คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย
‘อนุทิน’จัดเต็ม
แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา
แก้เศรษฐกิจ/สร้างความมั่นคง
พท.สับ‘4เดือนยุบคดี4หายนะ’
กระหึ่มรัฐสภา! นายกฯอนุทิน แถลงนโยบายรัฐบาล 29-30 กันยายนนี้ ชู 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก ย้ำคนละครึ่งมาแน่ พร้อมคืนความมั่นใจให้ประเทศ ด้าน“เพื่อไทย” ฝ่ายค้านชูแคมเปญ “4 เดือน ยุบคดี 4 หายนะ”ชำแหละเวทีแถลงนโยบายรัฐบาล หวั่น คดีฮั้วสว.-เขากระโดงอาจถูกปิดทับด้วยฟิล์มดำสนิท
เมื่อวันที่ 28 กันยายน น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี โฆษกพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เปิดเผยว่า เพจเฟซบุ๊กพรรคภูมิใจไทย ได้ลงภาพสรุปเนื้อหานโยบายรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ที่จะมีการแถลงต่อรัฐสภาและอภิปราย ในวันที่ 29-30 ก.ย.โดยนำ นโยบายด้านต่างๆ มาสรุป ให้กระชับได้ใจความ เป้าหมาย “4 เดือน 4 ภารกิจหลัก” “4 เดือนแก้ 4 ภัย คืนความมั่นใจให้ประเทศ” ทั้ง ภัยเศรษฐกิจ,ภัยความมั่นคง,ภัยธรรมชาติ,ภัยสังคม
โดยนโยบาย 4 ภารกิจคือ 1.นโยบายเศรษฐกิจ ลดค่าครองชีพ ลดรายจ่ายด้วยโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ส่งเสริมพลังงานทดแทน ลดค่าใช้จ่ายขนส่งและเดินทาง แก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ลดต้นทุนและป้องกันสินค้าลักลอบนำเข้า 2.2.นโยบายความมั่นคงและการต่างประเทศรัฐบาลจะใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน เช่น กรณีพิพาท ไทย-กัมพูชา 3.นโบายแก้ภัยพิบัติและช่วยเหลือประชาชนปรับปรุงระบบเตือนภัยและมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน เปิดเผย ตรวจสอบได้และ4.นโยบายป้องกันปัญหาสังคมและอาชญากรรม ปราบปรามยาเสพติด การพนันออนไลน์ และเครือข่ายสแกมเมอร์อย่างจริงจัง เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ต้องไม่มีกาสิโน
ขยายผล4นโยบาย4เดือน
โฆษกพรรคภูมิใจไทย ยังให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึง 4 นโยบาย ที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย จะแถลงต่อรัฐสภา ว่า พรรคภูมิใจไทยได้ออกแคมเปญ 4 นโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลักของรัฐบาลอนุทิน จะเดินหน้าในรูปแบบไหนอย่างไร 4 ภารกิจหลักที่นายกฯ เคยให้สัมภาษณ์ คือ เศรษฐกิจ ความมั่นคงของประเทศ ภัยพิบัติ และภัยสังคม
เมื่อถามว่า 4 นโยบายนี้ มีอะไรที่ต้องผลักดันอย่างเร่งด่วนหรือไม่ น.ส.แนน บุณย์ธิดา กล่าวว่า 4 ภารกิจหลัก เป็นเรื่องเร่งด่วนทั้งสิ้น แต่สิ่งที่ประชาชนจับตามากที่สุดคือเรื่องของภัยเศรษฐกิจกับภัยความมั่นคง โดยภัยเศรษฐกิจมีข้อเรียกร้องและข้อเสนอแนะจากบุคลากรของพรรคภูมิใจไทย รัฐมนตรี และผู้ที่เกี่ยวข้อง ที่น่าจะทำหลังจากนายกฯ ได้แถลงคือ โครงการคนละครึ่ง แต่โครงการของนายกฯ เป็นคนละครึ่งพลัส มีเนื้อหาใกล้เคียงกับที่เคยเปรยไว้ แต่เนื้อหารายละเอียดหลักและหลักเกณฑ์ทั้งหมด ขอให้นายกฯ แถลงนโยบายเสร็จเรียบร้อย และรอให้กระทรวงการคลังได้ประชุมกันว่าสุดท้ายแล้วเกณฑ์หลักๆ ตรงตาม 100% มีอย่างไรบ้าง ส่วนภัยความมั่นคง นายกฯ เน้นย้ำตั้งแต่สมัยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย การรักษาอธิปไตยของชาติและผลประโยชน์ของคนไทยต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก สิ่งที่เห็นชัดที่สุดที่นายกฯ พูดทุกครั้ง ปัญหาข้อพิพาทตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ยังอยู่ในช่วงของกฎอัยการศึก นายกฯ ต้องให้ฝ่ายความมั่นคงเป็นผู้ดูแลและตัดสินใจ เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของประเทศ
ไม่ต้องใช้องครักษ์พิทักหนู
เมื่อถามว่า นายกฯ บอกเองว่าจะเป็นผู้แถลงทั้งหมด ทางพรรคภูมิใจไทยมีการจัดตั้งองครักษ์พิทักษ์นายกฯ หรือไม่เหมือนทางฝ่ายค้านก็พยายามที่จะเขย่าให้มากที่สุด น.ส.แนน บุณย์ธิดา กล่าวว่า คงไม่ใช่เรื่องของการเป็นองครักษ์พิทักษ์นายกฯ เพราะที่บอกไว้ว่าการแถลงนโยบายเป็นเรื่องของสมาชิกรัฐสภาที่จะออกความเห็น ทุกอย่างอยู่ในกรอบตามวาระแถลงนโยบาย ส่วนที่จะเรียกว่าองครักษ์พิทักษ์นายกฯ ก็คงไม่ใช่ เราต้องดูเนื้อหาและข้อบังคับของการประชุมมากกว่า
ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงความพร้อมในการแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อรัฐสภา ในวันที่ 29 - 30 ก.ย.ว่า เรื่องร่างนโยบายรัฐบาล ตนได้ศึกษาแล้ว ในวันที่ 29 ก.ย.ตามรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรีต้องลุกขึ้นอ่านนโยบายเพื่อให้ที่ประชุมสภารับทราบ
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่กับระยะเวลาที่มีจำกัด นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องการทำงานนั้นตนไม่ใช่เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ เราทำต่อเนื่องมา 6 ปีแล้ว เว้นแต่ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมานี่เอง ที่มีพักร้อนไป ฉะนั้น ในสิ่งที่ทำค้างอยู่ ในช่วง 2 เดือน ยังไม่ถึงขั้นต้องยกเลิก สิ่งที่เราอยากทำอะไรก็สานต่อนโยบายใหม่ ๆ ในฐานะที่ตนมาเป็นนายกฯ สามารถมีนโยบายช่วยเหลือประชาชนในการกระตุ้นเศรษฐกิจได้เพิ่มมากขึ้น
‘ปชน.’จัดขุนพลพูด20คน
