ส่องครม.หนู1! ผนึก ‘เหล่ามืออาชีพ-คนการเมือง’ เข้าด้วยกัน กับโจทย์ท้าทายประสานแก้สารพัดปัญหา ‘ปากท้อง-เศรษฐกิจ-ชายแดน’ แบบเร่งด่วน

เมื่อวันที่ 19 ก.ย.2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี(ครม.) ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี พบว่าในส่วนของทีมเศรษฐกิจ ที่ประกอบด้วยทั้ง นักการเมืองสายฐานเสียง ผู้บริหารระดับสูงจากภาคราชการ และเอกชน สะท้อนความพยายามสร้างสมดุลระหว่างการเมือง และมืออาชีพ เพื่อขับเคลื่อนการแก้ปัญเศรษฐกิจปากท้อง ซึ่งถือเป็นโจทย์สำคัญของรัฐบาล ซึ่งคีย์แมนคนสำคัญ ได้แก่ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง อดีตอธิบดีกรมสรรพากร ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายภาษี และการคลัง ถือเป็นเสาหลักด้านการเงินการคลังของรัฐบาล นายวรภัค ธันยาวงษ์ รมช.คลัง อดีตผู้ว่าการธนาคารออมสิน และอดีตผู้บริหารธนาคารพาณิชย์ใหญ่ เชี่ยวชาญด้านการเงินการธนาคาร

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รมว.พลังงาน อดีตซีอีโอ ปตท. มีประสบการณ์ด้านพลังงานและโครงการลงทุนขนาดใหญ่ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ อดีตผู้บริหารไทยคม และกลุ่มโรงแรมดุสิต มีภาพลักษณ์ผู้บริหารหญิงมืออาชีพที่เข้าใจการค้าและกลยุทธ์ธุรกิจระดับนานาชาติ

ขณะที่นักการเมืองสายเศรษฐกิจ เช่น นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม อดีตนักธุรกิจท่องเที่ยวที่มีบทบาทขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯ และ รมว.เกษตรฯ ผู้มีฐานเสียงแน่นในภาคเหนือ และเชี่ยวชาญนโยบายด้านเกษตรกร และนางตรีนุช เทียนทอง รมว.แรงงาน รับผิดชอบแรงงานและแรงงานต่างด้าว ซึ่งมีผลต่อโครงสร้างเศรษฐกิจ

ส่วนรัฐมนตรีหน้าใหม่อย่าง น.ส.มัลลิกา จิระพันธุ์วาณิชย์ รมช.คมนาคม นายธนกร วังบุญคงชนะ รมว.อุตสาหกรรม และนายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ถูกมองว่าเป็นทีมการเมืองเศรษฐกิจ ที่จะช่วยเสริมพลังการสื่อสารและสร้างฐานสนับสนุนในพื้นที่ต่าง ๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า  ทีมเศรษฐกิจชุดนี้มีจุดแข็งคือ เป็นมืออาชีพตัวจริง นายเอกนิติ นายวรภัค นายอรรถพล และนางศุภจี ที่จะสร้างความเชื่อมั่นต่อตลาดและนักลงทุน ขณะเดียวกัน นักการเมืองฐานเสียง อย่างร.อ.ธรรมนัส นายพิพัฒน์ จะช่วยเชื่อมโยงนโยบายเศรษฐกิจกับประชาชนในระดับพื้นที่ ทั้งนี้ อาจทำให้เกิดความท้าทายอยู่ที่การประสานงานระหว่าง เทคนิคกับ การเมือง เพื่อให้นโยบายเดินหน้าเป็นรูปธรรม สามารถรับมือกับโจทย์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ค่าเงินบาทผันผวน และแรงกดดันจากทั้งสงครามชายแดนและสงครามการค้าระหว่างประเทศ