ใช้เวลา4เดือนลุยแก้ปัญหาประเทศ
‘อนุทิน’เร่งเครื่อง
ไม่มานั่งเท่ๆกินกาแฟฟรี
วิป3ฝ่ายเคาะ29-30ก.ย.นี้
วันแถลงนโยบายรัฐบาล
วิป 3 ฝ่ายประชุมเคาะวันแถลงนโยบาย 29-30 กันยายน“วันนอร์”เผยรบ.ขอจบก่อน 6 โมงเย็น เหตุนัดประชุมครม.นัดพิเศษ แบ่งเวลารัฐบาล 6 ชม.-สว. 3 ชม.“ฝ่ายค้าน”15 ชม.วิปค้าน 9 ชม.-พท. 6 ชม. พร้อมนัดถกแก้ไขรธน. 14-15 ตุลาคม นายกฯ “อนุทิน” ลั่นรบ.มีเวลาทำงาน 4 เดือน ต้องเร่งทำงาน แจงแถลงนโยบาย 29 กันยายน เพื่อทันงบปี’68
เงินกระตุ้นศก. 2.5หมื่นล้านทำ‘คนละครึ่ง’บอกไม่มีทางให้ตกไปนายกฯถกสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เร่งสร้างเชื่อมั่นตลาดทุน-เศรษฐกิจยันใช้เวลา4เดือนลุยแก้ปัญหาประเทศ ไม่มานั่งเท่ๆกินกาแฟฟรี เปิดนโยบาย‘รัฐบาลอนุทิน’ปกน้ำเงิน ขลิบธงชาติ ยึดหลักบริหารราชการแผ่นดิน3ประการหนุนการทำประชามติ-รธน.ฉบับใหม่ลุย4นโยบายแก้ปัญหาเร่งด่วนชูโครงการ’คนละครึ่ง-ลดรายจ่าย
เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2568 ที่รัฐสภา ว่าที่ร้อยตำรวจตรีอาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ได้ทำหนังสือด่วนส่งมายังนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เรื่องการแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี (ครม.)ต่อรัฐสภา โดยวันที่ 25กันยายนรัฐบาลจะส่งเล่มนโยบาย 1เล่มมายังรัฐสภา พร้อมกับคำแถลงนโยบายของครม.ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งครม.ได้กำหนดวันพร้อมแถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามมาตรา162ของรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่29กันยายน2568เป็นต้นไป
วิป3ฝ่ายเคาะแถลงนโยบาย29-30ก.ย.
เวลา15.00 น.ที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เปิดเผยภายหลังการประชุมวิปสามฝ่าย วาระจัดสรรเวลาในการประชุมแถลงนโยบายของนายกรัฐมนตรี ว่า เบื้องต้นจะมีการประชุมแถลงนโยบาย ในวันที่ 29 -30 กันยายน โดยจะเริ่มในเวลา 09.00 น. และในวันที่ 2 ทางคณะรัฐมนตรี(ครม.) ขอให้จบภายใน18.00น. เนื่องจากจะมีการประชุมครม.นัดพิเศษ
พร้อมนัดถกแก้รธน.14-15ต.ค.
นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังหารือถึงวันประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งขณะนี้มีพรรคการเมืองอย่างน้อย 3พรรคเสนอร่างมาแล้ว ได้แก่ พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทย ได้เสนอมาตามแนวทางศาลรัฐธรรมนูญโดยเราจะประชุมวันที่14-15ตุลาคม
ครม.-พรรคร่วมฯ6ชม.-สว.3ชม.
นางสาวแนน บุณย์ธิดา สมชัย ส.ส.อุบลราชธานี และโฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการแบ่งเวลาว่า ทางครม.และพรรคร่วมรัฐบาลได้เวลารวมกัน 6 ชั่วโมง โดยไม่นับรวมนายกรัฐมนตรีแถลงนโยบาย สมาชิกวุฒิสภา 3 ชั่วโมง และพรรคร่วมฝ่ายค้านได้เวลาทั้งหมด 15 ชั่วโมง และประธานสภาฯ 1ชั่วโมง
วิปฝ่ายค้านได้9ชม.-พท.6ชม.
