มติอัยการ8:2
ไม่ยื่นอุทธรณ์
คดี112‘แม้ว’
ส่ง‘อสส.’เคาะ
คณะกรรมการคดี ม.112 ของอัยการ มีมติ 8 ต่อ 2 ไม่ยื่นอุทธรณ์คดี“ทักษิณ”หมิ่นสถาบันฯส่ง“อัยการสูงสุด”เคาะสุดท้ายก่อน 1 ต.ค. ด้าน รองอธิบดีกรมคุกแจง“ทักษิณ”ยังไม่เข้าเงื่อนไขได้ออกไปคุมลอกท่อ ทำสาธารณประโยชน์ ย้ำต้องรอเลื่อนชั้นเป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นดี เสียก่อน โดยต้องรับโทษ 3-4 เดือนแล้ว จึงมีการปรับให้ตามพฤติกรรม
เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2568 มีรายงานข่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมการพิจารณาคดี 112 ของอัยการ มีการพิจารณาเเละมีมติไม่ยื่นอุทธรณ์คดี ที่อัยการสูงสุด (อำนาจ เจตน์เจริญรักษ์) โดยพนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 8 ยื่นฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร ในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เเละความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 กรณีเมื่อปี 2558 นายทักษิณเคยให้สัมภาษณ์สื่อทีวีประเทศเกาหลีใต้มีเนื้อหากระทบสถาบันฯ ซึ่งศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 22 ส.ค. เนื่องจากศาลมองว่า คนที่ได้รับฟังคลิปวีดีโอ ล้วนเข้าใจตรงกันว่าจำเลยให้สัมภาษณ์โจมตีการยึดอำนาจและรัฐประหาร โดยพาดพิงถึงนายสุเทพกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ และองคมนตรีเท่านั้น ไม่ได้พาดพิงหรือสื่อความหมายถึงสถาบันฯว่าอยู่เบื้องหลังการปฏิวัติรัฐประหาร การสืบพยานหลักฐานโจทก์ไม่สมกับภาระการพิสูจน์ในคดีอาญาว่าจำเลยกระทำความผิด จึงรับฟังไม่ได้
มีรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายไพรัชมีคำสั่งให้นำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณากลั่นกรองของคณะกรรมการคดี 112 ของอัยการที่มีนายอิทธิพร แก้วทิพย์ รองอัยการสูงสุด ว่าที่อัยการสูงสุด 1 ต.ค. 2568 นี้เป็นประธาน
โดยที่ประชุมมีมติ 8 ต่อ 2 เห็นควรไม่อุทธรณ์ ก่อนส่งให้นายไพรัชอัยการสูงสุด พิจารณาเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว ซึ่งนายไพรัช ยังมีเวลาพิจารณาก่อนจะพ้นวาระก่อน 1 ต.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงกรณีที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ได้รับตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มาคุมขังตามคำสั่งศาลฯ ที่ให้บังคับโทษจำคุกจำเลย 1 ปี โดยมีการส่งตัวมายังเรือนจำฯ ตั้งแต่วันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา จากนั้นทางเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ซึ่งกรมราชทัณฑ์ กำหนดให้เป็นเรือนจำศูนย์ระหว่างการพิจารณาคดี (HUB) ได้ย้ายนายทักษิณ ไปควบคุมยังเรือนจำกลางคลองเปรม เนื่องจากเป็นนักโทษเด็ดขาดกลุ่มผู้ต้องขังสูงอายุ ซึ่งปัจจุบันนายทักษิณ อยู่ระหว่างการถูกคุมขังมาแล้ว 17 วัน ว่าก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี ได้เข้าเยี่ยมนายทักษิณ บิดา โดยให้สัมภาษณ์สั้นๆ กับสื่อมวลชนที่มาเฝ้าติดตามทำข่าว เกี่ยวกับสุขภาพของนายทักษิณ ว่าสุขภาพโอเค และทาง ผบ.เรือนจำฯ บอกว่าเดี๋ยวจะให้คุณพ่อไปช่วยคุมการลอกท่อ
สำหรับกรณีการให้นายทักษิณไปช่วยคุมนักโทษที่จะไปลอกท่อ นั้น ทาง พ.ต.ท.เชน กาญจนาปัจจ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ให้สัมภาษณ์ในรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ว่าตามข่าวที่ว่านายทักษิณ ผู้ต้องขังเด็ดขาด จะได้ออกไปคุมการลอกท่อนั้นไม่เป็นความจริง แม้ครบหลักเกณฑ์ความประพฤติดี เหลือโทษน้อย แต่ยังติดเงื่อนไขเรื่องชั้นของนักโทษ เพราะเป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นกลาง ซึ่งผู้ที่จะออกไปทำสาธารณประโยชน์ได้ ต้องเป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นดี ส่วนการจะปรับเป็นนักโทษชั้นดี ยังต้องใช้เวลาพิจารณา 3-4 เดือน
“ปกติไม่ได้ออกหรอกครับ ต้องอยู่ 3-4 เดือนไปก่อน แล้วก็จะปรับเป็นชั้นดี แล้วค่อยออก การปรับเป็นชั้นดีไม่ใช่ได้ทุกคน ต้องไม่เกเร ไม่ใช่มาถึงให้ทำแล้วก็ไม่ได้ทำ ก็ไม่ได้ปรับหรอกครับ” พ.ต.ท.เชนกล่าวและว่า กรณีของนายทักษิณ ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับนายเสกสรรค์ ศุขพิมาย หรือ “เสก โลโซ” นักร้องชื่อดัง ที่ไปเล่นดนตรีปลอบขวัญในพื้นที่ชายแดน เนื่องจากเป็นการทำโครงการเพื่อประโยชน์ของประชาชน ไม่ใช่ของบุคคล และไม่ใช่ว่าจะทำโครงการใดก็ได้ เพื่อขอออกไปข้างนอก เพราะการออกไปทำสาธารณประโยชน์ มีผลต่อการลดโทษ แต่เหตุการณ์ชายแดน ไม่ใช่เรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้บ่อย จึงเป็นข้อยกเว้นให้เสนอโครงการ เพื่อให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์อนุมัติได้
พ.ต.ท.เชน กล่าวอีกว่า สำหรับหลักการสำคัญ คือออกนอกเรือนจำไม่ได้ แม้จะมีข้อยกเว้นทำโครงการ แต่ไม่ใช่ทุกกรณีที่จะยกมาเป็นเงื่อนไข ดังนั้น นายทักษิณ จึงยังไม่ได้ออกจากเรือนจำในขณะนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี