ทัพภาค1ประณาม‘ผู้นำกัมพูชา’  อย่าแอบหลังผู้หญิง  ส่งคฝ.7กองร้อยรับมือ

ทัพภาค1ประณาม‘ผู้นำกัมพูชา’ อย่าแอบหลังผู้หญิง ส่งคฝ.7กองร้อยรับมือ

วันศุกร์ ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

 

ทัพภาค1ประณาม‘ผู้นำกัมพูชา’

อย่าแอบหลังผู้หญิง

ส่งคฝ.7กองร้อยรับมือ

สกัดม็อบเขมรบุกรื้อรั้ว

ป่วนบ้านหนองหญ้าแก้ว

โฆษก ทภ. 1 แถลงเดือด เตือนเขมรอย่ายั่วยุอีก และเลิกหลบหลังผู้หญิง เย้ยสร้างละครไม่จบไม่สิ้น ประกาศยกระดับรับมือม็อบเขมรระดมตำรวจ คฝ.7 กองร้อย คุมพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ฮึ่มบุกรุกอีกจับดำเนินคดีตามก.ม.ไทยแน่ โวยจนท.ไอโอทีเขมรทำผิดกติกา มาเดินตรวจแนวลวดหนามเขตแดนไทย นายกฯไฟเขียวมอบอำนาจทหาร-กองทัพจัดการปกป้องอธิปไตยไทย เมิน “ฮุน มาเนต”ฟ้องโลก ลั่นไทยยึดกรอบ ผาสุกมั่นคงอธิปไตยความปลอดภัยปชช.เป็นหลัก ยันเป็นผู้นำไทยยึดประโยชน์ปท.เป็นหลัก ยันยังไม่เปิดด่าน ด้าน “บิ๊กเล็ก”เผยรอถกสมช.เคาะสร้างรั้วชายแดน ชี้ยังมีความเห็นต่าง งง นายกฯเขมรยื่นประท้วงไทยทำเกินกว่าเหตุ-วางรั้วลวดหนาม โต้กลับแล้ววางทุ่นระเบิดแรงกว่าหรือไม่

เมื่อวันที่ 18 กันยายน ที่กองทัพภาคที่ 1 พลตรีสุรวิชญ์แดงจันทร์ โฆษกกองทัพภาคที่ 1 แถลงถึง เหตุการณ์ชาวกัมพูชาบุกรื้อรั้วลวดหนาม บ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว และทำร้ายเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน(คฝ.) จึงต้องมีการใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางว่า แสดงให้ได้เห็นว่ากัมพูชาจริงใจหรือไม่ ที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงในการประชุมทวิภาคีระดับต่างๆ แต่เหตุการณ์บ้านหนองหญ้าแก้วและบ้านหนองจานที่ผ่านมา กลับใช้การยั่วยุ ระดมมวลชน เด็ก ผู้หญิง พระสงฆ์ ไม่ใช่เรื่องที่อารยะประเทศปฏิบัติต่อกัน


ทภ.1ประณามผู้นำเขมร-เลิกยืนหลังผญ.

“ผมขอประณามผู้นำประเทศกัมพูชา ที่ปล่อยให้เรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้น ในพื้นที่อธิปไตยของไทย โดยใช้เด็ก ผู้หญิง พระสงฆ์ยั่วยุ ต้องการสร้างภาพว่าฝ่ายไทยปฏิบัติการทำร้าย โดยไม่สนใจความรู้สึกหรือร่างกายของประชาชนตัวเอง ให้เข้ามารุกล้ำอธิปไตยไทย ขออย่ามายั่วยุอีกและเลิกยืนอยู่ข้างหลังผู้หญิงได้แล้ว ซึ่งมีการประกาศกติกาสากลอยู่แล้ว และขอฝากไปถึงพระสงฆ์กัมพูชา หากจะมาแสดงเช่นนี้ขอให้กลับไปสึกเสียดีกว่า แล้วไปสมัครมาเป็นทหาร แล้วมาปฏิบัติต่อกัน ยืนยันว่าเราไม่หลงกล และรู้ว่าจะใช้วิธีนี้ เราจึงเตรียมกำลังกองร้อยควบคุมฝูงชนไว้ “พลตรีสุรวิชญ์กล่าว

