วันอาทิตย์ ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2568
ผลซูเปอร์โพลชี้ชัดคนไทยยังไม่อยากให้‘เปิดด่าน’ แนะ 4 ข้อถึงรัฐบาล

ผลซูเปอร์โพลชี้ชัดคนไทยยังไม่อยากให้‘เปิดด่าน’ แนะ 4 ข้อถึงรัฐบาล

วันอาทิตย์ ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2568, 10.54 น.

ผลซูเปอร์โพลชี้ชัดคนไทยยังไม่อยากให้‘เปิดด่าน’ แนะ 4 ข้อถึงรัฐบาล

14 กันยายน 2568ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้ก่อตั้งสำนักวิจัยซูเปอร์โพล มูลนิธิสถาบันวิจัยความสุขชุมชนและความเป็นผู้นำ เปิดเผยรายงานผลสำรวจเรื่อง เสียงประชาชนต่อการเปิดด่านไทย-กัมพูชา จากกลุ่มตัวอย่างทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศจำนวน 1,158 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 12-13 กันยายน 2568


ผลการสำรวจที่ค้นพบ สะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนเห็นข้อดีของการเปิดด่านในหลายมิติ แต่ตัวเลขส่วนใหญ่ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าร้อยละ 50 ทั้งหมด โดยลำดับแรกคือ การกระตุ้นเศรษฐกิจชายแดน ได้รับการยอมรับมากที่สุดที่ร้อยละ 38.9 รองลงมาคือ การส่งเสริมการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม ร้อยละ 33.4 และ การเสริมสร้างสันติภาพชายแดน ร้อยละ 32.8 ขณะที่ แรงงานเข้าระบบถูกกฎหมาย ได้ร้อยละ 24.5 และข้อดีอื่น ๆ เช่น ความสัมพันธ์ในครอบครัวไทย-กัมพูชา การศึกษา หรือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ได้เพียงร้อยละ 18.2 เท่านั้น ตัวเลขเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า แม้ประชาชนมองเห็นผลเชิงบวกในหลายมิติ แต่ยังอยู่ในระดับ “ค่อนข้างต่ำ” และไม่ได้มีน้ำหนักมากพอที่จะสร้างความเชื่อมั่นต่อการเปิดด่านได้อย่างชัดเจน

ผู้ก่อตั้งซูเปอร์โพล กล่าวต่อว่า ที่น่าพิจารณาคือ ผลสำรวจแสดงให้เห็นชัดเจนว่า ข้อเสียมีน้ำหนักสูงกว่าข้อดีในแทบทุกด้าน โดย ร้อยละ 60.7 ของประชาชนระบุว่า การเปิดด่านจะ “ทำร้ายจิตใจคนไทย ทำลายศักดิ์ศรี” เพราะยังไม่พร้อมคืนดีหรือให้อภัยในประเด็นทางประวัติศาสตร์และความสัมพันธ์สองประเทศ ด้านเศรษฐกิจ ร้อยละ 57.8 กังวลว่าสินค้าราคาถูกจากกัมพูชาจะทะลักเข้าไทย ทำให้ผู้ประกอบการไทยเสียเปรียบและเงินทุนไทยไหลออก

ในมิติความมั่นคง ผลสำรวจพบว่า ร้อยละ 56.9 ห่วงปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ เช่น ยาเสพติด การค้ามนุษย์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่ไทยเคยเผชิญมาแล้ว ขณะที่ ร้อยละ 48.1 แสดงความกังวลเรื่องโรคระบาดและสุขภาพประชาชน หากระบบสาธารณสุขชายแดนไม่พร้อม และร้อยละ 27.4 ระบุข้อเสียอื่น ๆ เช่น ภาระที่เพิ่มขึ้นต่อหน่วยงานรัฐ แรงงานผิดกฎหมาย และการลักลอบเข้าเมือง

ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ยังได้ชี้ให้เห็นถึง การเปรียบเทียบโดยตรงระหว่างข้อดีและข้อเสียสะท้อนว่า ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 58.9 เห็นว่าข้อเสียมีมากกว่า ขณะที่เพียง ร้อยละ 33.4 เชื่อว่าข้อดีมากกว่า และอีก ร้อยละ 7.7 ไม่แน่ใจ ตัวเลขนี้ยืนยันชัดเจนว่า ภาพรวมของสังคมไทยมองว่าการเปิดด่านยังมีความเสี่ยงสูงกว่าผลประโยชน์ที่ได้รับ