ด้านนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน)กล่าวว่า ในส่วนของพรรคร่วมฝ่ายค้าน 15 ชั่วโมง ถึงแม้พรรคเพื่อไทยจะไม่เข้าร่วมวิปฝ่ายค้าน แต่เราได้แบ่งเวลาในสัดส่วนที่เหมาะสม คือ พรรคร่วมวิปฝ่ายค้าน 9 ชั่วโมง และ พรรคเพื่อไทย 6 ชั่วโมง
หนูลั่นเวลา4เดือนต้องเร่งทำงาน
ก่อนหน้านี้ เวลา12.10น.ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทยกล่าวถึงความจำเป็นที่ต้องการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันที่ 29 กันยายน 2568ก่อนวันที่ 30 กันยายน 2568เป็นเพราะสาเหตุอะไรว่า รัฐบาลมีเวลาทำงาน 4 เดือน จึงต้องการเร่งทำงาน
เมื่อถามย้ำว่าสาเหตุที่ต้องแถลงนโยบายก่อนวันที่ 29กันยายน2568เพื่อให้ทันการผลักดันงบประมาณปี2568ใช่หรือไม่ไม่เช่นนั้นบางงบประมาณอาจจะตกไป นายอนุทิน กล่าวว่าอะไรที่เป็นประโยชน์กับบ้านเมืองก็ทำทั้งหมด เราจะทิ้งงบไว้ทำไม
งบทำ‘คนละครึ่ง’ไม่มีทางตกไป
“ถ้าเกิดเราไม่เร่งงบนี้ก็ตกไปก็จะเอางบประจำไปใช้แทนซึ่งงบประจำในเรื่องนโยบายคนละครึ่งต้องทำอยู่ดี ถ้าใครจะมาคิดเล่นการเมืองก็ให้ข้ามเดือนนี้ เดี๋ยวโครงการนี้จะตกไปซึ่งไม่มีทาง”นายอนุทิน ย้ำ
นายอนุทินกล่าวว่า“โครงการคนละครึ่งมันไม่ตกหรอก ตกไม่ได้ เพราะจะไปใช้งบอีกก้อนหนึ่งซึ่งก็ไม่ช้าเราเตรียมตัวอยู่แล้วนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กับปลัดกระทรวงการคลังได้เตรียมการเรื่องนี้เป็นอย่างดีทั้งนี้ เราคิดถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นเป้าหมาย จะได้ถือว่าทุกพรรคไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาลมีส่วนร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างประโยชน์ให้พี่น้องประชาชน แก้ปัญหาปากท้องให้พี่น้องประชาชน
“ผมเองจะไม่มาบอกว่าเป็นผลงานฝ่ายรัฐบาลเท่านั้นแต่ถือว่าเป็นผลงานของสมาชิกรัฐสภาทุกคนที่ตระหนักถึงความเดือดร้อนและต้องการที่จะแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน”นายอนุทิน ระบุ เมื่อถามว่างบประมาณปี68ที่เหลืออยู่คืองบกระตุ้นเศรษฐกิจ 2.5 หมื่นล้านบาทใช่หรือไม่ นายอนุทิน บอกเพียงว่าเดี๋ยวรายละเอียดให้ไปสอบถามนายเอกนิติ
เร่งสร้างเชื่อมั่นตลาดทุน-เศรษฐกิจ
ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและรมว.มหาดไทย แถลงภายหลังหารือร่วมกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทย(FETCO)ถึงการสร้างความเชื่อมั่นที่จะมอบให้กับพี่น้องประชาชนในขณะนี้ว่ารัฐบาลชุดนี้ได้ตั้งทีมทำงานด้านเศรษฐกิจ ตั้งแต่รองนายกฯจนถึงรัฐมนตรีต่างๆ ที่รับผิดชอบด้านเศรษฐกิจซึ่งเป็นบุคลากรที่ไม่มีการครอบงำใดๆทางการเมือง ทุกท่านสามารถใช้ความรู้ความสามารถได้ตามภารกิจอย่างเต็มที่ จะใช้ทุกอย่างที่มีอยู่ฟื้นฟูสร้างความเชื่อมั่นมั่งคั่งให้กับเศรษฐกิจของประเทศโดยมีอำนาจเต็ม
“ทีมงานชุดนี้ไม่มีทีมงานการเมือง แต่เป็นการคัดสรรบุคลากรแต่ละท่านด้วยตัวเอง ซึ่งมีอำนาจเต็ม แต่ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบข้อบังคับและข้อกฎหมาย โดยจะใช้เวลาเท่าที่มีอยู่ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ในหน่วยงานที่รับผิดชอบได้อย่างเต็มที่” นายกรัฐมนตรี ระบุ
ยัน4เดือนลุยแก้ปัญหาต่อยอดอนาคต
เมื่อถามว่ารัฐบาลมีระยะเวลาเพียงสั้นๆจะเรียกความเชื่อมั่นได้อย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ตนถึงได้บอกว่าถ้ามาถึงแล้วบอก จะแก้กฎหมายต่างๆ ถ้าพูดแบบนี้ไม่ต้องเชื่อแล้วเพราะมันเป็นไปไม่ได้ในระยะเวลาสั้นๆ แต่เราจะจับในสิ่งที่มีอยู่ สิ่งใดที่สามารถแก้กฎระเบียบ แก้กฎกระทรวงได้ก็จะดำเนินการตามกลไกที่มีอยู่ในกระทรวงหรือหน่วยงานต่างๆ ที่รัฐมนตรีกำกับดูแล เหมือนการทะลวงท่อให้ลื่นไหลไปได้ ผมคิดว่าแค่4เดือนนี้ก็น่าจะเพียงพอ ที่จะสร้างรากฐานที่ดีให้เกิดความต่อเนื่องในอนาคต
ยึดประโยชน์ชาติ-ปชช.เป็นหลัก
เมื่อถามว่าการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลบ่อยๆจะมั่นใจได้อย่างไรว่าในระยะ 4 เดือน จะช่วยวางรากฐานด้านเศรษฐกิจได้ นายกฯ กล่าวว่ารัฐบาลที่เปลี่ยนแปลงบ่อยไม่ได้แปลว่าเป็นสิ่งไม่ดีเสมอไป ขอให้มีความใจกว้าง นึกถึงประโยชน์ประเทศและประชาชนเป็นเป้าหมายหลักอย่างรัฐบาลชุดนี้เมื่อเราเข้ามานโยบายอะไรที่ดี ที่ค้างท่อจากรัฐบาลชุดที่แล้วหรือนโยบายอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนเป็นที่นิยมสามารถนำมากระตุ้นเศรษฐกิจ พัฒนาคุณภาพชีวิต และสร้างความสงบให้สังคมได้ก็นำมาสานต่อ เช่นนโยบายคนละครึ่ง ซึ่งเป็นโจทย์ใหญ่โจทย์แรกที่รัฐบาลชุดนี้ต้องทำให้ได้ เราเตรียมงบประมาณที่เล็งไว้ว่าหากใช้จากกรณีนี้ไม่ได้ก็มีการเตรียมงบอีกก้อนหนึ่งเพื่อนำมาดำเนินการ เราได้เตรียมพร้อมไว้หมดแล้วซึ่งเป็นบทพิสูจน์ว่าเราเข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับบ้านเมืองจริงๆ
ลั่นไม่มีมานั่งเท่ๆกินกาแฟฟรี
ส่วนปัญหาทุนที่ตรวจสอบที่มาไม่ได้ นายกฯ กล่าวว่าอะไรที่เกี่ยวกับทุนสีเทาก็จะให้นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯและรมว.คลัง ดำเนินการ ซึ่งได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.)ซึ่งยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างเด็ดขาด
“ผมได้บอกกับนายเอกนิติว่า“วันนี้เรามานั่งกินกาแฟแล้ว ต้องทำสิ่งที่ทางตลาดทุนร้องขอมาให้สำเร็จ 3-4 เรื่อง ไม่ใช่มานั่งกินกาแฟฟรีๆ ไม่ใช่มาถึงรอวันยุบสภา มาเป็นรัฐมนตรี มาเป็นนายกรัฐมนตรีเท่ๆ4เดือน บอกเลยว่าไม่มีหรอก ไม่มีเท่ แต่เวลาในทุกๆวันต้องทำงานอย่างเต็มที่” นายกฯกล่าว
คลังเผย’คนละครึ่งพลัส’เริ่มตุลานี้
