รบ.ร่างคำแถลงนโยบายเสร็จแล้ว
‘อนุทิน’ขอแจงเอง
เน้นแก้ปัญหาปากท้อง/ความมั่นคง
ลุยคนละครึ่ง-หวยเกษียณ
‘วันนอร์’คาดแถลง1-2ต.ค.
ปัดไขก๊อกปธ./ยึดตามรธน.
“อนุทิน”นำทีมเศรษฐกิจ พบ ส.ธนาคารไทย ยันปัญหาการเงินการธนาคารหัวใจหลักระบบเศรษฐกิจ พร้อมเปิดรับข้อห่วงใย-แนวทางแก้ไข ร่ายยาวมีความรู้ด้านการเงิน บอกในอดีตเคยเป็นนักวิเคราะห์สินเชื่อ ยัน ร่างฯแถลงนโยบายเสร็จแล้วมี8หน้า นายกฯชี้แจงเอง-ไร้องครักษ์ป้อง ด้าน’วันนอร์‘คาดแถลง1-2ต.ค. นี้ อาจเปลี่ยนได้ขึ้นอยู่กับความพร้อมรัฐบาล ชี้ต้องส่งคำแถลงให้สมาชิกรัฐสภาอ่านก่อน3วัน
เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2568 ที่สมาคมธนาคารไทย ถนนแจ้งวัฒนะ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เป็นประธานหารือรับฟังข้อเสนอแนะในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ รวมถึงรับฟังข้อเสนอเพื่อสนับสนุนนโยบายเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน ร่วมกับ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รมว.พลังงาน นายวรภัค ธันยาวงษ์ รมช.คลัง นายผยง ศรีวานิช ประธานสมาคมธนาคารไทย คณะกรรมการสมาคมธนาคารไทย และที่ปรึกษาสมาคม รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมด้วย
‘อนุทิน’นำครม.ศก.หารือนายแบงค์
โดย นายอนุทิน กล่าวว่า ได้นำทีมรัฐมนตรีเศรษฐกิจมาพบสมาคมธนาคารไทย ท่ามกลางการต้อนรับอย่างอบอุ่น ตนมีความตั้งใจที่จะมาพบกับทุกคน หลังจากที่มีความชัดเจนในเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล ตนได้ใช้ความพยายามที่จะคัดสรรบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถมาบริหารงานด้านเศรษฐกิจในรัฐบาลนี้ เชื่อว่าทุกคนรู้จักกันดีอยู่แล้ว วันนี้มีความจำเป็นที่จะต้องมาพบปะกับสถาบันต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมา ได้ไปพบผู้ประกอบการ ทั้งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย แต่ตนก็มีข้อสังเกตแม้จะออกจากวงการนี้ไปนาน พบว่ามีข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาก เช่น ที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้รับข้อมูลโดยตรงจากผู้ประกอบที่เป็นมืออาชีพในแต่ละภาคส่วน
โวทำงานวิเคราะห์สินเชื่อมาก่อน
ขณะที่สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้พบกับเจ้าของกิจการ โดยข้อมูลที่ได้มาได้สร้างประโยชน์และแนวคิดให้กับตนและทีมงานด้านเศรษฐกิจเป็นแนวทาง ความห่วงใย ความกังวลและความเดือดร้อนที่ให้รัฐบาลเร่งแก้ไขและช่วยเหลือ ซึ่งถือว่ามาจากทุกภาคส่วน ทั้งภาคการเกษตร การท่องเที่ยว อุตสาหกรรม และภาคบริการ โดยที่ทุกคนมีเป้าหมายเชื่อว่าประเทศไทยจะต้องไปถึงจุดนั้นให้ได้ ดังนั้นต้องใช้ความสามารถที่มีอยู่ รวมถึงความได้เปรียบการแข่งขันทางการค้า นำไปสู่การเป็นศูนย์กลางทางอาเซียนและภูมิภาคที่มีศักยภาพในการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งเชื่อว่าทุกคนพร้อมที่จะนำไปสู่เป้าหมายโดยที่ให้รัฐบาลสนับสนุนการดำเนินงานอย่างเต็มที่ ฉะนั้นเมื่อพบกับผู้ประกอบการแล้ว มีความจำเป็นต้องมาพบกับหัวใจระบบเศรษฐกิจ คือ การแก้ปัญหาทางการเงินการธนาคาร และอยากให้สมาคมเปิดใจในการหารือ เพราะไม่ใช่คนอื่นคนไกล
“จริงๆข้างในยังไม่รู้ใคร ยังไม่รู้เลยว่าใครอยู่ฝั่งรัฐ ฝั่งนายธนาคาร (แบงก์เกอร์) มาก่อน ผมดูรายชื่อแต่ละท่าน 4 ท่านแรก นายเอกนิติ นางศุภจี นายอรรถพล นายวรภัค ก็อยู่ในวงการการเงินมาก่อน และวงการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ทั้งนั้น แต่ผมก็แบงก์เกอร์นะ ผมเริ่มที่บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (IFCT ) หรือสถาบันการเมืองทำเป็นเล่นไปนะ ผมเป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์สินเชื่อ โดยนายผยงได้มาทำงานต่อจากผมไม่รู้กี่ปีก่อน” นายอนุทิน กล่าว.
ร่างนโยบายเสร็จแล้ว-เหลือปรับเนื้อหา
นายอนุทิน ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการจัดทำร่างนโยบายรัฐบาล ที่จะแถลงต่อที่ประชุมรัฐสภา ว่า ขณะนี้วางเค้าโครง รวมถึงเนื้อหาเสร็จหมดทุกเรื่องแล้ว แต่วันนี้ได้มาพบกับสมาคมธนาคารไทย หรือแม้แต่สัปดาห์ที่แล้วที่ได้พบกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รวมถึงการพบปะประชาชน ทำให้อาจต้องปรับเนื้อหานิดหน่อย เพื่อให้ตรงความต้องการ และความห่วงใยจากทุกภาคส่วนมากที่สุด ส่วนนโยบายเศรษฐกิจจะคิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ในร่างนโยบายนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่มีคำว่ากี่เปอร์เซ็นต์ เพราะเป็นนโยบายที่ประกอบในหลายมิติ ทั้งความมั่นคง สังคม เศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ของประชาชน และแผนการทำงานของรัฐบาล
ขอปธ.รัฐสภาแถลงนโยบาย29ก.ย.
นายอนุทิน ยังให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมบินไปUNที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ว่า ตอนนี้กำลังตรวจสอบดูอยู่ว่า ประธานรัฐสภาจะกรุณาให้แถลงนโยบายวันไหนโดยตนขอไปวันจันทร์ที่ 29ก.ย.นี้ แต่เวที UN ที่ให้ขึ้นแสดงวิสัยทัศน์ เกิดขึ้นในวันที่ 26ก.ย.โดยวันที่เข้าเฝ้าถวายสัตย์ฯ คือวันพุธที่ 24ก.ย. หลังจากที่เข้าเฝ้าแล้วจะเรียกประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทันที โดยจะหารือเรื่องนี้ด้วยกับหลายหน่วยงาน ทั้งกฤษฎีกาและกระทรวงการต่างประเทศว่าสถานะของรัฐบาล ในการไปประชุมสมัชชาใหญ่ UN จะสามารถไปได้หรือไม่ หากไปได้ก็จะสามารถไปพบปะหารือ หรือร่วมทวิภาคี โดยมีความชัดเจนตรงนั้น
คำแถลงมี8หน้า-แจงเอง-ไร้องครักษ์
แหล่งข่าวจากพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เปิดเผยความคืบหน้าการเตรียมร่างคำแถลงนโยบายของรัฐบาลอนุทินว่า ขณะนี้ร่างคำแถลงนโยบายรัฐบาลเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีจำนวนทั้งหมด 8 หน้า โดยนโยบายทั้งหมดจะเน้น 4ด้าน ประกอบด้วย เศรษฐกิจปากท้อง, ความมั่นคงและชายแดน, ปัญหาสังคม, ภัยธรรมชาติและการเยียวยาซึ่งนโยบายด้านเศรษฐกิจ จะเน้นเรื่องการลดค่าครองชีพแก่ประชาชน เช่น นโยบายคนละครึ่ง ซึ่งขณะนี้เรื่องระบบการใช้-วงเงินอยู่ระหว่างการพูดคุย, การลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เช่น ลดค่าทางด่วน รวมถึงอาจจะมีการปรับนโยบายที่พรรคภูมิใจไทยเคยหาเสียงไว้ เช่น โซลาร์รูฟท็อป เป็นโซลาร์ชุมชน 1,500เมกะวัตต์ เพื่อให้เข้ากับการทำงานของอายุรัฐบาล 4 เดือน นอกจากนี้จะมีการหยิบนโยบายของพรรคเพื่อไทย มา เช่น หวยเกษียณ โดยอาจจะมีการปรับรูปแบบ
แหล่งข่าวฯกล่าวต่อว่า ส่วนนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย สายสีแดงและม่วง ที่จะสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.นี้ แหล่งข่าวจากพรรคภูมิใจไทย ระบุว่า ประเด็นดังกล่าวต้องรอการพูดคุยอีกครั้งกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนหลังแถลงนโยบาย ทั้งนี้ การแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาจะไม่มีองครักษ์พิทักษ์นายกฯ เพราะนายกฯ จะสามารถชี้แจงได้เอง ส่วนกรณีเสียงวิพากษ์วิจารณ์พรรคประชาชน (ปชน.) ในการทำหน้าที่ฝ่ายค้านนั้น ยืนยันว่า ไม่มีการเกี้ยะเซี๊ยะ หรือฮั้วกันหากใครสงสัยก็จะมีการลุกขึ้นตอบ
’วันนอร์‘คาดแถลงนโนบาย1-2ต.ค.
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงวันแถลงนโยบายของรัฐบาล ว่า ขึ้นอยู่กับการกำหนดของรัฐบาล หลังจากวันที่ 24 ก.ย. ที่รัฐบาลจะเข้าถวายสัตย์ฯ และประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)นัดพิเศษ ก็จะแจ้งมายังสภาฯ ว่ารัฐบาลพร้อมที่จะแถลงนโยบายวันใด เมื่อรัฐบาลแจ้งมาแล้วสภาฯก็จะหารือวิป3 ฝ่ายเพื่อกำหนดวันและชั่วโมงในการอภิปราย ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นต้นสัปดาห์หน้า หรือปลายสัปดาห์ ซึ่งสภาฯ พร้อมที่จะแจ้งให้สมาชิกทราบว่าจะแถลงนโยบายวันไหนและต้องแจ้งล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 วัน เพราะรัฐบาลต้องส่งนโยบายที่แถลงมาให้สมาชิกได้อ่านก่อนวันประชุม
“ถ้าหากทุกอย่างพร้อมไม่มีอะไรติดขัด อาจจะเป็นวันที่1-2ตุลาคม โดยจะใช้เวลาทั้ง 2วัน ซึ่งจะเท่ากับรัฐบาลที่ผ่านมา แต่ทั้งหมดก็ต้องขึ้นอยู่กับข้อตกลงของวิปทั้ง3ฝ่าย” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว
เมื่อถามถึงการแบ่งเวลาที่ฝ่ายค้านมีเสียงมากกว่ารัฐบาลจะแบ่งเวลาได้ลงตัวหรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า เดี๋ยววิปก็จัดการได้ ต้องมีการประชุมหารือเพื่อหาข้อตกลง แต่อย่างไรก็ต้องรอให้รัฐบาลแจ้งความพร้อมในการแถลงนโยบายมาก่อน ถ้าทุกอย่างมีความพร้อมก็คงจะเรียบร้อย
กอดเก้าอี้แน่น-ยันทำหน้าที่ตามรธน.
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ สส.พรรคภูมิใจไทย ออกมากดดันให้เปลี่ยนตัวประธานสภาฯ หลังจากมีการเปลี่ยนรัฐบาลแล้ว ว่า เก้าอี้ของประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ นั้น เราไม่เคยมีกำหนดในรัฐธรรมนูญหรือข้อบังคับว่าจะเปลี่ยนไปตามรัฐบาล เพราะประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพรรคการเมือง แต่ตำแหน่งที่เป็นอิสระ
“ถ้าดูประเพณีปฏิบัติที่ผ่านมา เมื่อเปลี่ยนรัฐบาล สักกี่ครั้งก็แล้วแต่ ประธานสภาก็ไม่ได้เปลี่ยน นี่ไม่ได้หมายความว่าประธานสภาฯ หรือรองประธานสภาฯ อยากจะเปลี่ยน แต่ก็ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวเมื่อถามว่ากลัวเรื่องข้อกังขาที่อาจจะมีตามมาหรือไม่ เพราะอยู่ในซีกของฝ่ายค้าน นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ต้องดูหน้างานหากทำได้ก็ทำไป ถ้าทำไม่ได้ก็ว่าไป
ติงอย่าร้อนตัว-รอฟังซักฟอกอะไร
นายสมคิด เชื้อคง อดีต สส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า กรณี นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย กล่าวว่า หากผมบ้าจี้ขึ้นมาอภิปรายในสิ่งที่เขาทำบ้าง โดยเฉพาะเรื่องที่ทำให้ประเทศของเราเสียหายไปขนาดไหน ทำให้ประชาชน ทหาร บาดเจ็บ ต้องสูญเสียชีวิต หากพวกผมอภิปรายกลับบ้างจะเป็นอย่างไร ไม่น่าเชื่อว่า คนที่ดำรงตำแหน่งนายกฯจะใจแคบเช่นนี้ การอภิปรายรัฐบาลเป็นการทำหน้าที่ผู้แทนประชาชน คนเป็นนายกฯ ต้องรับฟัง หากฝ่ายค้านจะอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลต้องฟังก่อนว่า เขาอภิปรายเรื่องอะไร แค่เรื่องเขากระโดง นายอนุทิน ก็ตอบยากแล้ว ดังนั้นอย่าเพิ่งร้อนตัวฟังว่าเขาจะอภิปรายเรื่องอะไร มีหลายเรื่องมากที่ฝ่ายค้านจะหยิบมาอภิปราย
อวย‘ภูมิธรรม’ผลงานดีกว่า‘อนุทิน’
ส่วนที่พูดว่า การที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกฯ ปรับตัวเองออกจากกระทรวงมหาดไทย แล้วเวรกรรมตามทัน กรณีดังกล่าวไม่ไช่เรื่องของเวรกรรม เป็นเรื่องการทำงาน นายอนุทิน ต้องรู้ว่า เกือบ 2 ปี ที่นั่งในตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ทำอะไรบ้าง โดยเฉพาะเรื่องปราบปรามยาเสพติดทำหรือไม่ เรื่องอื้อฉาวในกระทรวงมหาดไทยทำหรือไม่ ประชาชนมองไม่เห็นผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน ขณะเดียวกัน สมัยที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ที่อยู่ในตำแหน่งแค่ 2เดือน กลับมีผลงานที่พี่น้องประชาชนสัมผัสได้ ต่างจากเกือบ 2ปี ของ นายอนุทิน มาก การลงพื้นที่ของ นายอนุทิน ในขณะที่ยังไม่ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณ แต่กลับเกณฑ์ข้าราชการทั้งจังหวัดมารอต้อนรับ แล้วกลับมาอ้างว่า มาในฐานะหัวหน้าพรรค ต้องระมัดระวัง เพราะ นายอนุทิน มีตำแหน่งนายกฯด้วย รู้อยู่แก่ใจว่าอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ สังคมจับตาดูอยู่ การเป็นนายกฯต้องบริหารประเทศ ไม่จ้องกระแหนะกระแหนพูดจาเสียดสีสร้างความแตกแยก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี