ตอกหน้า‘พท.’จะอภิปรายอะไร  ‘อนุทิน’ลั่น‘ขอเถอะ’  ไม่อยากแฉทำเสียหายแค่ไหน  ทั้งประเทศ-ทหาร-ชีวิตปชช.

ตอกหน้า‘พท.’จะอภิปรายอะไร ‘อนุทิน’ลั่น‘ขอเถอะ’ ไม่อยากแฉทำเสียหายแค่ไหน ทั้งประเทศ-ทหาร-ชีวิตปชช.

วันจันทร์ ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

ตอกหน้า‘พท.’จะอภิปรายอะไร

‘อนุทิน’ลั่น‘ขอเถอะ’

ไม่อยากแฉทำเสียหายแค่ไหน

ทั้งประเทศ-ทหาร-ชีวิตปชช.

ฝ่ายแค้นเปิดศึกฉะฝ่ายค้าน

นายกฯหนูย้ำคำเดิม 4 เดือนยุบสภา ตอกหน้า พท.ยังไม่บริหารราชการแผ่นดินจะอภิปรายอะไร เผยไม่อยากแฉกลับว่าทำประเทศเสียหาย-ทหาร-ปชช.บาดเจ็บล้มตายอย่างไรบ้าง เพราะไม่ทำให้ประเทศก้าวหน้า ด้านพท.ถล่มครม.ปราสาทสายฟ้าคอนเนคชั่นล็อกเป้าจัดหนัก 2 ประเด็นแถลงนโยบาย จับตาคดีเขากระโดง-ฮั้วสว.จุดจบบางพรรค เย้ยปชน.เป็นฝ่ายค้ำไม่ใช่ฝ่ายค้าน

เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคเพื่อไทย (พท.) เตรียม 4ขุนพลอภิปรายชำแหละนโยบายของรัฐบาลที่จะแถลงต่อรัฐสภา ว่า เป็นสิทธิ์และหน้าที่ของ สส.ที่สามารถทำได้ ซึ่งตนก็มีข้อมูลที่จะชี้แจง หากมีการตั้งข้อสงสัยในเรื่องใด แต่ยืนยันว่าจะไม่มีการชำแหละคืน


เมื่อถามถึงการอภิปรายที่จะมีเรื่องของโฉมหน้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ระบุว่า เป็นครม.ปราสาทสายฟ้าคอนเน็คชั่น นายอนุทิน ถึงกับร้องโอ้โหพร้อมกล่าวว่า แล้วคอนเน็คชั่นที่เกิดมาก่อนหน้านี้ ไม่กลับไปถามตัวเองก่อน ไม่ต้องถามตนหรอก เพราะตนไม่ทำในแบบที่พวกเขาทำ

นายกฯย้ำอยู่ไม่เกิน4เดือนยุบสภาแน่

เมื่อถามถึงกรณีที่พรรค พท.ประกาศเป็นพรรคฝ่ายค้านอิสระ ไม่ร่วมกับพรรคประชาชน(ปชน.) จะทำให้การทำหน้าที่ของฝ่ายค้านกลายเป็นฝ่ายแค้นหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่เป็นไร เวลามีแค่ 4 เดือน หลังจากแถลงนโยบาย ตนยุบสภาฯแน่นอน เพราะฉะนั้นรักกันไว้เถิด ต้องรักกันไว้ให้มาก

ส่วนปฎิบัติหน้าที่แต่ละฝ่ายก็ทำไป แต่ต้องมีความรักกันไว้ ซึ่งเราต้องเป็นตัวอย่างที่ดียิ่งเรามีปัญหา กับประเทศเพื่อนบ้าน รบกับประเทศเพื่อนบ้านสิครับ อย่ามารบกันเอง

อย่าให้บ้าจี้แฉกลับพท.ทำอะไรไว้บ้าง

เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยเตรียมจะอภิปรายถึงการบริหารราชการแผ่นดิน ทั้งๆ ที่ยังไม่เริ่มทำงาน นายกฯ กล่าวว่า ก็ยังไม่ได้บริหารราชการแผ่นดินเลยจะอภิปรายเรื่องอะไร

“หากผมบ้าจี้ขึ้นมา อภิปรายในสิ่งที่เขาทำบ้าง โดยเฉพาะเรื่องที่ทำให้ประเทศของเราเสียหายไปขนาดไหน ทำให้ประชาชน ทหาร บาดเจ็บต้องสูญเสียชีวิต หากพวกผมอธิปรายกลับบ้าง ประเทศก็ไม่ต้องก้าวหน้าไปไหน เพราะฉะนั้นขอเถอะ ผมก็บอกอยู่ว่า อยู่แค่ 4เดือน จะทำไรก็แล้วแต่ ผมอยู่ไม่เกิน 4 เดือนหรอก และมาแข่งกันตอนเลือกตั้งให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน อย่าตัดสินเอง” นายอนุทิน กล่าว

ลั่นจะกวาดศรีสะเกษสส.ยกจังหวัด

วันเดียวกันนี้นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรค ภท.ได้เดินทางไปลงพื้นที่ช่วย น.ส.จินณ์ตวรรณ ไตรสรณกุล ผู้สมัคร สส.ศรีสะเกษพรรคภท. หาเสียงเลือกตั้งซ่อมสส.ศรีสะเกษ เขต 5 โดยนายอนุทิน คาดหวังว่า ชาวศรีสะเกษ จะให้ความมั่นใจในผู้สมัครของพรรค ภท.ซึ่งจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 28ก.ย.นี้

เมื่อถามว่า มีการประกาศบนเวทีปราศัยถึงการเลือกตั้งครั้งหน้าขอสส.ศรีสะเกษ ยกจังหวัด นายอนุทิน หัวเราะ ก่อนจะบอกว่า “คำตอบก็อยู่ในนั้นอยู่แล้ว ศรีสะเกษ ยกจังหวัด”

“ยืนยันว่าเมื่อพวกผมเข้ามาแล้ว ยืนยันว่าไม่มีแน่นอน เพราะไม่เกิดประโยชน์กับประเทศชาติ และประชาชน ขอทำงานดีกว่าแม้ว่าที่ผ่านมาทีมของตนโดนอิทธิพลข่มขู่ และโดนกดดันต่างๆจากฝ่ายราชการก็ตาม”นายอนุทิน กล่าว

‘โสภณ เขากระโดง’งงยังไม่ได้งานดันถูกด่า

ด้านนายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ถูกตั้งข้อสังเกต “ครม.อนุทิน” เป็นปราสาทสายฟ้าคอนเนคชันว่า ก็มีการหมายถึงว่าเป็นคนบุรีรัมย์ ซึ่งไม่เกี่ยวกันเลย วันนี้พอพูดถึงบุรีรัมย์ จะมีคนอยู่ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีอคติก็จะพูดว่า คนบุรีรัมย์จะเข้าไปทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง แต่กลุ่มที่รู้ความจริง เหมือนที่คนบุรีรัมย์รู้ว่า อะไรเป็นอะไร

“เพราะฉะนั้นต้องดูที่การกระทำ เหมือนตนที่วันนี้ยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย แต่กลับถูกตั้งฉายาว่า “โสภณ เขากระโดง”นายโสภณ กล่าว

ลั่นพร้อมพิสูจน์ตัวเองที่แท้เราคือพระเอก

นายโสภณ กล่าวอีกว่า ตนเลือกเกิดไม่ได้ แต่เพราะอยู่บุรีรัมย์ ขอถามว่า ที่ตนมีชื่ออยู่ในครม.ชุดนี้ ก็ต้องไปดูว่า สิ่งที่จะทำในอนาคตนั้นจะเหมือนกับคำปรามาสหรือไม่ ต้องมาพิสูจน์กัน ในสังคมนี้พอพูดเรื่องดีก็ไม่เชื่อ แต่พอพูดเรื่องไม่ดีก็เชื่อไว้ก่อนว่าจะทำแบบนั้น จะทำแบบนี้ จึงเป็นจุดอ่อนของสังคมไทย และการใช้โซเชียลมีเดียที่จริงบ้าง เท็จบ้าง มาบั่นทอนความน่าเชื่อถือของคนที่ไม่รู้ความจริง

“วันนี้ผมก็ต้องพิสูจน์ตัวเอง และไม่ใช่แค่ผมนะ แต่สส.บุรีรัมย์ นักการเมืองของคนบุรีรัมย์ หรือมีชื่อคนบุรีรัมย์เข้าไปเป็นครม. ต้องพิสูจน์ว่า เราไม่ได้เป็นแบบที่พวกเขาคิด ตรงนี้สำคัญเพราะอนาคตของภูมิใจไทย มันไม่ได้อยู่ที่วันนี้ อนาคตของภูมิใจไทยอยู่ที่ว่า ถ้าเราทำในสิ่งที่ทุกคนคาดผิดหมด พวกผมก็เป็นพระเอก”

ไม่หวั่นพท.เตรียม 4 กุมารไว้ชำแหละ

นายโสภณ ระบุว่า เราไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ และภูมิใจไทยไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ จึงต้องเดินตามครรลองของกฎหมาย เพราะเราหวังว่าจะเป็นพรรคการเมือง ที่เป็นสถาบันการเมือง หากพรรคใดไร้อุดมการณ์ ไม่ยึดในสิ่งที่ถูกต้องก็จะอยู่ได้ไม่นาน เพราะฉะนั้นสิ่งที่เรา และสส.ทุ่มเทมา สิ่งที่ทำมาก็เป็นประโยชน์กับประชาชน

ส่วนที่พรรคเพื่อไทยเตรียม 4 กุมาร จะชำแหละคณะรัฐมนตรี นายโสภณ บอกว่า ไม่เป็นอะไร ตนไม่ห่วงเรื่องชำแหละ แต่ห่วงว่า เราจะมีเวลาพอที่จะได้พิสูจน์การทำงานบนพื้นฐานความเป็นจริงหรือไม่ เพราะเวลา 4 เดือนที่นายอนุทินทำ MOA ไว้นั้น เชื่อว่าทำได้ แต่ในขณะเดียวกันวิกฤตของประเทศบางอย่างรอไม่ได้ และความเป็นรัฐบาลทุกวินาทีต้องทำเพื่อประเทศชาติ ต้องคู่กันไปกับการเดินหน้ายุบสภา ร่างรัฐธรรมนูญอย่างเป็นรูปธรรม

ยันยันไม่มีชื่อเคยถูก‘ป.ป.ช.’ ชี้มูล

นอกจากนี้นายโสภณ ยังกล่าวว่า ที่ผ่านมาเคยเป็น รมว.คมนาคม 3 ปี เคยถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ 2 ครั้ง และในตอนนั้นต้องยื่นให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) สอบ แต่สุดท้ายผลการสอบก็ยกหมด ยืนยันว่าตนไม่มีเรื่องถูกชี้มูลใน ป.ป.ช. ส่วนใน ครม.นี้ จะมีใครถูก ป.ป.ช. ตรวจสอบหรือไม่นั้น ทางนายกฯ ได้ตรวจสอบอย่างเข้มข้น เพราะท่านมีอนาคตทางการเมืองอยู่

“ผมเชื่อว่านายกฯ มีกำแพงพิงที่จะไม่ทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า แม้จะเป็นรัฐบาลแค่ 4 เดือน แต่ก็ไม่ควรนำชีวิตการเมืองไปผูกไว้”นายโสภณ กล่าว

พท.ถล่มครม.ปราสาทสายฟ้าคอนเน็กชั่น

ส่วนที่พรรค พท.นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีรัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำของพรรคภท. ว่า สิ่งที่หลายคนมีความกังวลต่อรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ปรากฏออกมานั้น คือเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และผลประโยชน์ทับซ้อนรวมถึงมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลการเมือง

“ไม่ใช่แค่รัฐมนตรีที่เป็นสายล่อฟ้าที่เคยครหาในอดีต แต่ปัจจุบันอาจเรียกว่าเป็นรัฐมนตรีปราสาทสายฟ้าคอนเน็กชั่นที่อาจะเข้าไปสร้างปัญหาในการตรวจสอบและดำเนินคดีของหน่วยงานต่างๆ”นายชนินทร์ กล่าว

ลับมีดรอสับ 2 ประเด็นนโยบายรัฐบาล

นายชนินทร์ ยังกล่าวว่า พรรค พท.ได้เตรียม สส.อภิปรายการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา โดยแยกออกเป็น2กลุ่มหลัก คือ 1.นโยบายนายกรัฐมนตรีจะแถลงต่อรัฐสภา โดยจะลงรายละเอียดเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน ภายในระยะเวลา 4 เดือนตามกรอบที่รัฐบาลได้ทำสัญญากับพรรคประชาชน (ปชน.) ไว้ รวมถึงเรื่องรัฐธรรมนูญที่จะเปิดทางให้มีการร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับที่จะเกิดขึ้นพร้อมกับการเลือกตั้งครั้งหน้า

ล็อคเป้าจัดหนักรมต.โดนป.ป.ช.ชี้มูล

นายชนินทร์ กล่าวอีกว่า 2.เรื่องคุณสมบัติของรัฐมนตรีแต่ละคน ความรู้ความสามารถรวมถึงการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ทั้งในคดีการบุกรุกที่ดินเขากระโดง คดีฮั้ว ส.ว. รวมถึงรัฐมนตรีคนอื่นๆ ที่มีข้อครหาเรื่องความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ จากประชาชนรวมถึงถูกชี้มูลความผิด โดยสำนักงานคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แต่ก็ยังถูกแต่งตั้ง โดยนายกรัฐมนตรีที่มีตั๋วช้างสีส้มจากพรรค ปชน.ให้เข้าสู่ตำแหน่ง ซึ่งต้องได้รับการวินิจฉัยในมาตรฐานเดียวกันกับที่รัฐบาลพรรค พท.เคยถูกตรวจสอบด้วย

เขากระโดง-ฮั้วสว.อาจถึงจุดจบบางพรรค

“ประเด็นหลักที่คิดว่าน่าจะเป็นไฮไลต์สำคัญของการอภิปรายวาระการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาครั้งนี้ คือการตั้งคำถามอย่างตรงไปตรงมาว่าการที่พรรคภูมิใจไทยพยายามทุกวิถีทาง ยอมทุกอย่างเพื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ในระยะเวลาเพียง4 เดือนนั้น มีความเกี่ยวข้องอะไรกับคดีฮั้ว ส.ว. และกรณีที่ดินเขากระโดงหรือไม่ เพราะหัวใจสำคัญของสองเรื่องนี้ หากกระบวนการยุติธรรมได้เดินไปตามกลไกระบบปกติ เรื่องนี้อาจไปถึงทำให้ถึงจุดจบของพรรคการเมืองบางพรรคเลยก็ได้” นายชนินทร์ กล่าว

ฝ่ายแค้นอัดฝ่ายค้านเหน็บ‘ปกรณ์วุฒิ’

นายชนินทร์ ยังกล่าวถึงการทำหน้าที่ฝ่ายค้านของพรรค พท.หลังประกาศตัวเป็นพรรคฝ่ายค้านอิสระว่า หลังมีการทำข้อตกลงจัดตั้งรัฐบาลระหว่างพรรคปชน. กับ พรรคภท.ขณะนี้ประชาชนเห็นสัญญาณชัดเจนว่ามีกระบวนการที่จะเริ่มเติมเสียงสนับสนุนรัฐบาลของพรรค ภท. โดยมีการเปิดตัวนักการเมืองจากพรรคต่างๆ เข้าร่วมงานการเมืองมากขึ้น

“ที่น่าแปลกใจคือ นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล รองหัวหน้าพรรค ปชน. กลับมองไม่เห็นสิ่งนี้ รวมถึงให้สัมภาษณ์ว่าพรรค ภท.ยังไม่ได้มีความพยายามรวมเสียงข้างมาก และยังไม่เป็นสัญญาณที่จะทำให้เกิดรัฐบาลเสียงข้างมากเพิ่มเติมในฝ่ายรัฐบาลได้ หลายฝ่ายเริ่มสับสนว่าปัจจุบันนายปกรณ์วุฒิเป็นรองหัวหน้าพรรค ปชน.หรือเป็นโฆษกพรรค ภท.คนใหม่ ” นายชนินทร์ระบุ

ปชน.ต้องรับผิดชอบโหวตให้อนุทิน

นายชนินทร์ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่นายปกรณ์วุฒิพยายามช่วยชี้แจงแทนพรรค ภท. ว่าการที่จะเกิดรัฐบาลเสียงข้างมากก็ต่อเมื่อมีพรรคใหญ่ของฝ่ายค้านอาจจะเป็นพรรค พท. หรือพรรค ปชน. ที่ต้องแตกเสียงไปสนับสนุนกับฝ่ายรัฐบาลเท่านั้น ประเด็นนี้พรรค ปชน.ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ข้อตกลงรัฐบาลเสียงข้างน้อยของสีส้มและสีน้ำเงิน พรรค พท.ไม่ได้มีส่วนร่วมที่จะรับผิดชอบอะไรด้วย

“โดยข้อเท็จจริงแม้จะมี ส.ส.พรรค พท.9คน สนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาลนั้น แต่พรรค ปชน.คือคนที่สนับสนุนรัฐบาลอนุทิน โหวตให้นายอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรีแบบยกพรรค และต้องร่วมรับผิดชอบต่อการดำเนินการของรัฐบาลนี้ เพราะคนเริ่มครหาแล้วว่า รัฐบาลนี้ไม่ได้ตั้งมาเพื่อยุบสภา แต่ตั้งมาเพื่อยุบคดีสีน้ำเงินมากกว่า”นายชนินทร์ กล่าว

ยกเหตุผลไม่ร่วมเป็นวิปฝ่ายค้าน

นายชนินทร์กล่าวด้วยว่า ดังนั้น เราจึงได้มีการออกแถลงการณ์ไปเมื่อวันที่ 20 กันยายน ว่าพรรค พท.ยืนยันว่าเรามีทั้ง ส.ส.คนรุ่นใหม่ และ ส.ส.คนรุ่นใหญ่ที่มีประสบการณ์พร้อมประสานงานกับพรรค ปชน.ในการทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างแน่นอน แต่เราขอไม่รับตำแหน่งกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร (วิปฝ่ายค้าน) ร่วมกับพรรค ปชน. เพราะรัฐบาลนี้ตั้งขึ้นด้วยกลไกที่แปลกประหลาด เรามีผู้นำฝ่ายค้านที่หามแคนดิเดตนายกรัฐบาลจากพรรค ภท.ขึ้นเสลี่ยง

เย้ยเป็นวิปฝ่ายค้านหรือฝ่ายค้ำกันแน่

“มีประธานวิปฝ่ายค้านที่ทำหน้าที่เสมือนโฆษกของพรรคภูมิใจไทย และเรายังมี ส.ส.ฝ่ายค้านอีกกว่า 140 คนที่ร่วมแบกองค์ประชุมแทนรัฐบาลแทบทุกวัน ขัดกันกับที่เคยป่าวประกาศว่าการรักษาองค์ประชุมเป็นหน้าที่ของฝ่ายรัฐบาลเท่านั้น จึงเป็นที่น่าตั้งคำถามว่าวิปที่ตั้งขึ้นมานี้ คือวิปฝ่ายค้าน หรือวิปฝ่ายค้ำ ค้ำยันให้รัฐบาลสีน้ำเงินกันแน่” นายชนินทร์กล่าว

โวลั่นพท.ตรวจสอบรบ.ไม่มีอ่อนข้อ

นายชนินทร์กล่าวต่อว่า พรรค พท.ยืนยันว่าจะทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตรวจสอบรัฐบาลอย่างเต็มที่ไม่มีกั๊ก ไม่มีอ่อนข้อให้ใครตั้งแต่วินาทีแรก และเราไม่ผูกมัดกับกรอบระยะเวลา 4 เดือนตาม MOA สีน้ำเงินอมส้มที่เป็นระยะเวลาสมประโยชน์กันของสองพรรคการเมือง เพราะเราไม่มีพันธสัญญาผูกพันใดๆ ทั้งในที่แจ้งหรือในที่ลับระหว่างพรรค

“เรามุ่งมั่นที่จะรับผิดชอบต่อพี่น้องประชาชนเท่านั้น ซึ่งเราจะแสดงบทบาทฝ่ายค้านอย่างเต็มที่ให้ได้เห็นในการอภิปราย การแถลงนโยบายของรัฐบาลนายอนุทิน ที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้อย่างแน่นอน”นายชนินทร์ กล่าว

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top