'ดร.สามารถ' ลั่น 'ถนนทรุดกลางกรุง' อย่าโทษดิน-โทษน้ำ ต้องชี้ชัด 'ใครคือคนทำผิด'

'ดร.สามารถ' ลั่น 'ถนนทรุดกลางกรุง' อย่าโทษดิน-โทษน้ำ ต้องชี้ชัด 'ใครคือคนทำผิด'

วันเสาร์ ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2568, 08.21 น.

27 ก.ย. 68 ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ - Dr.Samart Ratchapolsitte ระบุว่า "ถนนทรุดกลางกรุง อย่าโทษดิน-โทษน้ำ กรุงเทพฯ สะเทือนอีกครั้ง เมื่อถนนหน้าวชิรพยาบาลทรุดเป็น “หลุมยักษ์” กลางเมือง บริเวณไซต์ก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ สร้างความโกลาหลไปทั่ว พอได้ฟังถ้อยแถลงจากผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการนี้ ช่วงแรกรู้สึก “อบอุ่น” ช่วงต่อมารู้สึก “อบอ้าว” ขึ้นมาทันที!

ช่วงแรก... ผู้ว่าการ รฟม. รีบออกมาขออภัย และยืนยันว่าจะดูแลทุกเรื่องอย่างเต็มที่


ช่วงต่อมา... ท่านชี้แจงเหตุผลที่ทำให้ถนนทรุด “อาจเกิดจากสภาพของดินบริเวณนี้ร่วมกับน้ำที่อยู่ใต้ดิน ทำให้สภาพของดินมีการเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นลักษณะพิเศษ”

ฟังแล้วเหมือนมีฮีโร่มาช่วย น่าชื่นใจ แต่ลองฟังให้ลึก เราจะพบกับช่องโหว่สำคัญ

(1) การบอกว่า “ดินเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นลักษณะพิเศษ” ฟังแล้วไม่เข้าใจว่า “ลักษณะพิเศษ” นั้นเป็นอย่างไร? และดินบริเวณนี้มีคุณสมบัติทางเทคนิคอย่างไร? ที่สำคัญ ไม่มีข้อมูลทางเทคนิคมาแสดง ไม่มีข้อมูลเปรียบเทียบคุณสมบัติของดินก่อนและหลังถนนทรุดมาแสดง การออกมาชี้แจงโดยไม่มีข้อมูลทางวิชาการรองรับ อาจทำให้ประชาชนคนทั่วไปเข้าใจได้ว่าถนนทรุดเป็น “เหตุสุดวิสัย” ไม่มีผู้ทำผิด... ผู้ทำผิดลอยนวล ไม่ต้องรับผิดชอบ

(2) คำถามที่ตามมาก็คือ ทำไมการก่อสร้างสถานีใกล้เคียงจึงไม่มีปัญหา? ถ้าดินและน้ำในบริเวณนี้ “พิเศษ” จริง เหตุใดสถานีอื่นที่อยู่ในสภาพธรณีคล้ายกันจึงปลอดภัยดี? คำตอบนี้แหละคือสิ่งที่ประชาชนสมควรได้รับ ไม่ใช่เพียงคำพูดลอยๆ

(3) รฟม.ชี้แจงว่า “กระทรวงคมนาคม รฟม. ผู้เชี่ยวชาญจากสภาวิศวกร รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะร่วมกันตรวจเพื่อหาต้นเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง”... ผมหวังว่าจะสามารถหาสาเหตุที่แท้จริงได้ แต่หวั่นว่าจะได้ข้อสรุปว่า ดินทรุดเป็นความผิดของ “ดิน” ที่ถูกกล่าวหาว่า “เปลี่ยนพฤติกรรม”... เป็นการใช้ข้ออ้างทางธรรมชาติมาบดบังความบกพร่องทางวิศวกรรม หรือเป็น “เหตุสุดวิสัย” นั่นเอง

เพื่อช่วยผู้ที่จะมาหาสาเหตุของถนนทรุด ผมขอชี้เป้าให้ไปตรวจสอบจุดเชื่อมต่อระหว่างอุโมงค์กับสถานีว่ามีการ Sealing ดีหรือไม่? โดยปกติจะต้อง Seal ด้วยการทำ Jet Grouting (เทคนิคการปรับปรุงดินโดยการฉีดปูนซีเมนต์ผสมน้ำลงไปในดินด้วยแรงดันสูงมาก เพื่อทำให้ดินบริเวณจุดเชื่อมต่อมีความแข็งแรง สามารถกันน้ำได้ เป็นการอุดรอยต่อระหว่างอุโมงค์กับสถานี) หากไม่มีการทำ Jet Grouting ที่จุดดังกล่าว จะทำให้ดินและน้ำทะลักผ่านเข้าสู่สถานีได้ เป็นผลให้พื้นที่ใต้ดินใกล้จุดเชื่อมต่อเป็นโพรง จนทำให้ถนนทรุดเป็นหลุมยักษ์

ด้วยเหตุนี้ ผมจึงตั้งข้อสันนิษฐานว่า ที่จุดเชื่อมต่อระหว่างอุโมงค์กับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินหน้า รพ.วชิรพยาบาลไม่มีการทำ Jet Grouting ใช่หรือไม่?

สุดท้าย เรื่องนี้ไม่ควรจบแค่การขออภัย แต่ต้องชี้ให้ชัดว่า ใครคือคนที่ทำผิด... เพราะถ้าหา “คนผิด” ไม่ได้ แล้วโยนทุกอย่างให้ธรรมชาติ “ดิน-น้ำ” ซึ่งพูดไม่ได้ ความเสียหายครั้งนี้ก็จะกลายเป็นบทเรียนราคาแพงที่ไม่มีใคร “เกรงกลัว”

หมายเหตุ: ข้อสงสัยดังกล่าวข้างต้นจึงเป็นข้อกังขาที่ผมและประชาชนทุกคนชอบที่จะต้องขอคำชี้แจงให้สิ้นสงสัยจากหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง ทั้งนี้ก็เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ด้วยเจตนาที่จะให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากโครงการนี้อย่างเต็มที่ โดยปราศจากข้อสงสัยใดๆ ทั้งสิ้นเท่านั้นเอง 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top