2 ข้อ 3 ประเด็น ‘ทักษิณ’ส่อผิดอะไรอีกบ้างในฐานะ‘ผู้บงการ’คดีชั้น14

2 ข้อ 3 ประเด็น ‘ทักษิณ’ส่อผิดอะไรอีกบ้างในฐานะ‘ผู้บงการ’คดีชั้น14

วันอังคาร ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2568, 07.46 น.

2 ข้อ 3 ประเด็น ‘ทักษิณ’ส่อผิดอะไรอีกบ้างในฐานะ‘ผู้บงการ’คดีชั้น14

16 กันยายน 2568 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตสส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “เทพไท – คุยการเมือง” หัวข้อ “ทักษิณ ต้องรับผิดอะไรอีกบ้าง” ระบุว่า...


ทักษิณ ต้องรับผิดอะไรอีกบ้าง

เมื่อวานนี้ วันที่ 15 กันยายน 2568 เป็นวันครบกำหนดการกักโรค ของคุณทักษิณ ชินวัตร ที่เรือนจำกลางคลองเปรม จึงเปิดโอกาสให้บุคคลในครอบครัวเข้าเยี่ยมได้ตามระเบียบของเรือนจำ

ผมเห็นภาพทั้งหมดแล้ว รู้สึกเห็นใจและเข้าใจความรู้สึกของครอบครัวคุณทักษิณ ที่มาเยี่ยมคุณทักษิณ ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ไม่ต่างจากตัวผมและครอบครัว ที่เคยประสบมาก่อน แต่ต้องยอมรับในกฎระเบียบข้อบังคับของเรือนจำและกรมราชทัณฑ์

แต่สิ่งที่สังคมกำลังสงสัย และตั้งคำถามต่อคุณทักษิณ 2 ข้อคือ

1.คุณทักษิณจะถูกจำคุกในคดีนี้เพียงคดีเดียวโทษ 1 ปี หรือจะมีคดีอื่นตามมาอีกหรือไม่

ถ้าหากดูเรื่องความผิด คุณทักษิณ จากคำวินิจฉัยของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตอนหนึ่งระบุว่า “จำเลยเข้ามามีส่วนตัดสินใจในกระบวนการรักษาของแพทย์ โดยปฏิเสธการผ่าตัดรักษาโรคหัวใจ และโรคกระดูกคอกดทับไขสันหลังและเส้นประสาท แต่ให้แพทย์รักษา โดยการรับประทานยาตามอาการและเลือกรับการผ่าตัดนิ้วล็อกและเอ็นหัวไหล่ขวา ซึ่งไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน และเป็นผลทำให้การรักษาตัวจำเลยในโรงพยาบาลตำรวจ ขยายระยะเวลาออกไป”

ซึ่งเห็นได้ว่า คุณทักษิณ เป็นตัวการเป็นผู้บงการ เพื่อที่จะรักษาตัวในโรงพยาบาลต่อไป การที่มีบุคคลบางคน บางกลุ่ม บางฝ่ายออกมายืนยันว่าการที่คุณทักษิณไม่ได้ติดคุก ไม่ใช่เป็นความผิดของคุณทักษิณ แต่เป็นความผิดของข้าราชการที่อำนวยความสะดวกให้กับคุณทักษิณ

แต่ถ้าดูคำวินิจฉัยของศาลฎีกาฯแล้ว จะเห็นได้ว่า คุณทักษิณคือตัวการ คือผู้บงการ ผู้สนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ มีการกระทำความผิดตามมาตรา 157  คุณทักษิณย่อมมีความผิดด้วย

2.การที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้มีคำวินิจฉัยในตอนหนึ่งว่า “เมื่อการบังคับโทษจำเลยเป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังที่ได้วินิจฉัยมาข้างต้น กระบวนการบังคับโทษ รวมทั้งการพักการลงโทษจำเลย จึงไม่มีผลตามกฎหมาย และไม่อาจนำเอาระยะเวลาที่พักอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจมาหักเป็นวันคุมขังได้ จำเลย จึงต้องรับโทษจำคุกอีก 1 ปี ตามพระบรมราชโองการ”

จึงมีการวินิจฉัยว่า ตามพระบรมราชโองการนั้น กระบวนการทูลเกล้าเป็นเท็จ จะเป็นโมฆะหรือไม่ เพราะมีสาระสำคัญในพระบรมราชโองการ 3 ประเด็น คือ

1.ข้อความระบุว่า “กำหนดโทษ 8 ปี รับมาแล้วรับโทษมาแล้ว 10 วัน เหลือโทษจำคุก 7 ปี 11 เดือน  20 วัน อยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ” ถ้าดูคำวินิจฉัยของศาลฎีกาฯ จะเห็นว่า เป็นการกราบบังคมทูลเท็จ เพราะคุณทักษิณยังไม่ได้ติดคุกเลยแม้แต่วันเดียว

2.ข้อความระบุว่า “เมื่อถูกดำเนินคดีและศาลมีคำพิพากษาลงโทษจำคุกดังกล่าว ด้วยความเคารพในกระบวนการยุติธรรม ยอมรับผิดในการกระทำ มีความสำนึกในความผิด จึงขอรับโทษตามคำพิพากษา”  จะเห็นได้ว่า คุณทักษิณได้ขึ้นเวทีปราศรัยแบบไม่ยอมรับผิด ตามคำที่กรายบังคมทูล มักจะพูดคำว่าถูกยัดคดีให้บ้าง ถูกกลั่นแกล้งทางการเมืองบ้าง นิติสงครามบ้าง เอากฎหมายมาเล่นงานบ้าง ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ไม่ได้กระทำตามพระบรมราชโองการ

3.ข้อความระบุว่า “เพื่อจะได้ใช้ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ช่วยเหลือ และทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติสังคมและประชาชนสืบไป”  แต่หลังจากได้รับพระบรมราชโองการพระราชทานลดโทษแล้ว คุณทักษิณไม่เคยได้ใช้ความรู้ความสามารถที่เป็นประโยชน์ของประเทศชาติเลย มีแต่ใช้ความรู้ความสามารถเพื่อครอบครัว เพื่อพรรคเพื่อไทย เพื่อประโยชน์ทางการเมืองให้กับตัวเอง ได้สร้างความขัดแย้งโดยไม่จบสิ้น แสดงให้เห็นว่าพฤติกรรมของคุณทักษิณ ขัดต่อพระบรมราชโองการพระราชทานอภัยลดโทษในทุกข้อ

จึงมีการตั้งคำถามไปยังหน่วยงาน ผู้รับผิดชอบที่เกี่ยวข้องว่า คุณทักษิณ ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษ และพระบรมราชโองการที่ คุณทักษิณ ทูลเกล้าเป็นเท็จ จะเป็นโมฆะหรือไม่ หรือมีความถูกต้องหรือไม่ อยากจะให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบ ได้ออกมาชี้แจง และตอบคำถามนี้ต่อสังคมด้วย

-005

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top