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯและรมว.คลัง เปิดเผยถึงโครงการคนละครึ่งว่าจะเป็นโครงการแรกๆที่รัฐบาลเริ่มทำทันทีตามนโยบายควิกบิ๊กวินของนายกรัฐมนตรีและจะเสนอเข้า ครม.ในการประชุมครั้งที่2หลังแถลงนโยบายหรือต้นเดือนต.ค.จากนั้นจะเริ่มโครงการภายในเดือนต.ค.นี้เพราะกระทรวงการคลัง ได้เตรียมพร้อมระบบต่างๆไว้รอแล้วและงบประมาณมีพอสามารถใช้ได้เลย
ชูกระตุ้นศก.ระยะสั้น-วางฐานระยะยาว
สำหรับครั้งนี้จะเป็นคนละครึ่งพลัส นอกจากจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นแล้ว ยังช่วยวางรากฐานไประยะยาวด้วย เนื่องจากจะมีการจูงใจให้คนเข้ามาอยู่ในระบบภาษีและได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม ขณะเดียวกัน จะยกระดับทักษะให้พ่อค้าแม่ค้ารายย่อยที่เข้าร่วมเช่นแม่ค้าขายหมูปิ้ง ปกติอาจขายได้เฉพาะในซอย แต่ต่อไปจะช่วยฝึกให้ขายผ่านออนไลน์ ทำให้สามารถขายได้ทั่วอำเภอ มีรายได้มากขึ้น ตลอดจนเพิ่มทักษะการทำบัญชี ทำให้มีข้อมูลสามารถไปยื่นกู้เงินกับสถาบันการเงินได้ เป้าหมายรัฐบาล คือ ทำนโยบายเศรษฐกิจ ควิกบิ๊กวิน เป็นโครงการใหญ่ และส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจระยะยาว
เปิดคำแถลงนโยบายรัฐบาล‘อนุทิน’
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า คำแถลงนโยบายของ ครม.นายอนุทิน ที่จะแถลงต่อรัฐสภา ปกสีน้ำเงิน ขลิบธงชาติมีสาระสำคัญคือครม.ขอแถลงถึงหลักการบริหารราชการแผ่นดินและนโยบายสำคัญของรัฐบาล จะยึดหลักสำคัญ 3 ประการได้แก่ 1.พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ 2. ยึดมั่นการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 3.ยึดมั่นหลักนิติธรรม บังคับใช้กฎหมายเป็นธรรม บริหารราชการแผ่นดินบนพื้นฐานธรรมาภิบาล ด้วยระยะเวลาที่มีอยู่จำกัด และงบประมาณที่รัฐบาลนี้ไม่ได้เป็นผู้จัดทำ ทั้งยังเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย จำเป็นต้องเร่งแก้ปัญหาที่ประเทศในขณะนี้ ได้แก่ ภัยเศรษฐกิจ ภัยความมั่นคง ภัยสังคม และภัยสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการวางรากฐานประเทศ การพัฒนาความสามารถการแข่งขันของประเทศ การสร้างระบบเศรษฐกิจโปร่งใส การสร้างความมั่นคง ความสงบเรียบร้อยและสันติสุข รัฐบาลจะสนับสนุนการทำประชามติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ รับฟังเสียงประชาชน สร้างการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนให้สอดคล้องคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ
ลุย5นโยบายแก้ปัญหาเร่งด่วน
2.รัฐบาลกำหนดนโยบายสำคัญแก้ปัญหาเร่งด่วนประเทศดังนี้ 1.ด้านเศรษฐกิจ สร้างรายได้ลดรายจ่ายให้ประชาชนในการใช้ชีวิตประจำวัน อาทิ ค่าพลังงาน ค่าน้ำดื่มสะอาด ค่าโดยสาร ให้มีกำลังจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น โดยจัดทำโครงการคนละครึ่ง การบริหารจัดการราคาสินค้าเกษตรในระดับที่เหมาะสม 2.แก้ปัญหาหนี้สิน เพิ่มสภาพคล่องบนพื้นฐานความเสี่ยงที่เป็นธรรม อาทิ แก้ปัญหาหนี้ภาคประชาชนในระบบ รายละไม่เกิน 1 แสนบาท การเพิ่มสภาพคล่องแก่ผู้ประกอบการรัฐวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม รายละไม่เกิน 1 ล้านบาท ควบคู่กับการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้ลูกหนี้ที่มีวินัยชำระหนี้
3.เพิ่มโอกาสการออมของประชาชนรายย่อย 4.ฟื้นความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยว มุ่งเน้นสร้างความปลอดภัย ปราบปรามการฉ้อโกง หลอกลวงนักท่องเที่ยว และ 5.เร่งแก้ปัญหาผลกระทบสงครามการค้า จัดตั้งทีมไทยแลนด์ยกระดับการค้าเสรีกับคู่ค้าเดิม และดำเนินการเชิงรุกเปิดตลาดใหม่เพิ่มขึ้น การดูแลผู้ประกอบการ เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากมาตรการภาษีสหรัฐฯ
ชูสันติภาพแก้ข้อพิพาทไทย-เขมร
ด้านความมั่นคง เร่งแก้ปัญหาพิพาทไทย-กัมพูชาด้วยแนวทางสันติภาพแก่ประชาชนตามชายแดนโดยเร็ว ยุติความขัดแย้งผ่านกลไกการเจรจาทางการทูตที่เหมาะสมควบคู่กับการป้องกันประเทศที่เข้มแข็ง ตลอดจนทำประชามติให้ประชาชนมีส่วนร่วมตัดสินใจในการยกเลิกบันทึกเอ็มโอยู่ไทย-กัมพูชา นอกจากนี้จะเร่งแก้ปัญหาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม สร้างความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินประชาชนควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่อย่างยั่งยืน
ปราบพนันผิดกฎหมายทุกรูปแบบ
ด้านสังคม ปราบการพนันผิดกฎหมายทุกรูปแบบอย่างจริงจัง ไม่สนับสนุนการประกอบธุรกิจพนันทุกชนิดให้เป็นธุรกิจถูกกฎหมาย ไม่สนับสนุนเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่มีธุรกิจพนัน การพนันที่แฝงมาในรูปกีฬา อาทิ โป๊กเกอร์ จะแก้ไขพ.ร.บ.การพนัน ควบคุมและลดการอนุญาตการเล่นการพนัน รวมถึงการรักษาหลักนิติธรรมอย่างเคร่งครัด การขจัดทุจริตและประพฤติมิชอบอย่างเด็ดขาด จริงจัง การพิทักษ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น
ย้ำบริหารซื่อสัตย์สุจริตยึดปย.ชาติ
รัฐบาลมีความมุ่งมั่นบริหารราชการแผ่นดิน ขับเคลื่อนนโยบาย เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ควบคู่กับการวางรากฐานประเทศนำพาประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างเต็มกำลังความสามารถด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต และมีคุณธรรม ยึดประโยชน์ประเทศเป็นที่ตั้ง สร้างความเชื่อมั่นการดำเนินนโยบายการคลังให้น่าเชื่อถือ โปร่งใส มีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลัง เน้นการบริหารงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 เป็นหลัก จะใช้จ่ายงบประมาณด้วยความรอบคอบ ในฐานะนายกรัฐมนตรีจะบริหารราชการแผ่นดินให้สามารถแก้ปัญหาประเทศ พร้อมวางรากฐานพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนในทุกมิติ เพื่อความอยู่ดี มีสุขของประชาชน
‘สุชาติ’ยันหอบก๊วนสส.ซบภท.เร็ววันนี้
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกฯและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แกนนำกลุ่ม 16 ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนของกลุ่ม16จะไปสังกัดพรรคใดว่า จริงๆชัดเจนนานแล้ว แต่ด้วยมารยาทและเพื่อนบางท่านยังสังกัดพรรคการเมืองเดิมอยู่ ที่จริงเราได้หารือกันหมดแล้ว ตนยืนยันว่าตนและทีมงานผู้ใหญ่ของพรรคภูมิใจไทยโดยเฉพาะนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและรมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทยโดยส่วนตัวรู้จักกันมาเป็น 10 ปีแล้วและจริงๆบ้านเราก็อยู่ติดกันมานาน ความผูกพันและสิ่งที่เราได้เห็นการทำงานร่วมกัน ตั้งแต่ตนได้รับโอกาส ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯขณะนั้นนายอนุทินเป็นรองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ซึ่งเราทำงานด้านโควิด-19มาด้วยกัน เรารู้ว่าท่านเป็นคนทำงานเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง และเป็นคนมีฝีมือ
สิ่งที่เราตระหนักคือเรื่องประเทศชาติบ้านเมือง และไม่มีผลประโยชน์ของตัวเอง ตนขอพูดอย่างชัดเจนว่าเร็วๆนี้ตนและทีมงานแต่ละจังหวัด จะไปสมัครพรรคภูมิใจไทยขณะนี้กำลังประสานหารือกับนายอนุทินและแกนนำของพรรคภูมิใจไทยอยู่ รอแค่วันเวลาเท่านั้น ทั้งนี้เราต้องยอมรับว่า มีระยะเวลาทำงานแค่ 4 เดือน ตนก็ต้องเร่งงานในส่วนของภารกิจ และหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายในหน้าที่ของรัฐมนตรีด้วย
เชื่อไม่ทำให้หนักใจ-ไม่ทับซ้อนพื้นที่
นายสุชาติ กล่าวอีกว่าทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าการที่เรามาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย มีความตั้งใจตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ที่ผ่านมาหากตนคนเดียวมาได้อยู่แล้ว แต่มาทั้งทีต้องมาทั้งหมดจึงต้องมีการหารือในเรื่องพื้นที่ยังไงเรามีพื้นที่ลงอยู่แล้ว ไม่ทับซ้อนอยู่แล้ว เราจะไม่ทำอะไรให้พรรคภูมิใจไทยหนักใจ และจะไม่ทำอะไรให้เพื่อนที่มาด้วยกันเสียสิทธิ์ เพื่อนที่มาทุกคนด้วยกัน ต้องได้สิทธิ์
นายสุชาติ ยอมรับว่าแน่นอน จะเข้ามาดูแลในภาคตะวันออก ดูอย่างเต็มที่ เพราะพรรคภูมิใจไทยมีแกนหลักที่ดูแลภาคตะวันตก ก็มาผสมกันทำให้ดีขึ้น เราจะไปเปิดตัวกับพรรคภูมิใจไทย เร็วๆนี้ แต่ขอคุยกับผู้ใหญ่ในเรื่องการจัดสรรลงสมัคร สส.เขตให้ลงตัวก่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี