กลัวเป็นตัวถ่วง! ‘ไอลอว์’ยังไม่เสนอร่างแก้ไข รธน.ฉบับภาคประชาชน

กลัวเป็นตัวถ่วง! ‘ไอลอว์’ยังไม่เสนอร่างแก้ไข รธน.ฉบับภาคประชาชน

วันพฤหัสบดี ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2568, 16.39 น.

กลัวเป็นตัวถ่วงร่างพรรคการเมือง! "ไอลอว์"ยังไม่เสนอร่างแก้ไข รธน.ฉบับภาคประชาชน แนะรอดูคำวินิจฉัยศาลก่อนทำ"ส.ส.ร." รับกังวล"ภูมิใจไทย"ไม่ชัดเจน หวังช่วยส่งสัญญาณให้"สว."ร่วมโหวต ชี้หากไม่ผ่านสภาฯ ถือเป็นความล้มเหลว รัฐบาลต้องรับผิดชอบ

เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2568 ที่รัฐสภา นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้อำนวยการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (ไอลอว์) กล่าวถึงความเป็นไปได้ของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับภาคประชาชนที่จะเสนอพร้อมกับร่างของพรรคการเมืองว่า เราต้องการให้มีผู้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน หรือมาจากกระบวนการที่ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ ไม่ได้มีการแต่งตั้งหรือหยิบเลือกจากคนกลุ่มเดียว หรืออำนาจทางการเมือง หรือฝักใฝ่การเมืองเพียงบางฝ่ายเท่านั้น เราไม่อยากเห็นอำนาจทางการเมืองฝั่งไหนที่มีอำนาจมากกว่าคนอื่นๆ ในกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญ หากพรรคการเมืองเสนอร่างต่างๆ ที่เราดูแล้วว่าไม่ได้มีระบบการได้มาซึ่งผู้ร่างรัฐธรรมนูญที่รับได้ เราก็อยากเสนอร่างอื่นเข้าแข่ง


ทั้งนี้กระบวนการเสนอร่างของภาคประชาชนโดยปกติแล้วใช้เวลาพอสมควร ต้องเข้าชื่อ 50,000 รายชื่อ และรายชื่อต้องตรวจสอบอย่างเร็วประมาณ 1 เดือน ถ้าร่างของภาคประชาชนเป็นเหตุให้สภาฯ ต้องรอ เพื่อพิจารณาประกบจะทำให้ช้า และกระทบกับ MOA จัดตั้งรัฐบาล เราจึงไม่ได้คาดหวังให้รัฐสภาต้องรอ หากดูกระบวนการแล้วมีความพยายามทำให้ไม่ทัน ไม่เร่ง และเวลาเหลือพอ รวมถึงโมเดลของพรรคการเมืองที่เสนอไม่ตอบโจทย์ จึงจำเป็นต้องเชิญชวนประชาชนเข้าชื่อเสนอร่างกฎหมาย

นายยิ่งชีพ กล่าวต่อว่า ส่วนโมเดล ส.ส.ร.ของพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทยจะทำให้เปิดช่องคนไปร้องศาลรัฐธรรมนูญในครั้งต่อไป มีความกังวลหรือไม่นั้น นายยิ่งชีพ ยอมรับว่ากังวล โมเดลของพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทยเปิดเผยต่อสาธารณะ ถือว่ายังเป็นการรับฟังความคิดเห็น ยังไม่ใช่ร่างอย่างเป็นทางการ ขอชื่นชมว่าทั้ง2พรรคมีความพยายามให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเลือกผู้ร่างมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ก็ขอท้วงติงว่าเร็วเกินไป เพราะเรายังไม่เห็นคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญตัวเต็ม แต่เหมือนทั้ง2พรรคยอมรับไปแล้วว่าไม่เลือกตั้งโดยตรงก็ได้ อย่างน้อยต้องรอเห็นคำวินิจฉัยก่อนแล้วถึงมาดูช่องทางให้ประชาชนตัดสินใจมีส่วนร่วม อาจจะมีโมเดลที่ดีกว่านี้ได้ จึงขอให้ทั้งสองพรรคไม่ต้องรีบตราบใดที่ยังไม่เห็นคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญตัวเต็ม

"ตอนนี้ต้องยืนยันว่าเราต้องการ ส.ส.ร.เลือกตั้งโดยตรง เป็นร่างเดิมที่ทั้งสองพรรคเสนอไว้เมื่อต้นปี 68 แต่ถ้าคำวินิจฉัยออกมาแล้วติดขัดก็ค่อยมาหาโมเดลใหม่ น่าจะดีกว่า กังวลว่าหากคำวินิจฉัยออกมา ดีไม่ดีมีรายละเอียดที่แย่กว่า หรือปิดกั้นกว่าฉบับย่อ ร่างทั้ง 2 ฉบับที่เผยแพร่ออกมาเป็นไอเดีย สำหรับการถกเถียงก็กลัวว่าจะไม่ได้อีก จึงขออย่าเพิ่งรีบเสนอโมเดลใหม่ วันนี้ต้องทวงถามคำวินิจฉัยฉบับเต็มให้เร็วที่สุด แล้วค่อยมาออกแบบรายละเอียดหลังจากนั้น" นายยิ่งชีพ กล่าว

นายยิ่งชีพ ยังกล่าวถึงความไม่ชัดเจนของพรรคภูมิใจไทยว่ามีความกังวลมาก เมื่อดูจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญฉบับย่อและการที่พรรคภูมิใจไทยยังไม่ยืนยันอะไร กังวลว่าจะมีการกำหนดให้ผู้ร่างรัฐธรรมนูญมาจากสมาชิกรัฐสภาที่หมายถึง สส.และ สว.ซึ่งต่อให้มีสัดส่วนเท่ากัน ไอลอว์ยืนยันไม่เห็นด้วย ว่าสมาชิกรัฐสภาชุดปัจจุบันนี้จะสามารถตั้งผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้ เพราะไม่เคยหาเสียงหรือประกาศนโยบายก่อนการเลือกตั้ง ขณะเดียวกันก็ไม่มีความชอบธรรมที่จะเสนอ โดยเฉพาะ สว.ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งโดยตรง ถูกตั้งข้อสังเกตว่าถูกครอบงำ อาจสะท้อนแนวทางว่าทำอะไรการคิดเหมือนกัน อย่างน้อย สว.150 เชื่อว่าฝ่ายการเมืองฝ่ายหนึ่งสามารถควบคุมผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้

เมื่อถามว่า หากโมเดล ส.ส.ร.มีลักษณะเหมือนกับตอนร่างรัฐธรรมนูญปี 2539 นายยิ่งชีพ กล่าวว่า เป็นความพยายามที่ดีแต่ยังดีไม่พอ เพราะปี 2539 ให้ผู้ที่ต้องการเป็น ส.ส.ร.สมัครเข้ามาเอง และให้สมาชิกรัฐสภาเลือกภายหลัง ซึ่งการให้เลือกตนเอง มีบทเรียนจากการยกร่างปี 67 ว่าระบบดังกล่าวใครพวกมากก็ลากกันไป ต่างคนจะเกณฑ์คนของตนเองไปสมัครให้เยอะที่สุด ส่วนการขอเสียงจาก สว.ที่กฎหมายกำหนดให้เห็นชอบด้วย 1 ใน 3 แม้ไม่อาจพูดโดยตรงได้ว่าสามารถควบคุม สว.ได้หรือไม่ แต่หวังพรรคภูมิใจไทยน่าจะส่งสัญญาณถึง สว.ด้วย ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีว่าในช่วง 10 ที่ผ่านมายังไม่มีเสียงคัดค้านจาก สว.แตกต่างจากการทำรัฐธรรมนูญครั้งก่อน เห็นว่า สว.สีน้ำเงินยังไม่มีใครพูดอะไร น่าจะรอฟังสัญญาณทางการเมืองจากรัฐบาลชุดใหม่ที่นำโดยพรรคภูมิใจไทยอยู่

เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ที่พรรคภูมิใจไทย และ สว.จะแบ่งบทกันเล่น นายยิ่งชีพ กล่าวว่า เกรงว่าจะเป็นเช่นนั้น ถ้ารัฐบาลพรรคภูมิใจไทยเสนอร่างแก้รัฐธรรมนูญ และพรรคภูมิใจไทยโหวตผ่าน แต่สุดท้าย สว.โหวตไม่ผ่านคิดว่าก็จะเป็นเหมือนเดิม คือรัฐบาลที่นำประเทศอยู่จะต้องรับผิดชอบ เพราะจะต้องมีพื้นที่และภารกิจในการเจรจากับ สว.ด้วย ซึ่งหากไม่สามารถทำตามสัญญาได้ถือเป็นความล้มเหลวของรัฐบาล

ด้าน น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล ตัวแทนจากไอลอว์ กล่าวถึงความมั่นใจที่จะจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมให้แล้วเสร็จทันก่อนยุบสภาเพื่อนำไปทำประชามติหรือไม่ ว่า หากเป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่การทำประชามติ ที่คำถามครั้งที่ 1 และคำถามครั้งที่ 2 จะต้องถามพร้อมกันในรอบแรก เป็นไปค่อนข้างยาก แต่ก็มีช่องทางที่เป็นไปได้ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้รัฐบาลจะต้องออกแบบไทม์ไลน์อย่างรอบคอบ ว่าจะประกาศวันที่เคาะคำถามการทำประชามติ และวันที่จะยุบสภาเมื่อไหร่ ถึงจะไปครบกำหนดวัน ที่จะทำประชามติพร้อมกับการเลือกตั้งทั่วไปได้

น.ส.ภัสราวลี กล่าวต่อว่า ครม.อาจจะต้องการไทม์ไลน์ให้ทุกภาคส่วนเห็นว่าข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างในระยะเวลาเท่าไร จะได้ทำความเข้าใจร่วมกัน โดยฝ่ายการเมืองจะต้องรอคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญฉบับเต็ม ก่อนที่จะมาเดินหน้ายกร่างโมเดลที่มา ส.ส.ร.ยืนยันว่าอำนาจในการออกแบบ ส.ส.ร.อยู่ที่รัฐสภา หากสมาชิกรัฐสภาเข้าใจคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญได้ และโต้แย้งว่าเหตุใดประชาชนถึงไม่มีสิทธิ์เลือก ส.ส.ร.โดยตรงได้ ก็เป็นเหตุผลที่มีน้ำหนักมากพอที่จะยืนยันได้ว่า ประชาชนต้องเลือกผู้ร่างได้โดยตรง

- 006

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top