น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวว่าการแถลงนโยบายของรัฐบาลหนนี้ ปชน.จัด สส.ไว้คร่าวๆ ประมาณ 20คนเพื่ออภิปราย เพื่อให้ครอบคลุมทุกเรื่อง ทั้งนโยบายเร่งด่วนเฉพาะหน้า รวมถึงคุณสมบัติของรัฐมนตรีที่เรามองว่ามีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ ทั้งที่มีคดีอยู่ในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.), กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งตัวเองรัฐมนตรีก็น่าจะทราบอยู่แล้วแต่ยังคงแสวงหาอำนาจเดินหน้าทำหน้าที่ฝ่ายบริหารต่อ เราจึงต้องป้องปรามไม่ให้รัฐมนตรีเหล่านี้ไปกำกับดูแลแทรกแซงหน่วยงานระดับกรมภายใต้กระทรวงของตัวเอง เพื่อไม่ให้เกิดความสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดการทุจริตคอรัปชั่น จึงต้องใช้การอภิปรายในการดักคอเพื่อไม่ให้เหตุการณ์เกิดขึ้น ส่วนมีรัฐมนตรีคนใดบ้างต้องขออุบไว้ก่อน แต่มีค่อนข้างเยอะเราไม่ได้เน้นใครเป็นพิเศษว่ากันไปตามประเด็น แต่ต้องยอมรับว่าหน้าตาของรัฐมนตรีก็ไม่ได้แตกต่างจากรัฐบาลชุดก่อนๆ สักเท่าไหร่ ทั้งนี้พรรคประชาชนได้เวลาอภิปรายค่อนข้างน้อย เพราะต้องแบ่งเวลากับพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีจำนวน ส.ส.ใกล้เคียงกัน
‘ทสท.’เชื่อทำจริงจังแก้ได้ใน4เดือน
นายปริเยศ อังกูรกิตติ โฆษกพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) กล่าวถึงการเตรียมการอภิปรายในการแถลงนโยบายรัฐบาลครั้งนี้ว่า พรรคจะใช้การสื่อสารที่เรียบง่าย ตรงไปตรงมา และเข้าใจง่าย โดยจะหยิบยกทุกปัญหาที่เกิดขึ้นตลอดช่วงเวลากว่าสองปีที่ผ่านมา มาประกอบกับถ้อยแถลงนโยบายของรัฐบาล เพื่อให้เห็นถึงความเป็นจริงและความเป็นไปได้ในการแก้ปัญหา พรรคไทยสร้างไทยจะให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาหนี้สินและคุณภาพชีวิตของเกษตรกร รวมถึงปัญหาโครงสร้างสำคัญอย่างการศึกษา ย้ำว่าพรรคมีเป้าหมายในการกดดันให้รัฐบาลทำตามทุกคำพูดที่เคยให้ไว้กับประชาชน โดยเชื่อว่าทุกปัญหาที่ถูกหยิบยกขึ้นมา สามารถแก้ไขได้ภายใน 4 เดือน หากรัฐบาลมีความตั้งใจจริง และไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ทางการเมืองเพียงอย่างเดียว ขอเชิญชวนประชาชนติดตามการสื่อสารและข้อเสนอแนะผ่านช่องทางของพรรคไทยสร้างไทย ซึ่งจะทำหน้าที่ติดตาม ตรวจสอบ และผลักดันให้รัฐบาลทำงานอย่างเข้มข้น พร้อมทั้งนำเสนอแนวคิดและวิธีแก้ไขปัญหาของประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจปากท้อง ปัญหาเกษตรกร และการจัดการปัญหาคอร์รัปชันทาง
พท.ชู4เดือนยุบคดี4หายนะ
