“ภูมิใจไทย” นัดพรรคประชาชน ถกแก้รัฐธรรมนูญ สัปดาห์นี้ทันพิจารณาวาระแรกสมัยประชุมนี้แน่นอน เบื้องต้นเห็นตรงกันทำประชามติ 2 รอบ ด้านเพื่อไทย สารภาพอยู่ในช่วงขาลง เหน็บ 4 เดือน แก้ไขกฎหมายสูงสุดไม่ทัน
เมื่อวันที่ 14 กันยายน นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายออกมาตั้งข้อสังเกต ถึงบุคคลที่จะเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลพรรคภูมิใจไทย ตาม MOA ของพรรคของประชาชน ซึ่งที่ระบุว่าจะยุบสภาภายใน 4 เดือน โดยรัฐบาลพรรคภูมิใจไทยที่พรรคประชาชน เป็นแกนนำจัดตั้งขึ้นมานั้น ไม่เพียงแต่จะล้มเลิกนโยบาย ที่ช่วยเหลือประชาชนหลายอย่าง และสังเกตได้ว่า พรรคภูมิใจไทยมีแนวโน้มที่จะเดินหน้าโครงเมกะโปรเจคต่างๆ จึงตั้งข้อสังเกตได้ว่าจะอยู่4เดือนและยุบสภาจริงหรือไม่ ซึ่งฝาถามไปยังพรรคประชาชน ว่าที่ท่านตั้งมานั้นจะยุบสภาใน4เดือนจริงหรือไม่ ถ้าดูรายชื่อกับบุคคลที่จะมารับตำแหน่งต่างๆ ก็ยังสร้างความกังวลให้กับสังคมในส่วนมาก โดยเฉพาะกระทรวงยุติธรรมที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เพราะเป็นอดีตข้าราชารที่เติบโตมาในจังวัดบุรีรัมย์ และมีส่วนเชื่อมโยงกับบุคคลที่ถูกกล่าวหาโดย ดีเอสไอ ในเรื่องของการฮั้วเลือก สว.เรื่องนี้พรรคประชาชนจะส่งสัญญาณอย่างไรและตอนนี้มีข่าวว่า พรรคภูมิใจไทยจะนั่งเป็นเจ้ากระทรวงมหาดไทยเอง ซึ่งก็จะมีอำนาจควบคุมกรมที่ดินและจะเข้าไปดูแลกระทรวงคมนาคม ที่มีอำนาจกำกับดูแลการรถไฟ จึงมีคำถามว่าในเรื่องที่ดินเขากระโดงและคดีฮั้วสว. จะเดินไปอย่างไร พรรคเพื่อไทยคงไม่เรียกร้องอะไรกับพรรคภูมิใจไทยไปมากกว่านี้ เพราะว่าในช่วง2 สัปดาห์ต่อจากนี้ สังคมนั้นได้ตั้งข้อสังเกตมาอย่างต่อเนื่อง ในเรื่องของคดีต่างๆว่าจะลงเอยหรือมีจุดจบอย่างไร ในฐานะที่พรรคประชาชนเป็นคนดีล และรับดีลจากพรรคภูมิใจไทย ใสการที่จะตั้งรัฐบาลชุดนี้ขึ้นมา ก็ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ อย่างน้อยตอนนี้อยู่ในระหว่างเตรียมรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ
แนะปชน.เร่งไปตรวจสอบ
“ฝากไปถึงพรรคประชาชน ว่าถ้ารายชื่อท่านใดที่ท่านไม่สบายใจ ที่เคยตรวจสอบในสมัยเป็นฝ่ายค้านในรัฐบาลที่แล้ว จนรัฐบาลที่ผ่านมานี้ ก็ควรที่จะส่งสัญญาณไปที่พรรคภูมิใจไทยอย่างชัดเจน ว่าท่านสบายใจกับว่าที่รัฐมนตรีท่านไหน และไม่สบายใจกับว่าที่รัฐมนตรีท่านใด เพื่อที่จะทำให้ MOA ของท่าน ที่เชื่อถืออย่างมาก และท่านก็บอกเองว่าเป็นฝ่ายค้าน ก็ขอเรียกร้องให้เป็นฝ่ายค้าน แต่ท่านเป็นฝ่ายค้านที่ร่วมตั้งรัฐบาลภูมิใจไทย ท่านต้องแสดงความรับผิดชอบมากกว่านี้” นายดนุพร กล่าว
น้องรับ”เพื่อไทย”อยู่ในช่วงขาลง
นายดนุพร ยังแถลงด้วยว่า สัปดาห์ที่ผ่านมามีนักวิชาการ อดีตนักการเมือง และนักการเมือง ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงพรรคเพื่อไทยว่าจะเป็นพรรคขาลง และในการเลือกตั้งสมัยหน้าอาจจะเหลือไม่ถึง 100 เสียง หรือ 50 เสียงนั้น พรรคเพื่อไทยเป็นสถาบันการเมือง ตนขออนุญาตไม่ตอบโต้นักวิชาการ นักการเมืองเหล่านั้น เพียงแต่ว่าเราจะยอมรับคำวิพากษ์วิจารณ์ และจะนำไปพัฒนาพรรคของเราให้ดีขึ้น
นายดนุพรกล่าวต่อว่า ขอฝากไปถึงโหวตเตอร์พรรคเพื่อไทย หรือคนที่ยังศรัทธาในพรรค ว่า ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่พรรคเพื่อไทยประสบวิกฤตทางการเมือง พรรคเพื่อไทยเมื่อก่อนเป็นพรรคไทยรักไทย เราถูกปฏิวัติมา 2 ครั้ง ถูกยุบพรรคมาแล้ว 2 ครั้ง แต่ทุกครั้งที่เราถูกวิกฤตทางการเมือง เราสามารถลุกขึ้นยืนได้อย่างเข้มแข็ง และนำทัพพรรคเพื่อไทยลงในสนามเลือกตั้ง และหลายครั้งที่เราชนะในสนามเลือกตั้ง แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับพรรคในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา สมาชิกพรรคบางคนอาจจะมีการเสียใจบ้างที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกฯ ต้องออกจากตำแหน่ง และ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ต้องเข้าไปสู่การจองจำอีกครั้งหนึ่ง แต่ขอย้ำว่าพรรคของพวกเรา พร้อมที่จะลุกขึ้นยืน และเข้มแข็งอีกครั้งในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่เดือน เพราะเรายังมั่นใจว่าหัวใจของเรายังเป็นพี่น้องประชาชน เราจะนำเสนอนโยบายดีๆ เพื่อช่วยพี่น้องประชาชนที่ลำบาก เราไม่สามารถทิ้งประชาชนที่สนับสนุนเรา และคนรากหญ้าให้ลำบากได้เพียงลำพัง เราพร้อมที่จะลุกขึ้นเข้มแข็งอีกครั้งในเร็ววัน พวกเราพร้อมเดินหน้าต่อ แม้เราจะประสบปัญหานานาประการในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ขอให้ทุกคนได้เป็นกำลังใจให้พวกเรา หากพร้อมแล้ว เจอกันในสนามเลือกตั้งแน่นอน
เชี่อแก้รธน.ไม่ทันใน4เดือน
นายดนุพร ปุณณกันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยกรณีกระบวนการขั้นตอนการทำประชามติเพื่อเปิดทางการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ว่า หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยที่ออกมาเมื่อวันที่ 10 ก.ย. หลายฝ่ายยังคงมีข้อกังวล เพราะไม่เพียงแต่เป็นการวินิจฉัยถึงขั้นตอนกระบวนการจัดทำประชามติตามที่สมาชิกรัฐสภาได้ยื่นคำร้องไปเท่านั้น แต่ยังมีการวินิจฉัยเพิ่มเติมถึงที่มาของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ด้วย ว่าไม่สามารถได้มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของพี่น้องประชาชน อย่างไรก็ตาม แม้คำวินิจฉัยดังกล่าวจะไม่ใช่ประเด็นที่อยู่ในคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย แต่คำวินิจฉัยดังกล่าวย่อมมีผลผูกพันทุกองค์กร
นายดนุพร กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยจึงเสนอแนวทางในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยจะเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เพิ่มหมวด 15/1 เพื่อเปิดทางให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ โดยจะเสนอแนวทางการตั้ง ส.ส.ร. หรือ กมธ.ที่มีความเกี่ยวข้องยึดโยง และสะท้อนถึงเจตนารมณ์ความต้องการของประชาชนมากที่สุด ซึ่งขณะนี้พรรคได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมก่อนจะเสนอญัตติต่อรัฐสภาต่อไป ตามที่ได้มีการแถลงข่าวไปเมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะดำเนินการในทุกหนทางเพื่อนำไปสู่การเปิดทางไปสู่การทำประชามติถามพี่น้องประชาชน และนำไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตามแนวทางของพรรคที่ได้ดำเนินการอย่างแน่วแน่ และรอบคอบรอบด้านมาโดยตลอด
นายดนุพรกล่าวต่อว่า ขณะนี้หลายฝ่ายกังวลเป็นอย่างยิ่งว่ากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่การทำประชามตินั้นจะทันเวลาตามกรอบ MOA ของพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ เนื่องจากในทางปฏิบัติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 เพื่อเพิ่มเติมหมวด 15/1 นั้นจะต้องทำโดยการพิจารณาร่วมของรัฐสภา และจะต้องพิจารณาผ่านทั้งสามวาระ โดยจะต้องบรรลุเงื่อนไขการเห็นชอบโดย ส.ว.ตามที่มีการบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ เมื่อกระบวนนี้แล้วเสร็จก็จะต้องให้ประชาชนออกเสียงประชามติอีกครั้ง ว่าเห็นชอบกับร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับนี้หรือไม่ด้วย ทำให้หลายฝ่ายเริ่มมองว่ากระบวนการอาจยาวนานกว่า 4 เดือน
ภท.นัดถกปชน.แก้รัฐธรรมนูญ
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในฐานะคณะทำงานเตรียมการพิจารณาการจัดทำประชามติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ของพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า พรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชน มีนัดหารือเพื่อเดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ช่วงปลายสัปดาห์นี้ ซึ่งแต่ละพรรคจะเป็นผู้เสนอร่างของแต่ละพรรคเอง เบื้องต้นมีการพูดคุยถึงการแก้ไขมาตรา 256 เกี่ยวกับกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และจัดทำประชามติ 2รอบ รอบแรกมี 2 คำถาม คือถามประชาชนว่าสมควรที่จะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ กับคำถามที่สองเป็นเนื้อหาสาระสำคัญของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ส่วนรอบที่สอง ถามเมื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จสิ้น ส่วนวิธีการเลือกสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า ห้ามไม่ให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ร.โดยตรง ทำให้ต้องคุยเกี่ยวกับรูปแบบที่มาของ ส.ส.ร. และแนวทางในขณะนี้มีหลายแนวทางซึ่งเป็นไปได้หมด เช่น อาจจะมีรายชื่อ ส.ส.ร.เข้ามา และให้รัฐสภาเป็นผู้เลือก หรือ หากจะให้มีการเลือกตั้งก็เป็นการเลือกตั้งเข้ามา และให้กลุ่มดังกล่าวมาเลือก ส.ส.ร.อีกครั้งหนึ่ง
นายสิริพงศ์ กล่าวว่า มีหลายสูตร แต่ว่ายังไม่ได้ตกผลึก จะต้องคุยกัน ช่วงนี้เป็นช่วงที่ต่างพรรคการเมืองก็ไปทำการบ้านของตัวเอง ว่าต้องการจะมีแนวทางใดในการเสนอ ทั้งนี้ ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตรา 256 จะเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภาในวาระแรก ภายในสมัยประชุมนี้แน่นอน ซึ่งจะปิดสมัยประชุมในช่วงเดือนพ.ย.นี้ คิดว่าวาระแรกจะเข้าสมัยประชุมนี้แน่นอน นี่คือคร่าวๆ เนื่องจากระยะเวลา 4 เดือน
โพลชี้รบ.ไม่มีเสถียรภาพ
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น“นิด้าโพล”ถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 8-9 กันยายน 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับความคิดเห็นของประชาชนต่อรัฐบาลเสียงข้างน้อยภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความคลาดเคลื่อนไม่เกิน 0.05 ที่ระดับความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0
จากการสำรวจเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนต่อรัฐบาลเสียงข้างน้อยของนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล ที่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคประชาชน พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 35.88 ระบุว่า รัฐบาลจะไม่มีเสถียรภาพทำงานด้วยความยากลำบาก เพราะต้องเจรจากับพรรคประชาชนตลอด รองลงมา ร้อยละ 30.31 ระบุว่า การตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในขณะนี้ ร้อยละ 23.66 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลเสียงข้างน้อย ร้อยละ 23.21 ระบุว่า เห็นด้วยกับรัฐบาลเสียงข้างน้อย ร้อยละ 23.05 ระบุว่า รัฐบาลจะมีเสถียรภาพ ทำงานได้ราบรื่น จากการสนับสนุนของพรรคประชาชน ร้อยละ 21.45 ระบุว่า
เชื่อข้อตกลงถูกฉีกแน่
ในท้ายที่สุด รัฐบาลจะขัดแย้งกับพรรคประชาชน ร้อยละ 10.61 ระบุว่า ในท้ายที่สุด ข้อตกลงระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาชน จะถูกฉีก ร้อยละ 10.53 ระบุว่า รัฐบาลอยู่ไประยะหนึ่ง จะกลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากเอง ร้อยละ 8.17 ระบุว่า คุณอนุทิน ควรรอเป็นนายกฯ ของรัฐบาลเสียงข้างมาก หลังการเลือกตั้งครั้งหน้า ร้อยละ 5.34 ระบุว่า พรรคประชาชนควรเข้าร่วมรัฐบาลด้วย เพื่อเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก ร้อยละ 4.12 ระบุว่า ในท้ายที่สุด พรรคประชาชนจะจับมือกับพรรคเพื่อไทยล้มรัฐบาล และร้อยละ 0.99 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
สำหรับความคิดเห็นของประชาชนต่อระยะเวลาในการบริหารรัฐบาลเสียงข้างน้อยของนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 56.26 ระบุว่า รัฐบาลจะอยู่ครบ 4 เดือนตามข้อตกลง รองลงมา ร้อยละ 27.79 ระบุว่า รัฐบาลจะอยู่ได้นานกว่า 4 เดือน ร้อยละ 14.58 ระบุว่า รัฐบาลจะอยู่ไม่ถึง 4 เดือน และร้อยละ 1.37 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ด้านความคิดเห็นของประชาชนต่อการที่พรรคประชาชนสนับสนุนคุณอนุทิน ชาญวีรกูล ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 30.38 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย รองลงมา ร้อยละ 23.36 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย ร้อยละ 23.13 ระบุว่า เห็นด้วยมาก ร้อยละ 22.67 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย และร้อยละ 0.46 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจท้ายสุดเมื่อถามถึงความคิดเห็นต่อการที่พรรคประชาชนไม่เข้าร่วมรัฐบาล พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 32.98 ระบุว่า เห็นด้วยมาก รองลงมา ร้อยละ 23.35 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย ร้อยละ 22.52 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย ร้อยละ 19.39 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย และร้อยละ1.76 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี