คุมขุดลอกท่อ

กรมคุกมอบงาน‘แม้ว’

‘อิ๊งค์’ชี้พ่อสุขภาพดี

“อิ๊งค์-สามี”เข้าเยี่ยม“ทักษิณ”ที่เรือนจำกลางคลองเปรมหนที่ 4 เผยสุขภาพยังโอเค แย้มผบ.เรือนจำฯ จะให้คุณพ่อไปช่วยคุมงานลอกท่อ ขอบคุณมวลชนคนเสื้อแดง คอยให้กำลังใจตลอด

เมื่อวันที่ 25 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานถึงกรณีเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568 เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ได้รับตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากศาลฎีกา แผนกคดีอาญา

ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไว้คุมขังตามคำพิพากษาของศาลให้บังคับโทษจำคุกแก่จำเลย 1 ปี ต่อมาเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ซึ่งกรมราชทัณฑ์กำหนดให้เป็นเรือนจำศูนย์ระหว่างการพิจารณาคดี (HUB) ได้ย้ายนายทักษิณ ไปควบคุมยังเรือนจำกลางคลองเปรม แดนพยาบาล เนื่องจากเป็นนักโทษเด็ดขาดกลุ่มผู้ต้องขังสูงอายุ ซึ่งปัจจุบัน นายทักษิณ อยู่ระหว่างการถูกคุมขังมาแล้ว 16วัน

ทั้งนี้ในช่วงเช้าที่เรือนจำกลางคลองเปรม ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม.ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณด้านหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม และส่วนของศูนย์บริการเยี่ยมญาติ ซึ่งถือเป็นครั้งที่4สำหรับการเยี่ยมญาตินายทักษิณ โดยเมื่อวันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ได้ร่วมเดินทางเข้าเยี่ยมนายทักษิณด้วยตัวเอง เนื่องจากติดภารกิจ แต่มีนายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ พี่สาว เป็นตัวแทนมาเข้าเยี่ยม

อย่างไรก็ตาม ในวันเดียวกันนี้ มีมวลชนคนเสื้อแดงเปิดลำโพงเครื่องขยายเสียงเป็นบทเพลงการขับร้องของนายทักษิณ เพื่อคอยส่งเสียงกำลังใจให้รับรู้ว่าคนเสื้อแดงไม่ทอดทิ้งนายทักษิณ บ้างก็สวมเสื้อสีแดงสมัยเป็นแนวร่วมประชาธิปไตย (นปช.) โดยบางส่วนเดินทางมาจากต่างประเทศ และจากต่างจังหวัด เพื่อมาให้กำลังใจนายทักษิณ และย้ำว่าเป็นคนเสื้อแดงตั้งแต่สมัย นปก.และ นปช.ร่วมฟังเวทีปราศรัยทุกครั้ง

ต่อมาเวลา 08.40 น. น.ส.แพทองธาร พร้อมด้วยนายปิฎก เดินทางโดยรถยนต์ส่วนบุคคลมาถึงหน้าเรือนจำฯ โดยสวมใส่เสื้อลายตารางสีน้ำตาล แขนยาว กางเกงขายาวสีขาว มัดรวบผมเรียบร้อย โดยมีมวลชนคนเสื้อแดงถือร่มสีแดง สกรีนภาพการ์ตูนรูปนายทักษิณ ซึ่งทาง น.ส.แพทองธาร และนายปิฎก ได้เดินมาหาคนเสื้อแดงพร้อมยกมือไหว้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสกล่าวขอบคุณคนเสื้อแดงที่คอยมาให้กำลังใจ และบอกสั้นๆ ว่ามาเยี่ยมได้แค่วันจันทร์และวันพฤหัสบดีเท่านั้น เยี่ยมได้2 วันต่อสัปดาห์ พร้อมกล่าวแซวว่า“เสียงเพลงข้างนอกดังอยู่นะ”

ทั้งนี้ ในระหว่างจะเดินเข้าเรือนจำฯ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า “วันนี้หลาน ๆ ได้ฝากจดหมายมาถึงตาตาบ้างหรือไม่” ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ตอบว่า “วันนี้ไม่มีค่ะ เดี๋ยวเขาจะมีอนุญาตให้เยี่ยมผ่านไลน์ได้ วิดีโอคอลไลน์ ซึ่งเขาจะมีเวลาให้ อย่างไรเดี๋ยวต้องถามทนาย” ก่อนเข้าไปด้านในเรือนจำฯ โดยใช้เวลาประมาณ 1ชั่วโมงกว่า จึงออกมาพบกับพี่น้องคนเสื้อแดงจาก จ.สิงห์บุรี และให้สัมภาษณ์สั้นๆ ถึงสุขภาพของนายทักษิณ ว่าสุขภาพโอเค.ค่ะและมี ผบ.เรือนจำฯ บอกว่า “เดี๋ยวจะให้คุณพ่อไปช่วยคุมการลอกท่อ” ก่อนยุติการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนและขึ้นรถเดินทางกลับ

ด้าน นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดนนทบุรี ในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่านายทักษิณ’ได้พูดคุยและแจ้งความประสงค์กับท่านผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองเปรม หากเป็นไปได้ก็อยากช่วยงานสาธารณะ โดยลอกท่อเพื่อประโยชน์ของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งการพิจารณาส่งนักโทษเด็ดขาดออกไปทำงานสาธารณะ(ลอกท่อ) ต้องปฏิบัติตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการส่งนักโทษเด็ดขาดออกทำงานสาธารณะหรือทำงานอื่นใดเพื่อประโยชน์ของทางราชการนอกเรือนจำ พ.ศ.2566 ที่ได้กำหนดเงื่อนไขและคุณสมบัติของนักโทษเด็ดขาดตามนัยของกฎหมายฉบับนี้โดยสังเขป 1.เป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นดีขึ้นไป กำหนดโทษจำคุกไม่เกินสามปี ต้องจำคุกมาแล้วระยะเวลาไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 (การมีโทษหนึ่งปีต้องจำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 4 เดือน) 2.ต้องโทษจำคุกครั้งแรก 3.การคัดเลือกนักโทษเด็ดขาดให้ออกไปทำงานจะต้องคำนึงถึงพฤติการณ์การกระทำผิด ลักษณะความผิด ความรุนแรงของคดี 4.ด้านข้อมูลบุคคล ให้คำนึงถึงอายุ ประวัติ ความประพฤติ สุขภาพหรือความแข็งแรงของร่างกาย

ทั้งนี้ ในส่วนของข้อดีออกทำงานสาธารณะหรือทำงานอื่นใดเพื่อประโยชน์ของทางราชการนอกเรือนจำ พ.ศ.2566 1.เป็นการสร้างตัวอย่างที่ดี ในการใช้ความมานะอุตสาหะ ทำความดีเพื่อตอบแทนสังคม หรือชดเชยการกระทำความผิด 2.ช่วยให้เกิดการประชาสัมพันธ์ภารกิจของกรมราชทัณฑ์ ด้านการทำงานสาธารณะต่อประชาชน ดังนั้นถ้ามีคุณสมบัติครบถ้วนตามระเบียบ เรือนจำอาจพิจารณานำเข้าคณะกรรมการชั้นเรือนจำ เพื่อเสนอคณะกรรมการชั้นกรมราชทัณฑ์พิจารณาอีกครั้ง