ที่น่าสนใจคือ ผลโพลย้ำให้เห็นถึงลำดับความสำคัญที่ประชาชนให้ความสำคัญ เปรียบเทียบให้เห็นระหว่าง ความมั่นคงของชาติ กับ การกระตุ้นเศรษฐกิจ พบว่า ร้อยละ 75.4 เห็นว่าความมั่นคงของชาติต้องมาก่อนการกระตุ้นเศรษฐกิจ มีเพียงร้อยละ 24.6 ที่เห็นว่าเศรษฐกิจควรมาก่อน ตัวเลขนี้สะท้อนชัดว่า แม้เศรษฐกิจจะเป็นเรื่องสำคัญ แต่ประชาชนไทยให้ความสำคัญกับ “ความมั่นคงและศักดิ์ศรีของชาติ” เป็นลำดับแรก

นอกจากนี้ ประชาชนร้อยละ 77.1 ระบุว่ามีความเชื่อมั่นน้อยถึงไม่เชื่อมั่นเลยต่อความจริงใจของผู้นำกัมพูชาในการแก้ไขปัญหาชายแดน ขณะที่มีเพียง ร้อยละ 12.1 ที่เชื่อมั่นค่อนข้างมากถึงมากที่สุด และร้อยละ 10.8 อยู่ในระดับปานกลาง ตัวเลขนี้ชี้ว่า ปัญหา “ความไว้วางใจต่อผู้นำประเทศ” เป็นอุปสรรคสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้การเปิดด่านถูกมองในเชิงลบมากกว่าบวก

“ผลสำรวจโดยภาพรวมสะท้อนชัดเจนว่า ประชาชนไทยมอง “ข้อเสียของการเปิดด่านไทย-กัมพูชามีมากกว่าข้อดี” ทั้งในมิติความรู้สึก (ศักดิ์ศรีและจิตใจคนไทย 60.7%) มิติทางเศรษฐกิจ (57.8%) มิติความมั่นคง (56.9%) และมิติด้านสาธารณสุข (48.1%) เมื่อเปรียบเทียบโดยตรง ประชาชน เกินครึ่งหนึ่ง (58.9%) ตัดสินชัดเจนว่าข้อเสียมากกว่า อีกทั้งยังยืนยันว่าความมั่นคงของชาติต้องมาก่อน (75.4%) และสะท้อนความไม่เชื่อมั่นในผู้นำกัมพูชาอย่างชัดเจน (77.1% ไม่เชื่อมั่น)” ผศ.ดร.นพดล กล่าว

ผู้ก่อตั้ง ซูเปอร์โพล กล่าวสรุปว่า ผลโพลนี้ทำให้เห็นชัดว่า “ประชาชนเลือกความมั่นคงของชาติเป็นอันดับแรก” และยังไม่เชื่อมั่นในกัมพูชา การเปิดด่านหากปราศจากมาตรการที่รัดกุม จะไม่เพียงแต่สร้างความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและความมั่นคง แต่ยังบั่นทอนความเชื่อมั่นของสังคมไทยในรัฐบาลเองด้วย ข้อเสนอแนะที่น่าพิจารณา มีดังนี้

1.ชะลอการเปิดด่าน จนกว่าจะมีมาตรการและหลักประกันด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ และสาธารณสุขที่เข้มแข็ง เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ประชาชน

2.สร้างเงื่อนไขเจรจา กับรัฐบาลกัมพูชาให้แสดงความจริงใจและความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรม เช่น การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ แก๊งคอลเซ็นเตอร์และแรงงานผิดกฎหมาย ก่อนที่จะเปิดด่าน

3.เสริมกลไกการสื่อสารสาธารณะ ให้ประชาชนเห็นประโยชน์ที่เป็นจริง หากรัฐบาลมุ่งมั่นจะเดินหน้า พร้อมทั้งรับฟังเสียงสะท้อนของชุมชนชายแดนเป็นกลุ่มความต้องการพิเศษ

4.จัดลำดับความมั่นคงเป็นวาระแห่งชาติในหัวใจของประชาชน ควบคู่กับการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อให้การดำเนินนโยบายใด ๆ ไม่กระทบต่อศักดิ์ศรีและความรู้สึกมั่นคงของคนไทย

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top