นายดนุพร ปุณณกันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่าการอภิปรายนโยบายรัฐบาลหนนี้ า พรรค พท.ในฐานะฝ่ายค้านอิสระ จะต้อนรับรัฐบาลใหม่อย่างไม่มีการออมมือ ภายใต้แคมเปญ 4 เดือนยุบคดี กับ 4 หายนะ เนื่องจากพรรค พท. เห็นชัดเจนว่า การตั้งรัฐบาลครั้งนี้แม้จะเป็นรัฐบาลเฉพาะกิจเพียงแค่ 4 เดือน แต่กลับมีภารกิจแอบแฝงอย่างมีนัยสำคัญ สิ่งเหล่านี้จะนำมาซึ่งหายนะ 4 ด้าน ได้แก่ หายนะที่ 1 การขาดโอกาส คือการทำให้ประเทศหยุดชะงัก นโยบายโครงการต่างๆ ที่เป็นวางรากฐานการลดค่าครองชีพ และเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน ซึ่งไม่ใช่เพียงนโยบายลดแลกแจกแถม ถูกรัฐบาลใหม่ปัดตกทั้งหมด เพียงเพราะเป็นนโยบายที่รัฐบาล พท.เป็นคนคิด และปูทางไว้
นายดนุพร กล่าวต่อว่า หายนะที่ 2 การขาดคนมีฝีมือ เห็นได้ชัดเจนรัฐบาลนี้ คือรัฐบาลนอมินีบุรีรัมย์ ที่มีรัฐมนตรีปราสาทสายฟ้าคอนเนกชัน ถูกวางตัวให้ทำภารกิจสำคัญจำนวนมาก แม้ในคำแถลงนโยบายจะปรากฏข้อความว่า รัฐบาลจะรักษาหลักนิติธรรมอย่างเคร่งครัด จะขจัดทุจริตและประพฤติมิชอบอย่างเด็ดขาด หรือทำสงครามกับการพนันออนไลน์ ภัยไซเบอร์ และข่าวปลอม สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ดี และต้องการคนมีฝีมือเข้าไปทำงาน แต่นายกรัฐมนตรีกลับเลือกคนที่เชื่อมือ และคนใกล้ชิดเข้าไปทำงานแทน
ขุดเขากระโดงฮั้วสว.
นายดนุพร กล่าวด้วยว่า หายนะที่ 3 การขาดความโปร่งใส เมื่อการจัดวางตำแหน่งแห่งที่ของรัฐมนตรีสำคัญๆ ที่มีบทบาทอำนาจหน้าที่ซึ่งเกี่ยวข้องกับสองคดีใหญ่ คือ คดีการบุกรุกที่ดินเขากระโดง และคดีฮั้ว สว. มาจากค่ายบ้านใหญ่สีน้ำเงินแล้ว ความโปร่งใสที่ควรจะเป็น อาจถูกปิดทับด้วยฟิล์มสีดำสนิท และความโปร่งใสไม่อาจเกิดขึ้นได้ เมื่อผู้บังคับกฎเกณฑ์มีเจ้านายที่ไม่ใช่ประชาชน แต่เป็นนายใหญ่บุรีรัมย์ และหายนะที่ 4 คือ การขาดอนาคตประชาธิปไตย เดิมทีศัตรูคู่ตรงข้ามกับประชาธิปไตยมักแฝงตัวอยู่ในเงามืด และขับเคลื่อนการเมืองอยู่หลังฉาก แต่วันนี้กลับเริ่มปรากฎตัวให้เห็นอย่างเด่นชัดผ่านสถาบันทางการเมืองต่างๆ แบ่งอำนาจและกระจายตัวอยู่ในที่ต่างๆ แต่มีสัญลักษณ์ร่วมกันคือสีน้ำเงิน พวกเขาได้รับการชุบชีวิตจากตั๋วช้างสีส้ม แม้จะมีการอ้างว่า ทำไปด้วยเจตนาที่ดีต่อประเทศชาติ แต่ปลายทางที่รัฐบาลสีน้ำเงินกำลังเดินไป โดยมีพลพรรคสีส้มเป็นผู้ให้กำเนิดนี้ อาจจะนำไปสู่หายนะที่ไม่มีวันย้อนกลับ
นายดนุพร กล่าวด้วยว่า นี่จะเป็น4เดือนยุบสภา หรือจะเป็น 4 เดือนยุบคดี เป็น 4 นโยบายรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี หรือจะเป็น 4 ข้อหายนะ นี่เป็นเพียงการเกริ่นเรื่อง เพื่อให้เห็นทิศทางการทำงานในฐานะฝ่ายค้านของพรรค พท. เพียงคร่าวๆ เท่านั้น เนื้อหาชุดใหญ่ พรรค พท.พร้อมจัดเต็มโดยไม่ออมมือ ไม่ต้องคอยค้ำยันให้รัฐบาล และเราจะใช้เวลา 6 ชั่วโมงอย่างคุ้มค่า เพื่อชี้ให้เห็นปัญหา ผลกระทบ และหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้นจากรัฐบาลชุดนี้
