‘อนุทิน’กับ 3 เงามืดทางการเมือง ปรับภาพลักษณ์ไม่ทัน เก้าอี้‘นายกฯ’คือ‘ทุกขลาภ’โดยแท้

‘อนุทิน’กับ 3 เงามืดทางการเมือง ปรับภาพลักษณ์ไม่ทัน เก้าอี้‘นายกฯ’คือ‘ทุกขลาภ’โดยแท้

วันจันทร์ ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2568, 07.22 น.

‘อนุทิน’กับ 3 เงามืดทางการเมือง ปรับภาพลักษณ์ไม่ทัน เก้าอี้‘นายกฯ’คือ‘ทุกขลาภ’โดยแท้

15 กันยายน 2568 นายวัส ติงสมิตร นักวิชาการอิสระ อดีตผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา และอดีตประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หัวข้อ “อนุทินกับเงามืดทางการเมือง” ระบุว่า...


อนุทินกับเงามืดทางการเมือง

-----

การก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ อนุทิน ชาญวีรกูล ถือเป็นชัยชนะทางการเมืองในระยะแรก และหวังผลในระยะยาว

แต่ก็เกิดขึ้นท่ามกลางเงื่อนไขและข้อครหาหนักที่อาจบั่นทอนความชอบธรรมและเสถียรภาพของเขาในเวลาไม่นานต่อจากนี้

1. คดีฮั้วเลือก ส.ว.

ข้อกล่าวหาเรื่องการฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา เป็นประเด็นที่องค์กรสืบสวนและไต่สวนชั้นต้นของสำนักงาน กกต. ชี้ว่ามีมูล แม้ยังไม่ถึงขั้นมีคำวินิจฉัย แต่การที่ผู้นำรัฐบาลถูกกล่าวหาเกี่ยวกับการบ่อนทำลายกระบวนการได้มาซึ่ง สว. ย่อมกระทบโดยตรงต่อภาพลักษณ์ด้าน “คุณธรรมและธรรมาภิบาล”

2. ที่ดินเขากระโดง

ปัญหาที่ดินเขากระโดง ซึ่งเกี่ยวพันกับการครอบครองที่ดินของรัฐ เป็นข้อพิพาทที่ลากยาวมาหลายสิบปี แม้ฝ่ายการเมืองจะพยายามอธิบายว่าอยู่ในขั้นตอนการจัดการทางกฎหมาย แต่สังคมยังมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของการใช้ช่องทางทางกฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์แก่ตนเองและเครือข่าย

3. รันเวย์เครื่องบินเล็กที่นิคมลำตะคอง

ข้อครหาว่ามีการนำพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำตะคองบางส่วนไปใช้เป็นรันเวย์สำหรับเครื่องบินในธุรกิจครอบครัว ยิ่งตอกย้ำภาพลักษณ์ “การใช้ประโยชน์ส่วนตนจากที่ดินของรัฐ” ประเด็นนี้ แม้จะดูเล็กเมื่อเทียบกับคดีการเมืองใหญ่ แต่ในสายตาประชาชน อาจสะท้อนถึงวัฒนธรรมทางการเมืองที่ไม่โปร่งใส

เงื่อนไขการเมืองที่ซ้อนทับ

เมื่อปัญหาสามด้านนี้ถูกฉายไปพร้อม ๆ กันในช่วงที่อนุทินก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง จึงทำให้เขาถูกมองว่าเป็นนายกรัฐมนตรีที่ขึ้นมาพร้อมเงามืดทางคดี ไม่ต่างจากการเริ่มต้นด้วย “แต้มติดลบ” ทางความชอบธรรม สิ่งที่ตามมาคือ การตั้งคำถามว่า การยอมรับเงื่อนไขจากพรรคประชาชน (รัฐบาลเสียงข้างน้อย ยุบสภาเร็ว) นอกจากการหวังผลการเลือกตั้งใหญ่หลังยุบสภาแล้ว ยังอาจทำให้ทิศทางคดีเหล่านี้เปลี่ยนไปหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีข่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมอาจมาจาก “บุรีรัมย์คอนเน็กชัน”  

บทสรุป

อนุทินอาจหวังว่า ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะเป็นทั้งโล่และเวทีในการเลือกตั้งใหญ่และจัดการแรงกดดันทางคดี แต่ความจริงคือ คดีเหล่านี้ยังคงเดินหน้าในมิติทางกฎหมาย และยังถูกขยายผลในมิติการเมืองอย่างต่อเนื่อง

หากไม่สามารถสร้างผลงานเชิงนโยบายหรือสร้างภาพลักษณ์ของผู้นำที่จริงใจได้ทันเวลา เงามืดจากคดีฮั้วเลือก ส.ว. ข้อครหาที่ดินเขากระโดง และรันเวย์ที่ดินนิคมลำตะคอง จะกลายเป็นมรดกทางการเมืองที่ยากจะลบเลือน และอาจทำให้อนุทินถูกจดจำว่าเป็นนายกรัฐมนตรีที่ขึ้นสู่ตำแหน่งได้ แต่ไม่สามารถยืนระยะได้ และอาจกระทบต่อภาพลักษณ์ด้านความซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งนับเป็นทุกขลาภโดยแท้

-005

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top