ซัดเลิกเล่นละคร-เตรียมคฝ.7กองร้อยรับมือ

และว่า ทั้งหมดนี้คือละครกัมพูชาสร้างละครไม่จบไม่สิ้น ตนอยากฝากถามถึงความจริงใจผู้นำกัมพูชาโดยเฉพาะ การปฏิบัติตามข้อตกลง อย่าให้เป็นแค่กระดาษหรือคำเขียนแต่จะต้องนำมาสู่การปฏิบัติ อย่างไรก็ตาม กองทัพภาคที่ 1 ไม่หวั่นไหวหรือหวั่นใจ เราเป็นผู้ใหญ่ใจดีมามากแล้วตลอด 30-40 ปี ที่ผ่านมา กองทัพภาคที่ 1 กองกำลังบูรพา ผู้ว่าฯสระแก้ว ใช้ความอดทนมาตลอด เมื่อกัมพูชาไม่ใช้กำลังทหาร และฝ่ายไทยจะใช้กำลังทหารกับทหารด้วยกันเท่านั้น จึงเตรียมกำลังควบคุมฝูงชนรับมือขั้นตอนหลังจากนี้จะยกระดับความเข้มข้น โดยตำรวจภูธรภาค 2 ส่งกำลังควบคุมฝูงชนสมทบในพื้นที่ 5 กองร้อย รวมของเดิม2กองร้อย รวมเป็น 7 กองร้อย หากละเมิดอีกจับกุมได้ทันที พร้อมขนขึ้นรถผู้ต้องหาดำเนินคดีตามกฎหมายไทย ที่กำหนดว่าเข้าข่ายใด

พลตรีสุรวิชญ์กล่าวย้ำว่า การปฏิบัติของกองทัพภาคที่ 1 มีอารยะ มีขั้นตอน พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกต ทหารกัมพูชา นอกจากไม่ห้ามปรามประชาชนของตัวเองแล้ว แต่ยังผสมโรง ช่วยรื้อรั้วลวดหนาม สิ่งที่เห็น คนกัมพูชาวัยฉกรรจ์ 100 - 200 คนใช้ไม้เป็นอาวุธ และใช้หนังสติ๊กซึ่งรุนแรงกว่ากระสุนยางทำร้ายเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย ฉะนั้นเราต้องรอบคอบและป้องกันตนเอง จึงเตรียมกำลังควบคุมฝูงชน ทหารพรานและตำรวจหญิง และอาสาสมัครรักษาดินแดน ตรึงกำลังผลักดันตามขั้นตอนและตามสมควรแก่เหตุ ซึ่งกัมพูชานำไปบิดเบือนว่าถูกฝ่ายไทยทำร้ายร่างกาย บาดเจ็บสาหัส จึงตั้งคำถามว่าแก๊สน้ำตาบาดเจ็บสาหัสได้อย่างไร ฝากไปถึงสื่อมวลชนเขมรขอให้ข้อมูลที่ถูกต้อง

ฉะIOTเขมรละเมิดกฎเดินดูแนวรั้วไทย

พลตรีสุรวิชญ์ยังกล่าวตำหนิคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว IOT ฝ่ายกัมพูชา ลงพื้นที่ช่วงค่ำหลังเหตุ ให้ปฏิบัติตามข้อตก และไม่มีสิทธิ์ เดินมาบริเวณแนวรั้วลวดหนาม ซึ่งเป็นอธิปไตยของฝ่ายไทย โดยให้กรมข่าวกองทัพภาคที่1 ทำหนังสือประท้วงให้ยึดถือหลักเกณฑ์กติกาเพราะเมื่อคณะIOT ถูกสร้างมาเป็นผู้สังเกตการณ์ ส่วนการประชุมคณะกรรมการส่วนภูมิภาค(RBC) ไทย-กัมพูชาวันที่ 24-25 กันยายนที่เขมร จะหารือแผนเก็บกู้ทุ่นระเบิด แผนปฏิบัติอาชญากรรมข้ามชาติ การจัดระเบียบพื้นที่ชายแดน การจัดชุดประสานงานระหว่างพื้นที่ รวมถึงตั้ง TBC ระดับจังหวัด เพื่อทำงานในพื้นที่ และย้ำว่าขอให้สถานการณ์เหมาะสมต่อการเจรจาและขอความจริงใจจะพูดคุย อย่าให้สนามการค้าเปลี่ยนเป็นสนามรบ ทั้งนี้ใน จ.สระแก้ว มีพื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ 8 พื้นที่ แต่ในส่วนบ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว กัมพูชารุกล้ำเกิน พื้นที่อ้างสิทธิ์ จึงต้องจัดการไม่ให้ยืดเยื้อเด็ดขาด

ทบแถลง.โต้เขมรบิดเบือน4ข้อ

ส่วนกรณีนายเพน โบนา โฆษกรัฐบาลกัมพูชาแถลงถึงสถานการณ์ตึงเครียด บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้วพลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกออกมาแถลงชี้แจงว่า สิ่งที่โฆษกรัฐบาลเขมรแถลงบิดเบือนความจริงหลายประเด็น ดังนี้1.กรณีอ้างว่าชาวกัมพูชาออกไปปกป้องที่ดินตามกฎหมายของตนจากการถูกละเมิดโดยฝ่ายไทยขอชี้แจงว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทยชัดเจน ไม่ได้อยู่ในพื้นที่อ้างสิทธิ์ของกัมพูชา ชาวบ้านกัมพูชาเจตนารุกล้ำเข้ามาอยู่อาศัยผิดกฎหมายในเขตดินแดนไทยมานาน โดยมีเจ้าหน้าที่เขมรรู้เห็นมาตลอด ไทยเคยประท้วงหลายครั้ง แต่เขมรเพิกเฉยไม่แก้ปัญหาและด้วยจุดเกิดเหตุเป็นเขตไทยชัดเจน ผู้ปฏิบัติหลักจึงเป็นตำรวจควบคุมฝูงชน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองประจำพื้นที่ มิใช่เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร อย่างที่ฝ่ายกัมพูชาพยายามบิดเบือนสายตาชาวโลก

2.กรณีกล่าวถึงเจ้าหน้าที่ไทยยิงกระสุนยางและระเบิดควันใส่พลเมืองกัมพูชา และใช้อุปกรณ์เครื่องเสียงทำลายแก้วหูและสมองไทยยืนยันปฏิบัติตามขั้นตอนหลักสากล ตามความเหมาะสมของสถานการณ์ โดยใช้กำลังตำรวจและฝ่ายปกครอง เมื่อเจรจาสันติวิธีไม่ได้ผล เพื่อต้องการควบคุมฝูงชนเขมรที่มีลักษณะท่าทีที่ก้าวร้าว แสดงออกรุนแรง ส่วนใหญ่พกพาท่อนไม้ยาวเป็นสิ่งเทียมอาวุธ และมีท่าทีทำร้ายเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย รวมถึงบุกทำลายสิ่งกีดขวางของทางการไทย

3.กรณีขอประณามความรุนแรงที่เจ้าหน้าที่ไทยทำต่อประชาชนและพระเขมร โดยเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ไทยยุติการละเมิดและความรุนแรงเหล่านี้กรณีนี้ฝ่ายไทยขอประณามเจ้าหน้าที่เขมรที่มิได้มีท่าทีจริงใจแก้ปัญหาการชุมนุมและขอประณามผู้ชุมนุมเขมรที่พยายามใช้ความรุนแรงกับเจ้าหน้าที่ไทย เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องใช้แก๊สน้ำตา และกระสุนยาง เพื่อป้องกันตนเองและระงับเหตุเฉพาะหน้า

4.กรณีเรียกร้องให้ไทยเคารพข้อตกลงหยุดยิงและพยายามแก้ปัญหาโดยสันติวิธี ยึดหลักสากล ข้อตกลงที่มีต่อกัน และกฎหมายระหว่างประเทศที่มีอยู่กรณีดังกล่าว ชัดเจนว่าเป็นฝ่ายเขมรที่ไม่เคารพข้อตกลงหยุดยิง ด้วยการยั่วสนับสนุนให้มวลชนมารุกล้ำดินแดนไทย บิดเบือนข้อมูลข่าวสาร หวังให้เกิดผลกระทบต่อภาพลักษณ์ฝ่ายไทย การดำเนินการของไทยเป็นเพียงแก้ปัญหาที่เขมรเจตนาสร้างขึ้นอย่างเป็นระบบ ด้วยความอดทนอดกลั้น เพื่อแก้ไขการเผชิญหน้ากันด้วยความรุนแรง ที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้งทางอาวุธครั้งใหม่

“บ้านหนองหญ้าแก้ว”เป็นอธิปไตยไทย

“กองทัพบกย้ำว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตไทย การที่เขมรบุกรุกเข้ามาทำลายสิ่งของทางราชการ และก่อการจลาจลบนแผ่นดินไทย เป็นการกระทำผิดกฎหมาย ต้องถูกดำเนินการตามกระบวนการ และยืนยันการดำเนินการของไทยเป็นไปตามขั้นตอนตั้งแต่การเจรจา แจ้งเตือน และควบคุมการจลาจลตามหลักสากลใช้กำลังตำรวจร่วมกับฝ่ายปกครอง ที่สำคัญพบว่าทหารเขมรที่ร่วมในเหตุการณ์กลับไม่ห้ามปราม และมีท่าทีสนับสนุนการจลาจลนอกจากนี้หลังเกิดเหตุการณ์ฝ่ายเขมรยังออกแถลงการณ์บิดเบือนข้อมูลทั้งหมดนี้แสดงถึงเจตนาของเขมรใช้ประชาชนออกหน้ารุกล้ำดินแดนไทยและความไม่จริงใจแก้ปัญหาในพื้นที่ชายแดนตามข้อตกลงหยุดยิงย้อนแย้งกับภาพลักษณ์ที่รัฐบาลเขมรพยายามสร้างต่อสังคมโลกว่าเป็นผู้แสวงหาสันติภาพ”โฆษกกองทัพบกย้ำ

นายกฯย้ำให้เกียรติทหาร-ลั่นเปิดด่านไม่มี

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีทหารไทยปะทะชาวบ้านเขมร ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว จ. สระแก้วว่า ขอให้เป็นเรื่องของฝ่ายการทหารดำเนินการและชี้แจง เราต้องเคารพกัน พื้นที่ตรงนั้นเป็นเขตที่ประกาศกฎอัยการศึก ดังนั้นอำนาจการตัดสินใจจึงอยู่ที่ฝ่ายการทหาร ถ้ารัฐบาลนี้เข้าไปแล้วเรื่องดำเนินการด้านความมั่นคง เราจะฟังผู้ที่อยู่ชายแดนและผู้รับผิดชอบโดยตรง เช่น เรื่องการเปิดด่านอย่าไปคาดเดา เพราะขณะนี้ยังไม่มี

เมิน“ฮุนมาเนต”ฟ้องโลก-ยึดประโยชน์ปท.

ส่วนกรณี ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เขียนจดหมายถึงประธานอาเซียนและผู้นำโลก นายอนุทินกล่าวว่า ผู้นำประเทศไหนก็ต้องรักษาประโยชน์ประเทศนั้น เช่นเดียวกับผู้นำไทย ต้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศไทยเหนือประเทศอื่นและเหนือเหตุผลอื่น ซึ่งประโยชน์ของไทยก็คือความผาสุข ความมั่นคงของประเทศ อธิปไตย รวมถึงความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งเรายึดถือกรอบนี้และหลักนี้ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น

บิ๊กเล็กให้รอถกสมช.เคาะสร้างรั้ว

ที่องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและว่าที่รมว.กลาโหมกล่าวถึงความคืบหน้าการสร้างรั้วชายแดนด้านจังหวัดสระแก้วว่า ขณะนี้มีความเห็นสองด้าน เพราะบางจุกมีคลองคั่นกลาง ทำให้เขตแดนอยู่กลางคลอง ถ้าเราสร้างรั้วขึ้นมาอยู่บนตลิ่ง จะมีความเห็นเป็นสองทาง ทางฝ่ายที่อยากให้สร้าง ต้องการมีไว้ป้องกันอาชญากรรม ขณะที่ฝ่ายไม่เห็นด้วยบอกว่า เราจะเสียสภาพ การครอบครองระหว่างกลางคลองขึ้นมาได้ ตนจึงให้ไปหารืออีกครั้ง

“อยากขอความเห็นใจว่าพอเราทำอะไรลงไป อีกฝ่ายหนึ่งก็จะประท้วง เราจึงต้องทำในสิ่งที่สองฝ่ายตกลงร่วมกันได้ เรื่องนี้ต้องนำเข้าไปพิจารณาในสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)ก่อน เพราะเกี่ยวเนื่องกับอธิปไตย และเป็นเรื่องที่มีคนพร้อมตัดพ้อต่อว่า ดังนั้น เมื่อเราเป็นรัฐบาลต้องระวัง”พลเอกณัฐพลกล่าว

ฮึ่มป่วนอธิปไตยไทยใช้กม.ไทย

พลเอกณัฐพลยังกล่าวถึงชาวเขมรชุมนุมประท้วงเจ้าหน้าที่ไทย ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ทำให้ไทยต้องใช้มาตรการสากลเข้าควบคุมระงับเหตุว่า เรื่องนี้ต้องแบ่งเป็น 2 ส่วน ระดับที่ตนรับผิดชอบคือ การเจรจา ซึ่งการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ข้อที่ 4 ระบุไว้ชัดเจนว่า เป็นการจัดการในพื้นที่ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว และผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย ได้คุยกันเมื่อวันที่ 17 กันยายน แต่ยังไม่มีผลคืบหน้า เพราะต้องรอรัฐบาลกระทั่งเกิดเหตุขึ้น โดยช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนโทรศัพท์ไปหาแม่ทัพภาคที่ 1 ให้เร่งประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค หรือ RBC เพื่อเร่งจัดระเบียบพื้นที่ชายแดน แต่หากการประชุม RBC ไม่สามารตกลงได้ ก็จะไปทวงในการประชุม GBC อีกครั้ง พร้อมยืนยันว่าเมื่อตกลงกันแล้ว ตนได้พูดคุยกับพลเอก เตียเซียฮา รมว.กลาโหมเขมรแล้วว่า หากเป็นเหตุที่เกิดขึ้นในพื้นที่อธิปไตยไทย เราขอดำเนินการตามกฎหมายไทย

“หากเกิดเหตุในพื้นที่อธิปไตยของไทยอีก ก็ต้องใช้กฎหมายไทย”พลเอกณัฐพลกล่าวย้ำ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ดูเหมือนเขมรจะปากว่าตาขยิบ พลเอกณัฐพลยอมรับว่า ก็คงอย่างนั้น อย่างไรก็ตาม

นโยบายเรื่องของความมั่นคงของรัฐบาลใหม่ชัดเจน แต่ลายลักษณ์อักษรยังไม่เสร็จเรียบร้อย ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้ย้ำว่า อธิปไตยต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนหน้านี้ ตนย้ำมาเสมอว่า เจรจาก็เจรจากันไป ส่วนหน้างานก็ว่ากันไป วันใดถ้ามารุกล้ำ เราก็ดำเนินการตามกฎการใช้กำลัง ซึ่งไม่ต้องเป็นห่วง เราไม่ยอมแน่นอน ในเรื่องเขตอธิปไตยของเรา

งง!“ฮุนมาเนต”ประท้วงไทยทำเขมร

เมื่อถามต่อว่า ที่บอกว่าจะดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมาย หมายถึงการดำเนินคดี ใช่หรือไม่ หรือเป็นเพียงป้องกันอธิปไตย พลเอกณัฐพลกล่าวว่า ถ้าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุมากกว่านี้ ก็ต้องถึงขั้นจับกุมบ้าง เพราะจากการสังเกตเมื่อวานนี้ เป็นลักษณะการวางแผนของเขมร เมื่อทำเสร็จ วันรุ่งขึ้นก็มีหนังสือไปถึงประเทศต่างๆสอดรับกันมาก จึงน่าจะเป็นอย่างนั้น พร้อมระบุต่อว่า การที่นาย ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ไปประท้วงประเทศต่างๆว่า เราทำต่อคนเขมร ภาพที่เกิดขึ้น มี 2ประเด็นสำคัญคือ หัวหน้าคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ของฝ่ายไทย ยังกล่าว ชมเชยไทยว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามขั้นตอนตามกฎหมาย แต่หากเกินกว่าเหตุ ก็สามารถข้ามขั้นตอนได้

วางทุ่นระเบิดกับรั้วลวดหนามอันไหนแรงกว่า

นอกจากนี้กรณีนายกรัฐมนตรีกัมพูชาไปประท้วง ตนก็ไม่เข้าใจ เพราะไทยประท้วงกัมพูชาเรื่องการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แต่ฝ่ายกัมพูชากลับมาประท้วงไทยเรื่องการวางแนวรั้วลวดหนาม ก่อนตั้งคำถามว่า ระหว่างการวางแนวรั้วลวดหนาม กับวางทุ่นระเบิดอันไหนรุนแรงกว่ากัน และปัจจุบันกระทรวงกลาโหมประสานกระทรวงการต่างประเทศ ทำหนังสือประท้วงไปเช่นเดียวกัน

ใครล้ำเส้นแดงเขตแดนไทยฟ้องตามกม.ไทย

พลเอกณัฐพลกล่าวด้วยว่า ได้หารือกับพลเอก เตียเซียฮาแล้วว่า ถ้าระหว่างนี้ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 2 จังหวัดพูดคุยกัน แต่หากอะไรที่เกินกว่าเหตุ ไทยจะดำเนินการตามกฎหมาย เพราะนี่คือแผ่นดินไทย แม้ว่า เส้นเขตแดนยังไม่ชัดเจน แต่มีเส้นสีน้ำเงินและสีแดง เป็นที่ทราบกัน ซึ่งขอย้ำว่า หากเป็นใต้เส้นแดงลงมาคือ เขตอธิปไตยของไทย จึงขอใช้กฎหมายไทย ย้ำว่าถึงจะยึดหลักมนุษยธรรม แต่ถ้าฝ่ายปกครองของเขมรไม่มาดูแล ก็ต้องข้ามขั้นตอนไปเหมือนกัน เพราะเกินกว่าที่เราตกลงกันไว้ ส่วนจะใช้โอกาสนี้ในการกระชับพื้นที่คืนหรือไม่ ไม่ขอบอก เพราะตนต้องระวังคำพูด แต่ขอประชาชนอย่าเป็นห่วง แม้ว่า รัฐบาลจะไม่สามารถดำเนินการได้ตามกฎหมายแต่มีกฎใช้กำลังของกระทรวงกลาโหมอยู่แล้ว ฉะนั้นการกระทำที่เป็นการล่วงล้ำอธิปไตยตัดสินใจได้ทันที

เขมรไม่เลิก!นัดรวมตัวป่วนไทยตั้งแต่เที่ยง

วันเดียวกัน มีความเคลื่อนไหวในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว โดยเพจเฟซบุ๊ก “กองทัพบก ทันกระแส” ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า มาตามคาด!!ในเวลา 12.40 น. ชาวกัมพูชาเริ่มรวมมวลชน พื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ทำให้เจ้าหน้าที่ไทยทุกภาคส่วน ทั้งตำรวจควบคุมฝูงชน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และทหาร ตรึงกำลังพร้อมรับสถานการณ์

 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top