ห้ามแตะหมวด1-2 สว.ประกาศจุดยืนปมแก้รธน.

ห้ามแตะหมวด1-2 สว.ประกาศจุดยืนปมแก้รธน.

วันอังคาร ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

ห้ามแตะหมวด1-2

สว.ประกาศจุดยืนปมแก้รธน.

แฉ2คำนักการเมืองกลัวมาก

‘ซื่อสัตย์สุจริต-จริยธรรม’

‘ปชน.’ไม่สนลุยยื่นร่างแล้ว

จี้นายกฯหนูล็อบบี้สภาสูง

 

ปชน.ใส่เกียร์เดินหน้า ยื่นร่างแก้ไขรธน. เปิดที่มา ส.ส.ร.ระบบ 2 กลไกคู่ขนาน เลือก “กมธ.ยกร่างฯ-สภาที่ปรึกษา” ไล่บี้นายกฯ“หนู”เดินสายล็อบบี้สส.-สว.ให้ยกมือสนับสนุน ขู่ไม่จริงจังโดนอภิปรายแน่ ขณะที่ ภท.อ้างทุกพรรคต้องช่วยกันโน้มน้าวจึงจะสำเร็จ ส่วน ‘สว.’ลั่นถ้าไม่แตะหมวด 1-2 ยกมือให้ แฉ 2 คำ ที่นักการเมืองกลัวสุดขีดอยากให้รื้อรัฐธรรมนูญ

วันที่ 22 กันยายน 2568 ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) พร้อมนายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรค ปชน.ได้ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15/1 ว่าด้วยการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ของพรรค ปชน.เสนอต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร


โดยนายณัฐพงษ์ กล่าวว่า การผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15/1 เป็นขั้นตอนแรกที่ทำให้เกิดการเดินหน้า นำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับใหม่ ทำประชามติรอบแรก คือทำประชามติครั้งที่ 1 และ 2 พร้อมกันตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เดินหน้าสู่การเลือกตั้งตามกรอบยุบสภาฯภายใน 4 เดือน ซึ่งอาจอยู่ช่วงปลาย มี.ค. 2569

เสนอโมเดล“2 กลไกคู่ขนาน”แก้รธน.

สำหรับเนื้อหาของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ สอดคล้องกับรายละเอียดที่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะและรับฟังความเห็นจากประชาชนเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ดยยังคงกลไกที่มาของผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ ยึดโยงกับประชาชนมากที่สุด และไม่เสี่ยงขัดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่ารัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญโดยตรง โดยใช้ 2 กลไกลคู่ขนาน

ชงตั้ง35 กมธ.ยกร่างรธน.ฉบับใหม่

กลไกแรกคือ คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.)จำนวน 35 คน ทำหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญ มีที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน จำนวน 70 คนโดยใช้ระบบบัญชีรายชื่อที่ให้ผู้สมัครสมัครเป็นทีมและใช้เขตประเทศเป็นเขตเลือกตั้ง จากนั้นรัฐสภาคัดเลือก 35 คน แบ่งสัดส่วนตาม สส. สว. และพรรคการเมือง เท่ากับว่าหากสมาชิกรัฐสภามีทั้งหมด 700 คน สมาชิกรัฐสภา 20 คน มีสิทธิรวมตัวกันเพื่อเสนอชื่อ กมธ. ยกร่าง 1 คน จะได้ 35 คนพอดี

เลือกสภาที่ปรึกษารับฟังความเห็น

ส่วนกลไกที่สองคือ สภาที่ปรึกษายกร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 100 คน มีหน้าที่รับฟังความเห็น และสะท้อนข้อคิดเห็นต่าง ๆ ต่อ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ และ ต้องทำงานใกล้ชิด ที่มาจะมาจากระบบเลือกตั้งแบบแบ่งเขตจังหวัดละ 1-5 คน โดยกำหนดระยะเวลาจัดทำ รธน.ใหม่ไว้ที่ 270 วัน หรือประมาณ 9 เดือนให้กลไกทั้ง 2 ส่วนทำงานใกล้ชิดตลอดเวลา และรับฟังความเห็นจากประชาชนรอบด้านมากที่สุด

วางกลไกต้องแก้รัฐธรมนูญให้ได้

นายณัฐพงษ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ เมื่อมีการยกร่างรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว ต้องเสนอร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต่อรัฐสภา หากสภาฯให้ความเห็นชอบ ให้นำร่างดังกล่าวจัดทำประชามติสอบถามความเห็นของประชาชนว่าเห็นด้วยหรือไม่ต่อร่างรัฐธรรมนูญใหม่ จากการยกร่างของ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญต่อไป แต่ถ้าสภาฯไม่เห็นชอบ ให้ร่างดังกล่าวตกไป และ ต้องมีการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญใหม่ตามกลไกข้างต้น

ตั้งเงื่อนไขกันผลประโยชน์ทับซ้อน

ทั้งนี้ เพื่อป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน การทำงานของ กมธ. และสภาที่ปรึกษา ไม่ใช่ยกร่างแค่รัฐธรรมนูญใหม่ แต่ทำหน้าที่พิจารณากฎหมายลูก และบัญญัติให้บุคคลที่ทำหน้าที่ 2 คณะดังกล่าว ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในช่วงแรกหลังจบภารกิจ เช่น กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ มีกรอบระยะเวลา 3 ปี ส่วนสภาที่ปรึกษาฯ กรอบเวลา 2 ปีด้วยกัน

กระทุ้งพท.-ภท.รีบยื่นร่างแก้ไขด่วน

“ขอเรียกร้องไปยังพรรคเพื่อไทย (พท.) และพรรคภูมิใจไทย ( ภท.) รีบยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15/1 ภายในสัปดาห์นี้ตามที่ได้ประกาศไว้ และควรระบุรายละเอียดให้มีที่มาของผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ ให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด และไม่ขัดแย้งกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ”นายณัฐพงษ์ กล่าว

จี้นายกฯอนุทินเดินสายเคลียร์สมาชิก

พร้อมกับเรียกร้องไปยังสส. และ สว.ทุกคน เห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 15/1 ของทุกฝ่าย เพื่อเปิดประตูไปคุยในชั้น กมธ.ในวาระ 2 และ 3 ทั้งยังเรียกร้องไปยังนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้เดินสายทำความเข้าใจกับสมาชิกทุกคนเพื่อให้แก้ไขตามกรอบMOA ยุบสภาใน 4 เดือนช่วงปลาย ม.ค. 2569

ขู่อภิปรายนายกฯถ้าไม่ล็อบบี้สส.-สว.

ด้านนายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรค ปชน. กล่าวเสริมว่า เมื่อการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ เป็นนโยบายหลักตาม MOA อยากเห็นนายกฯ แสดงบทบาทความเป็นผู้นำ พูดคุยกับ สส. และ สว.เพื่อให้วาระนี้ประสบความสำเร็จได้ใน 4 เดือนข้างหน้า

“ณ เวลานี้ยังไม่เห็นท่าทีชัดเจน เราก็ใช้เวทีนี้เรียกร้อง ในการอภิปรายแถลงนโยบาย ถ้ายังไม่เห็นท่าทีจริงจังตรงนี้ ในการเดินสายพูดคุยกับ สส. และ สว. อาจนำประเด็นนี้อภิปรายต่อนายกฯโดยตรง ในวันที่ 29-30 ก.ย.นี้” นายพริษฐ์ กล่าว

ร่างภท.เสร็จแล้วยื่นปธ.สภา24ก.ย.นี้

ขณะที่ นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พรรค ภท. กล่าวว่า ร่างแก้ไขธรรมนูญ มาตรา 256 เสร็จเรียบร้อยแล้ว กำลังให้ สส.ร่วมลงชื่อเพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญที่ต้องมีเสียง 1 ใน 5 โดยพรรคเรามี 69 เสียง และได้หารือร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลอื่นแล้วด้วย จะรวบรวมรายชื่อเพื่อยื่นเสนอต่อประธานรัฐสภาเพื่อบรรจุวาระในวันที่ 24 ก.ย.นี้

เปิดที่มา 77 ส.ส.ร.ใช้โมเดลปี40

ส่วนที่มาของส.ส.ร. ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญไม่อนุญาตให้ประชาชนเลือกสภาร่างโดยตรง เลยต้องให้รัฐสภาเป็นคนร่างรัฐธรรมนูญ และต้องเขียนให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัย โดยในส่วนของเราจะให้ผู้ที่ประสงค์จะเป็น สสร. แต่ละจังหวัดสมัครเข้ามา โดยให้ กกต. เป็นผู้รับสมัคร จากนั้นให้รัฐสภาเลือกเหลือจังหวัดละหนึ่งคน จากทั้งหมด 77 จังหวัด ก็จะมี 77 คน

“อีกส่วนหนึ่งจะเป็นกลุ่มนักวิชาการ นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ และเชี่ยวชาญ 22 คน แบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มละ 7-8 คน โดยให้ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญสมัครเข้ามา และให้รัฐสภาเป็นผู้เลือก ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญในปี 2539 เป็นที่มาของ สสร.ในปี 40 และถือเป็นต้นแบบ”นายภราดร กล่าว

อ้างสส.ทุกพรรคต้องช่วยกันคุยสว.

เมื่อถามถึงกรณีพรรค ปชน.อยากให้นายกฯไปคุยกับ สว. เพื่อขอเสียงสนับสนุนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น นายภราดร กล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญ การจะแก้ไขต้องใช้เสียง สว. 1 ใน 3 ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของสส.ที่เห็นตรงกันจะต้องช่วยกันโน้มน้าว และพูดคุยกับ สว. ถึงความจำเป็น และเนื้อหาสาระเพื่อให้เขามีความมั่นใจ และสบายใจในการแก้ไข

“นายอนุทินก็เป็น สส. แต่ไม่ใช่แค่นายอนุทิน หรือไม่ใช่ว่าจะแค่พรรคไหน และ สส.คนใดของพรรค แต่คิดว่าทุกพรรคทุกคนก็จะต้องช่วยกันเจรจาพูดคุยเพื่อให้เดินไปสู่ปลายทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สำเร็จ”นายภราดร กล่าว

สว.พร้อมหนุน ถ้าไม่แตะหมวด1-2

ส่วนนายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.)และโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) กล่าวว่า หากมีการเสนอร่างฯ จะต้องมีการมาพิจารณาว่าแต่ละร่างมีเนื้อหาสาระอย่างไร แก้ไขอะไรบ้าง

“ส่วนตัวเห็นว่าหากการแก้ไม่แตะหมวด1-2 พร้อมที่จะให้ความเห็น ขณะนี้สมาชิกวุฒิสภายังไม่ได้มีการพูดคุยหารือกันในเรื่องเกี่ยวกับร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เบื้องต้นจะมีการประชุมวิป 3 ฝ่าย เพื่อกำหนดวันแถลงนโยบายรัฐบาล”นายพิสิษฐ์ ระบุ

นักการเมืองกลัว2คำจึงอยากแก้รธน.

นายพิสิษฐ์ กล่าวต่อว่า ผู้ที่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีเพียงนักการเมือง ซึ่งส่วนตัวไม่มั่นใจว่าประชาชน ต้องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หรือทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ เพราะสิ่งที่เราเห็นคือนักการเมืองกลัว กลัวรัฐธรรมนูญฉบับนี้ กลัวอยู่ 2 คำ สุจริตเป็นที่ประจักษ์ กับจริยธรรมอย่างร้ายแรง เป็น 2 คำ ที่นักการเมืองกลัวมาก ดังนั้นเขาจึงอยากแก้

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top