แถลงแล้วจะแก้รธน.เมื่อไหร่
นายสมคิด เชื้อคง อดีตส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) และอดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการยื่นร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่พรรค พท. พรรคภูมิใจไทย (ภท.) และพรรคประชาชน (ปชน.) ว่า การพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ น่าจะเกิดขึ้นประมาณกลางเดือนตุลาคม ก่อนปิดสมัยประชุมสภาฯ หากพรรคภท. จริงใจที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญก็สามารถทำได้ คือการผ่านวาระหนึ่ง พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) เพื่อมาพิจารณาในประเด็นที่จะตั้งคำถามประชามติ เมื่อเปิดสมัยประชุมเดือนธันวาคม ก็สามารถเดินหน้าพิจารณาในวาระที่ 2 และวาระที่ 3 ได้ทันที
“หลังการแถลงนโยบายรัฐบาลต้องชัดเจนว่า มีการประชุมร่วมรัฐสภาเมื่อไหร่ เพระหากดึงเกมช้า ก็ชัดเจนว่าพรรคภูมิใจไทย ไม่จริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนที่อ้างว่าสามารถร่างรัฐธรรมนูญใหม่เสร็จภายใน 1 ปีนั้น ด้วยอายุรัฐบาลและขั้นตอนในการดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้น อย่างไรก็ไม่ทันกับอายุรัฐบาล 120 วัน เว้นแต่พรรคภูมิใจไทยจะนำประเด็นนี้มาอ้างในการอยู่ยาวเกินกว่าที่ประกาศไว้เช่นนั้นหรือ” นายสมคิด กล่าว
แฉ‘ซื้อตัว-ตกเขียว’นักเลือกตั้ง
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “เทพไท – คุยการเมือง” เรื่อง “ยังเป็นส.ส.พรรคเดิม แต่เปิดตัวกับพรรคอื่น” ระบุว่า ยังเป็น สส.พรรคเดิม แต่เปิดตัวกับพรรคอื่น แม้ว่าระยะเวลาที่จะเลือกตั้ง ซึ่งจะเกิดขึ้นในระยะเวลาไม่เกิน 4 เดือน ตามที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศยืนยันว่าจะปฏิบัติตาม MOA ที่ให้ไว้กับพรรคประชาชนอย่างเคร่งครัด จะไม่มีการเป็นรัฐบาลต่อไปเกิน 121 วันอย่างแน่นอน ดังนั้นอายุของรัฐบาลชุดนี้จะไม่เกิน 120 วัน หรืออยู่ในห้วงเวลาไม่เกิน 4เดือน จึงเห็นนักการเมือง นักเลือกตั้ง พรรคการเมือง มีความเคลื่อนไหวทางการเมืองกันอย่างคึกคัก นักการเมืองบางคน ละทิ้งหน้าที่ในการเป็นตัวแทนของประชาชน ไปเคลื่อนไหวหาทางสังกัดพรรคการเมืองใหม่ เป็นพรรคการเมืองที่มีกระแสบ้าง หรือมีกระสุนบ้าง ก็แล้วแต่แนวทางของนักการเมือง หรือนักเลือกตั้งแต่ละคน
แต่ที่เห็นอยู่ในขณะนี้นักการเมืองที่เป็น สส.อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งมีค่างวด มีค่าตัวสูงกว่า สส.สอบตก จึงทำให้มีกระแสดูด กระแสการซื้อตัว สส. มีข้อตกลงกันไว้ล่วงหน้า จนมีบางคนยอมเปิดตัวกับพรรคการเมืองที่จะสังกัดการเลือกตั้งครั้งหน้า ทั้งที่พรรคการเมืองเดิมก็ยังสังกัดอยู่ ซึ่งถือว่าเป็นการเสียมารยาทไม่มีสปิริต และไม่รู้จักเกรงใจประชาชนผู้เลือกตั้งเข้ามา เพราะการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาปี 2566 ประชาชนเขาเลือกตั้งมาในนามพรรคการเมืองเดิม แต่ยังไม่ทันยุบสภา ก็กลับกลายไปสังกัดพรรคการเมืองใหม่อย่างหน้าตาเฉยอย่างนี้ไม่ต่างอะไรกับคู่สามีภรรยา ที่ยังไม่เลิกรากัน ยังไม่จดทะเบียนหย่าร้างกัน แต่ว่าอีกฝ่ายหนึ่งก็ไปควงคนรักใหม่อย่างเปิดเผย เยาะเย้ยคนรักเก่าด้วยซ้ำไป
นักการเมืองยุคนี้มักมีพฤติกรรมเช่นนี้ และดูเหมือนสังคมจะไม่วิพากษ์วิจารณ์หรือดำเนินการใดๆ กลับมองเห็นว่าเป็นเรื่องปกติ เพิกเฉยต่อพฤติกรรมของนักการเมืองที่ตระบัดสัตย์ ไม่รักษาคำพูด หรือมักง่าย ทำให้นักการเมืองเหล่านี้ย่ามใจ ไม่แคร์ความรู้สึกของประชาชน พยายามทำทุกวิถีทาง หาทางสังกัดพรรคการเมืองที่มีเงินทุนมากๆ ได้เงินไปก็ไปซื้อประชาชน และประชาชนจะต้องยอมรับชะตากรรม เพราะนักการเมืองเหล่านี้ ถือว่าสิทธิ์ความผูกพันมันขาดไปตั้งแต่จ่ายเงิน และลงคะแนนในคูหาเลือกตั้ง
จึงอยากให้ประชาชนคนคนไทยทุกคน ได้ตระหนักในการเลือกตั้งครั้งต่อไป เลือกนักการเมืองด้วยอุดมการณ์ ด้วยนโยบาย อย่าเลือกโดยอามิสสินจ้าง ถ้าประชาชนไม่เปลี่ยนพฤติกรรมการเลือกตั้ง และนักเลือกตั้งไม่เปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อเสียง ประชาธิปไตยของไทยเรา ก็จะไปไม่รอด จึงฝากอนาคตของประเทศไว้กับคนไทยทุกคน
รอฟังเพื่อไทยชำแหละ
เย็นวันเดียวกัน น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการตั้ง ยุทธศาสตร์การอภิปรายของพรรคเพื่อไทยว่า “4เดือนยุบคดี4หายนะ” และการอภิปรายของพรรคประชาชนที่ทวงถามถึงไทม์ไลน์การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตามMOA โดยกล่าวย้ำตามการให้สัมภาษณ์ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่พูดมาตลอด ว่านับแต่การแถลงนโยบายใน4 เดือน จะยุบสภาซึ่งตรงกับช่วงปลายเดือนมกราคม 2569 ส่วนการอภิปรายการแถลงนโยบายของรัฐบาลนั้น แต่ละพรรคการเมืองก็จะต้องเตรียมบุคคลที่มาอภิปราย ส่วนเนื้อหาจะต้องพิจารณาว่าเป็นวาทกรรมหรือจะเป็นข้อมูลที่ชัดเจน และชี้ว่าวันที่ 29-30 กันยายนนี้เป็นวันแถลงนโยบาย
“เพราะฉะนั้นการแถลงนโยบายควรอยู่ในขอบเขตเนื้อหาว่านายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภาอย่างไร ทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ที่เป็นสมาชิกรัฐสภาทั้งหมดมีความเห็นต่อนโยบายอย่างไร ส่วนเนื้อหาอื่นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการแถลงนโยบายต้องมองว่าเข้ากับวาระการประชุมสภาหรือไม่ หรือให้รออีกนิดนึงที่ฝ่ายค้านบอกว่าจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ” น.ส.แนน บุณย์ธิดา กล่าว
โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านจะหยิบเรื่องคดีที่ดินเขากระโดง และคดีฮั้ว สว. รวมถึงคุณสมบัติรัฐมนตรีมาอภิปรายว่า จะต้องดูที่เนื้อหาว่าจะมีการอภิปรายอย่างไร แต่มั่นใจว่าในทุกการอภิปรายแถลงนโยบายรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องตอบได้ทุกคำถาม
“หนู”ยันต้องทำงานให้หนัก
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีผลสำรวจโพลหลายสำนักคาดหวังรัฐบาลใหม่และตัวนายกฯ ก็มีคะแนนความนิยมเพิ่มมากขึ้น ตรงนี้จะเป็นความหวังให้ประชาชนมากน้อยแค่ไหนว่า เราต้องไม่ไปหลงใหลได้ปลื้มกับโพลความนิยม แต่ว่าดีใจไหมก็ดีใจ เป็นเครื่องเตือนสติว่ามีความคาดหวังเกิดขึ้นจากประชาชน การที่ประชาชนให้ความคาดหวังและให้กำลังใจโดยความเชื่อมั่นเป็นน้ำทิพย์ชโลมจิตใจ แต่เราก็ต้องทำงานหนักตอบแทน เพื่อไม่ให้น้ำทิพย์กลายเป็นยาพิษ
เมื่อถามว่า จะเป็นแรงกดดันหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ทำงานก็ต้องมีแรงกดดันเป็นธรรมดา แต่เราต้องไม่ท้อถอย ต้องทุ่มเท เมื่อถามว่า 4 เดือนนี้จะเห็นผลจากนโยบายที่แถลงแน่นอนใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า สไตล์การทำงานของพรรคภูมิใจไทย ตนจะมีคำว่า ทำได้เร็ว ทำได้เลย ยิ่งช่วงเวลาที่ไม่ยาวนัก มันก็จะเข้ารูปแบบการทำงานของพรรคภูมิใจไทย เราอาจจะผ่านมาในช่วงที่ประเทศต้องการผลแบบควิกวินมาโดยตลอด ฉะนั้นเรามีความคล่องตัวในการทำงาน และถนัดในการทำงานควิกวิน ก็หวังว่าการวางแผนในระยะยาว ในขณะเดียวกันก็จะวางรากฐานให้รัฐบาลชุดต่อไปหลังการเลือกตั้งเข้ามาสานต่อ
เดินหน้าทำงานทันที
ผู้สื่อข่าวถามว่า อะไรที่เราจะเห็นได้ทันทีกับนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา นายอนุทิน กล่าวว่า ก็ทำทันที เมื่อถามว่า อย่างเรื่องความมั่นคง เศรษฐกิจ นายกฯกล่าวว่า ก็เห็นแล้วใช่หรือไม่ อย่างที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว. ต่างประเทศ ที่ไปกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมใหญ่สมัชชาสหประชาชาติ สมัยที่ 80 เชื่อว่าเราได้ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนว่าจุดยืนรัฐบาลนี้เป็นเช่นไร นายสีหศักดิ์ นำแนวทางและนโยบายของรัฐบาลที่ได้หารือเป็นที่เรียบร้อยก่อนไปว่าเราจะแสดงจุดยืนอย่างไร ซึ่งนายสีหศักดิ์ก็ทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แบบ เป็นความภาคภูมิใจ คนที่ตั้งท่านขึ้นมาก็ภาคภูมิใจว่าบุคคลที่เรามอบให้มาทำงานมีความเชี่ยวชาญในด้านที่ท่านถนัด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี