‘กมธ.ติดตามงบ วุฒิสภา’แนะปลดระงับบัญชี 1-2 วันนี้ บรรเทาความเดือดร้อนของผู้บริสุทธิ์ ‘สว.ภิญญาพัชญ์’ชี้เป็นสัญญาณอันตราย สั่นคลอนความเชื่อมั่นระบบการเงินแห่งชาติ ด้าน‘อลงกต’ตั้งข้อสังเกตเจ้าหน้าที่‘อายัดบัญชี’ทำตามขั้นตอนปกครองหรือไม่ อาจเข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบผิด‘มาตรา 157’
15 กันยายน 2568 ที่รัฐสภา น.ส.ภิญญาพัชญ์ ศันสนียชีวิน สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะรองโฆษกกรรมาธิการ (กมธ.) ติดตามงบประมาณ วุฒิสภา แถลงว่า กรณีการอายัดบัญชีธนาคารทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน และมีการแห่ถอนเงินกันจำนวนมาก ล่าสุดปลัดกระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ชี้แจงแล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่การอายัดบัญชีเต็มรูปแบบ แต่เป็นเพียงการระงับวงเงินชั่วคราวบางส่วน ที่ต้องสงสัย ซึ่งธนาคารระงับได้ 3 วัน และเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถระงับได้ไม่เกิน 7 วันหากตรวจสอบแล้วไม่มีความผิด เงินที่ถูกระงับก็ถูกโอนกลับเข้าไปในเจ้าของบัญชี
“การระงับเงิน 3 วัน 7 วันมากพอที่จะทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินสำรวจความเดือดร้อนของประชาชนบ้าง ซึ่งกมธ.ฯได้รับเสียงสะท้อนจากพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ รวมทั้งร้านค้าที่มีหน้าร้านก็ต้องขึ้นป้ายรับเฉพาะเงินสด และประชาชนจำนวนมากเกิดความหวาดกลัว แห่ไปถอนเงินสดจนมีข่าวว่าเงินไม่พอถอน ซึ่งเป็นสัญญาณอันตรายและความสั่นคลอนต่อความเชื่อมั่นระบบการเงินแห่งชาติ” น.ส.ภิญญาพัชญ์ กล่าว
น.ส.ภิญญาพัชญ์ กล่าวต่อว่า ขณะที่การเปิดสายด่วนก็ไม่มีคนรับสาย แสดงให้เห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่มีความพร้อมในการรับมือเหตุการณ์ครั้งนี้ ทั้งที่ประชาชนต้องใช้เงินทุกวัน และสำหรับ 3-7 วันเป็นการรอคอยที่นานเกินไปถึงจะยืนยันว่าไม่ใช่บัญชีม้า คำถามคือประชาชนต้องทนรับภาระเรื่องนี้หรือเป็นการละเมิดสิทธิพื้นฐาน จึงขอเสนอแนวทางเร่งด่วนดังนี้
1.เร่งปลดระงับบัญชีผู้บริสุทธิ์ภายใน 1-2 วัน
2.กำหนดมาตรฐานเยียวยาสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบ
3.สร้างระบบที่โปร่งใส รวมทั้งบูรณาการร่วมกันระหว่างธนาคาร ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ เพราะหากเราปล่อยให้ประชาชนรอเงินบริสุทธิ์ของตัวเองนาน 3-7 วันความเชื่อมั่นจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยตรง
ขณะที่นายอลงกต วรกี สว. ในฐานะประธานกมธ.ติดตามงบประมาณ วุฒิสภากล่าวเพิ่มเติมว่า ตำรวจไซเบอร์ใช้อำนาจในการอายัดบัญชี ถือว่าขัดต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ การอายัดบัญชีแม้จะเป็นอำนาจของตำรวจไซเบอร์ แต่การอายัดนั้นปฏิบัติตามวิธีปกครองหรือไม่ เพราะก่อนจะมีการอายัดเจ้าหน้าที่ตำรวจพนักงานสอบสวน หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะต้องเรียกเจ้าของบัญชีมาชี้แจงก่อน ถ้าชี้แจงไม่ได้ จึงค่อยอายัดบัญชี
“การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่จะเข้าข่ายการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หากผู้ที่ได้รับผลกระทบได้รับความเสียหาย สามารถแจ้งความเจ้าหน้าตามมาตรา 157 ได้ แต่ถ้าต้องการเรียกค่าเสียหายจะต้องฟ้องร้องเรียกค่าสายหาย” นายอลงกต กล่าว
นายอลงกต กล่าวต่อว่า ในการประชุมกมธ.ฯสัปดาห์นี้ จะมีการหารือเรื่องการเชิญสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) , ตำรวจไซเบอร์, ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อื่นๆ เข้าชี้แจงต่อกมธ.ฯถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี