตราย ตนก็จะไม่ให้เกิดขึ้น

ย้ำยึดประโยชน์ชาติ

“เป็นนายกฯ ประเทศไทยนะครับ ไม่ใช่นายกฯ ประเทศอื่น เพราะฉะนั้นต้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศไทย ของคนไทย เป็นประเด็นหลักอยู่แล้ว” นายอนุทิน กล่าว

เมื่อถามว่าจะลงไปรับฟังเสียงของประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับการเปิดด่านใช่หรือไม่ นายอนุทิน ร้องโถ่ พร้อมกล่าวว่า “เรื่องลงพื้นที่ มีใครสู้ผมได้” ตนลงพื้นที่มาตั้งแต่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่จนเขาเชิญออกจำไม่ได้หรือ “ขยันจนถูกไล่ออก”

เมื่อถามต่อว่าจะทันในระยะเวลา 4 เดือนหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เรามีอำนาจในการบริหารราชการแผ่นดิน ฉะนั้นตราบใดที่เรายังอยู่ในขอบเขตอำนาจที่เรามี เราก็ต้องใช้อย่างเต็มที่ไม่อยู่ในจุดนี้แน่นอน แต่จะใช้ได้ขนาดไหนก็ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top