นายกฯร่วมแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัลมหาวิทยาลัยมหิดล จงเจตน์เมธีวิชญ์ ประจำปี 2568 ยกย่องเป็นโมเดลขับเคลื่อนสาธารณสุขไทยสู่เวทีโลก พลิกโฉมระบบสุขภาพไทย ไม่ใช่แค่รักษาโรค แต่มุ่งสร้างชีวิตที่มีคุณภาพและยืนยาวกับทุกคน
วันนี้ (26 กันยายน 2568) เวลา 18.30 น. ณ ห้อง Royal Ballroom โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพมหานคร นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในงาน Health Equity and Sustainability Thailand และงานเลี้ยงแสดงความยินดีผู้ได้รับ “รางวัลมหาวิทยาลัยมหิดล จงเจตน์เมธีวิชญ์” ประจำปี 2568
นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัลมหาวิทยาลัยมหิดล จงเจตน์เมธีวิชญ์ ประจำปี 2568 ว่า วันนี้นับเป็นครั้งแรกที่รู้สึกเหมือนได้อยู่ในพื้นที่ที่คุ้นเคย เนื่องจากเป็นเพื่อนร่วมงานกันตั้งแต่ครั้งยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สิ่งที่ภาคภูมิใจอย่างยิ่งคือ การได้เห็นอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิที่เคารพนับถือได้รับรางวัลในครั้งนี้ รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ที่ล้วนมีพระคุณต่อวงการสาธารณสุขไทย ทั้งนี้ การได้เห็นบุคลากรทางการแพทย์อุทิศตนและสละทรัพย์ส่วนตัวเพื่อพัฒนางานวิจัย ถือเป็นแบบอย่างอันยิ่งใหญ่ สมกับเจตนารมณ์ของงานที่สะท้อนว่า “สุขภาพคือทุนที่ประเสริฐที่สุด” เพราะต่อให้มั่งคั่งเพียงใด แต่หากปราศจากสุขภาพที่ดี ชีวิตก็ไม่ต่างจากอยู่ในนรกบนดิน
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ตลอดช่วงวิกฤตโควิด-19 ตนได้รับแรงบันดาลใจและกำลังใจอย่างมากจากบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงอาจารย์แพทย์ที่มาร่วมสนับสนุนการทำงานของกระทรวงสาธารณสุข สะท้อนถึงความเสียสละและความทุ่มเทอย่างแท้จริง ทั้งยังได้รับฟังคำชี้แนะจากอาจารย์แพทย์ ผู้มีบทบาทสำคัญในการผลักดันนโยบายด้านสาธารณสุข อาทิ นโยบายการฟอกไตฟรี ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อพี่น้องประชาชน ยืนยันว่าจะผลักดันให้กลับมาอีกครั้ง
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งได้รับการยอมรับในระดับโลก เป็นความภาคภูมิใจที่ช่วยให้คนไทยมีสุขภาพที่ดี และเป็นแบบอย่างให้หลายประเทศศึกษาและนำไปประยุกต์ใช้ อย่างไรก็ตาม ระบบสาธารณสุขไทยจำเป็นต้องใช้งบประมาณเพื่อดูแลประชาชน ตั้งแต่เกิด แก่ เจ็บ และเสียชีวิต โดยเป้าหมายสำคัญคือการทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า ระบบสาธารณสุขไทย เป็นรากฐานที่ทำให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกมิติ ขณะเดียวกัน ทุกฝ่ายจำเป็นต้องตระหนักถึงความสำคัญของ “ความยั่งยืนด้านสุขภาพ (Health Sustainability)” การสร้างระบบให้สามารถรองรับต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก ความท้าทายจากโรคอุบัติใหม่ รวมถึงการเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างเต็มรูปแบบ
“รัฐบาลให้ความสำคัญกับการจัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนงานวิจัย นวัตกรรม และการสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพ ทั้งในภาคการศึกษาและการปฏิบัติจริง โดยมีบุคลากรผู้ทรงคุณวุฒิอย่างอาจารย์ทั้งสองท่านที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ เป็นแบบอย่างที่สะท้อนถึงคุณค่าและความสำคัญของการสนับสนุนด้านการวิจัยและพัฒนา ซึ่งจะนำไปสู่ความก้าวหน้าและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศต่อไป” นายกรัฐมนตรี ย้ำ
อนึ่ง ปี 2568 มีผู้ได้รับรางวัลจำนวน 2 รายได้แก่ 1) ประเภทนักวิจัยดีเด่น ได้แก่ นายแพทย์วิโรจน์ ตั้งเจริญเสถียร มูลนิธิเพื่อการพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ 2) ประเภทนักวิจัยรุ่นใหม่ ได้แก่ รองศาสตราจารย์ ดร.วโรดม เจริญสวรรค์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งถือเป็นหนึ่งในรางวัลนักวิจัยระดับประเทศที่ใหญ่ที่สุด และเป็นการมอบรางวัลครั้งแรก โดยยกย่องนักวิจัยคุณภาพ ผู้สร้างสรรค์ผลงานที่นำไปใช้ได้จริง มีพลังในการเปลี่ยนโลก สร้างผลกระทบเชิงบวกสู่สังคม (Real World Impact) อีกด้วย
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี