‘จุรินทร์’กระซวก ครม.กระดำกระด่าง กล้าเสี่ยงตั้งรมต.มีตำหนิ

‘จุรินทร์’กระซวก ครม.กระดำกระด่าง กล้าเสี่ยงตั้งรมต.มีตำหนิ

วันจันทร์ ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2568, 12.47 น.

เลือกเดินทางนี้ด้วยความจริงใจ! "จุรินทร์"ติงรบ.ไม่ควรตัดพ้อข้อกำกัด"เสียงข้างน้อย-เป็ดง่อย" ชี้"นายกฯ"เป็นนักธุรกิจบวกลบคูณหารคงคิดว่าคุ้มแล้ว-มีแต้มต่อหลายประการ บริหารราชการแผ่นดินปุ๊บมีเงินมากองไว้ปั๊บ เปรียบเป็น"หนูตกถังข้าวสาร" ชำแหละนโยบาย 6 ประเด็น ถามด้านความมั่นคง เขตแดนถูกยึดครอง-บ่อนเขมรรุกเขตแดนไทย จะยึดคืนกี่โมง ฝาก 5 คาถา อย่าเล่นพรรคพวก-อย่าเลือกปฏิบัติ-อย่าลุแก่อำนาจ-ห้ามแซกแทรงกระบวนการยุติธรรม-ยึดคำถวายสัตย์

เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาเรื่องด่วนคณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ โดย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อภิปรายนโยบายรัฐบาล ว่า ขอแสดงความยินดีกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ถือเป็นนโยบายควิกวิน นโยบายแรกที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่ยังไม่แถลงนโยบาย และขอแสดงความยินดีคณะรัฐมนตรีทุกท่านที่ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี


ทั้งนี้ ตนและพรรคประชาธิปัตย์ ขอทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งพวกเราจะไม่ค้านทุกเรื่อง และว่าไปตามเนื้อผ้าไม่มีอคติไม่มีบุญคุณความแค้นใดๆ และพร้อมทำหน้าที่ร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้านทุกพรรค เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบนโยบายและการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลแทนประชาชน หากดูนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ มีทั้งหมด 7 หน้า 5 หมวด ในภาพรวมต้องยอมรับว่ามีการเขียนกว้างไว้เป็นมหาสมุทร แทนที่จะเฉพาะเจาะจงลงไปเนื่องจากเป็นรัฐบาลเฉพาะกิจ เหมือนที่นายกรัฐมนตรีได้ยอมรับ ซึ่งเข้าใจได้ว่าเป็นการวางรากฐานไว้เพื่ออนาคต ทั้งนี้สิ่งที่ตนสะดุดเป็นพิเศษคือนโยบายหาเสียงก่อนการเลือกตั้งที่ผ่านมา ล่องหนหายตัวและไม่มีปรากฏอยู่ในนโยบายของรัฐบาลชุดนี้หลายนโยบาย ซึ่งตนขอตั้งคำถามและข้อเสนอแนะที่คิดว่าเป็นประโยชน์ในภาพรวม

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ประเด็นแรกคำตัดพ้อของรัฐบาลที่ปรากฏชัดเจนในหน้าที่ 2 ระบุว่ารัฐบาลชุดนี้มีข้อจำกัด 3 ข้อ คือ เวลาจำกัด ไม่ได้จัดทำงบประมาณด้วย และเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย หรือรัฐบาลเป็ดง่อย ซึ่งเกิดขึ้นเพราะการเมืองภาคพิสดาร และรัฐบาลจะโทษใครไม่ได้ เพราะเป็นคนเลือกเอง และเลือกทางเดินนี้ด้วยความเต็มใจ นายกรัฐมนตรีเป็นนักธุรกิจคงบวกลบคูณหารคิดแต่ว่าคุ้ม เนื่องจากว่ากลุ่มที่จะแลกตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และแกนนำจัดตั้งรัฐบาลกับข้อจำกัด 3 ข้อที่กล่าวมาข้างต้น ประการที่สองคุ้มที่จะเป็นรัฐบาลต่างตอบแทน ฝ่ายหนึ่งได้เป็น คือได้เป็นนายกรัฐมนตรีและได้จัดตั้งรัฐบาล และอีกฝ่ายยุบสภาและแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากบอกว่าเวลาเป็นข้อจำกัดก็อาจใช่ แต่หากบอกว่าไม่ถึงกับใช่ ก็สามารถพูดได้ เพราะเรารัฐบาลชุดนี้ไม่ได้อยู่แค่ 4 เดือน แต่อาจจะอยู่ถึง 8 - 9 เดือน ซึ่งตนมองว่ารัฐบาลชุดนี้มีแต้มต่อมากกว่าข้อจำกัด คือ การที่มีผู้มาลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรีโดยไม่ขอรับตำแหน่งรัฐมนตรี ทำให้นายกฯ กลายเป็นหนูตกถังข้าวสาร เพราะมีเก้าอี้รัฐมนตรีให้แบ่งปันกันเหลือเฟือที่สุดยุคหนึ่งในระบบรัฐสภา / รัฐบาลชุดนี้บริหารราชการแผ่นดินปุ๊บ มีเงินมากองไว้ปั๊บไม่ต้องออกแรง เพราะมีงบเหลือจ่ายปี 2568 อยู่อีกประมาณ 60,000 ล้านบาท และงบประมาณปี 2569 รอใช้เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 จำนวน 3.78 ล้านล้านบาท เฉพาะงบฉุกเฉินที่เป็นอำนาจนายกรัฐมนตรีอย่างเดียว 98,000 ล้านบาท ซึ่งตนบอกว่าเป็นแต้มต่อไม่ใช่ข้อจำกัด / มีนโยบายสำเร็จรูปเตรียมไว้ให้แล้วโดยผู้มีอำนาจเหนือรัฐธรรมนูญ หรือ MOA ที่คิดไว้แล้ว 5 ข้อว่าต้องทำอะไรบ้าง สำหรับรัฐบาลชุดนี้และสามารถนำไปปฏิบัติในทันที / เหลือคิดเองเพียงแค่ 3 เรื่อง คือ นโยบายที่จะนำมาแถลงข่าวรัฐสภาวันนี้ การจัดคณะรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้บริหารนโยบาย ใช้นโยบายและกำหนดนโยบายที่แถลงวันนี้ และการทำนโยบายที่แถลงนี้ให้ประสบความสำเร็จ

ส่วน MOA ที่ประชาชนบ่นน้อยใจว่าไม่ได้มีปัญหาของประชาชนในสมการ เข้าใจได้เพราะอาจแย่งชิงตำแหน่งกันนายกรัฐมนตรีอาจหลงลืมว่าตกหล่นหรือไม่ สำหรับปัญหาประชาชน แต่สุดท้ายเมื่อยอมรับก็ไม่เป็นไรเพราะ MOA เป็นข้อตกลงระหว่างพรรคประชาชน แต่ไม่มีผลผูกพันรัฐสภา หากไม่นำนำมาบรรจุไว้ในนโยบายที่แถลงวันนี้ ซึ่งการจัดคณะรัฐมนตรีเป็นหัวใจสำคัญ และเกี่ยวข้องโดยตรงกับนโยบาย เพราะเป็นผู้กำหนดนโยบายและใช้นโยบาย ซึ่งคณะรัฐมนตรีชุดนี้ประกอบด้วยสองส่วน คือคนใน เข้าใจได้เพราะเคยเป็นรัฐบาลและฝ่ายค้าน เข้าใจโตวต้ากลุ่มพรรคการเมือง แต่สิ่งหนึ่งที่ขอชมว่านายแน่มาก คือการกล้าตั้งรัฐมนตรีที่แม้แต่รัฐบาลชุดที่แล้วไม่กล้าตั้ง เพราะไม่ไม่อยากเสี่ยงเดินตามรอยนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี และเมื่อตั้งแล้วต้องรับรับผิดชอบและขอให้คณะรัฐมนตรีชุดนี้ปฏิบัติภารกิจให้ดีที่สุด และคนนอก

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ส่วนนี้ขอชมด้วยความจริงใจ หลายตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจัดได้ดี และถูกฝาทุกตัว แต่น่าเสียดายที่มีบางตำแหน่งเป็นตำแหน่งชักใบให้เรือเสีย และทำให้คณะรัฐมนตรีชุดนี้กระดำกระด่างไป ซึ่งตนเชื่อว่านายกรัฐมนตรีรู้อยู่แกใจ ดูได้จากจัดตำแหน่งรัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีชุดนี้ มีการนำคนนอกเปิดตัวด้วยตนเองเกือบทุกคน แต่บางตำแหน่งกลับไม่กล้าเอาออกมาเปิดตัว และทำลับๆ ล่อๆ และสุดท้ายหวยล็อกก็ออกมา

นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า สำหรับนโยบาย 7 หน้า 5 หมวด ตนขอพูด 6 ประเด็น คือ 1.การตั้งโจทย์ประเทศ ในภาวะ 4 ภัยเศรษฐกิจ ความมั่นคงสังคม และภัยพิบัติธรรมชาติ แต่รัฐบาลตั้งโจทย์ไม่ครบ ซึ่งต้องมีภัยที่ 5 ที่เป็นต้นตอของภัย คือ ภัยจากการทุจริตคอรัปชั่น 2.การแก้ไขรัฐธรรมนูญและทำประชามติ เชื่อว่านายกฯ ได้ยินนโยบายนี้ เพราะมีหลายคนบ่นว่าไม่ควรไม่ใช่ และมาผิดที่ผิดเวลา เพราะอยากเห็นการแก้ปัญหาปากท้องมากกว่าแก้รัฐธรรมนูญ  แต่เมื่อรัฐบาลเลือกตำแหน่งรัฐมนตรีกับการแก้รัฐธรรมนูญแล้ว ก็ต้องรับผิดชอบ และตนว่าแก้รัฐธรรมนูญสามารถควบคู่กับการแก้ปัญหาอื่นๆ ได้ แต่ตนมีคำถามคือ นายกฯ ยืนยันว่าศาลแก่รัฐธรรมนูญทั้งฉบับต้องไม่แตะหมวด 1 - 2 ซึ่งหากมีร่างรัฐธรรมนูญฉบับใดเสนอเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา และไม่กำหนดเงื่อนไขว่าไม่แตะหมวดดังกล่าวรัฐบาลชุดนี้จะยกมือให้หรือไม่ และอีกประกาศ รัฐธรรมนูญมาตรา 60 (4) (5) เรื่องคุณสมบัติผู้มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่ของรัฐระดับสูงศาล องค์กรอิสระ ต้องมีคุณสมบัติระบุไว้ชัดเจน มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และไม่มีพฤติกรรมฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง จึงเป็นหัวใจสำคัญของรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง ซึ่งจะถือเป็นอุปสรรคกับคนโกงและคนเคยโกง ดังนั้นถ้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไปแก้ข้อนี้และถอยหลังเข้าคลอง นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลจะสนับสนุนต่อไปหรือไม่ เพื่อให้แก้ไขและเลวลง

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า 3.ปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา รัฐบาลจะรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยและเขตแดนที่เป็นของคนไทยชอบธรรมตามเส้นเขตแดนที่เป็นสากล ถึงวันนี้เชื่อว่าคนไทยได้พิสูจน์แล้วถึงความรักชาติรักแผ่นดินร่วมกัน และคนไทยได้รู้เช่นเห็นชาติเขมรแล้วว่าเป็นอย่างไร สิ่งที่รัฐบาลกำลังเดินอยู่ขณะนี้คือใช้นโยบายการทหาร เศรษฐกิจ การทูตควบคู่กันไป ซึ่งการทหารเชื่อว่าทุกคนชื่นชมให้กำลังใจกองทัพและผู้เสียสละในแนวหน้าทุกคนไม่มีข้อยกเว้นแม้แต่เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน และเศรษฐกิจเชื่อว่าทุกคนเห็นด้วยกับการปิดด่านจนกว่าเขมรจะหมดการเป็นภัยต่อความมั่นคง และการทูตขอชื่นชมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ทำดีอย่างยิ่ง และนายกฯ พลอยได้หน้าไปด้วย แต่คำถามคือ การเขียนว่าพื้นที่ของเราตามเขตสากลที่ถูกครอบครองจะยึดคืนมาให้หมดใช่หรือไม่ เพราะไม่ใช่แค่การจะรักษาไว้ อะไรที่สูญเสียไปรัฐบาลมีนโยบายที่จะเอาคืนด้วยใช่หรือไม่ เพื่อเอากลับมาเป็นของไทยหากอยู่ในเขตแดนที่เป็นสากลและเป็นที่ยอมรับ ซึ่งตนจะไม่ถามว่ามีกี่จุดเพราะไม่ถูกกาลเทศะและไม่ใช่เรื่องที่จะถามตรงนี้ แต่จะถามว่านายกรัฐมนตรีมีแนวคิดที่จะเอาคืนทั้งหมดใช่หรือไม่ และเมื่อไหร่กี่โมง หากตอบได้จะเป็นเรื่องที่ดี

นอกจากนี้ แล้วเรื่องของบ่อนเขมรที่สร้างล้ำแดนไทยเข้ามา นายกรัฐมนตรีบอกว่าสะกดคำว่ายอมไม่เป็น ซึ่งรัฐบาลนี้เขียนชัดเจนว่าจะจัดการบ่อนที่ผิดกฎหมายให้สิ้นซากทราบ และบ่อนเขมรที่ล้ำแดนไทยจะจัดการอย่างไร และเวลา 8 - 9 เดือน นานพอที่รัฐบาลนี้จะจัดการและมีคำตอบให้ นอกจากนี้ MOU จะทำประชามติยกเลิก ซึ่งไม่ระบุว่าเป็นMOU 43 หรือ 44 ซึ่งจะทำประชามติเมื่อไหร่ทำกี่โมง พร้อมกับประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ 4. ปัญหาพืชผลทางการเกษตร 8 เดือน ยาวพอที่จะคลายทุกข์เกษตรกร สำหรับ ซึ่งเมื่อดูนโยบายจะเป็นคนละเวอร์ชั่นกับตอนหาเสียง เช่น เพราะนโยบายหาเสียงข้าวเกวียนละ 12,000 บาท สำปะหลังโลละ 4 บาท กลับไม่ปรากฏมีแค่นโยบายที่ระบุไว้กว้างๆ ว่าจะบริหารจัดการราคาสินค้าการเกษตรให้อยู่ในราคาที่เหมาะสม ซึ่งการบ้านข้อใหญ่ของรัฐบาลนี้คือ ข้าว มัน ปาล์ม ข้าวโพด รวมถึงผลไม้

นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า 5.ส่วนที่รัฐบาลจะรักษาหลักนิติธรรมอย่างเคร่งครัดซึ่งมีการระบุว่าเจ้าพนักงานคนไหนใช้กฎหมายหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยประโยชน์ทางการเมือง ถือว่าผิดวินัยร้ายแรง และต้องถูกดำเนินคดีอาญาแปลว่าใครที่ไปช่วยหาเสียงเพื่อประโยชน์ทางการเมืองกันแกล้งใฝ่ตรงข้ามรัฐบาลนี้จะจัดการโดยเด็ดขาด นอกจากผิดวินัยต้องดำเนินคดีทางอาญา มองว่าเป็นนโยบายที่ดีไม่มีการท้วงติงแต่อยู่ที่ภาคปฏิบัติ อย่างน้อยนโยบายนี้ต้องกรมราชทัณฑ์ไว้ได้ ว่าอย่าเอื้อนักการเมืองคนใดให้ปฏิบัติไปตามกฎกติกาโดยเคร่งครัด และกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ที่ทำอยู่ 2 - 3 คดี ไม่ต้องเอ่ยว่าเป็นคดีใดเพราะรู้กันทั้งประเทศ ถ้ายังเดินหน้าทำนโยบายต่อและถ้ายังมีนโยบายนี้จะเข้าข่ายทำผิดตามนโยบายหรือไม่ ซึ่งเป็นข้อกังวลอยู่ และ 6.ขอฝากคาถา 5 ข้อ คือขอให้รัฐบาลละลึกถึงคำถวายสัตย์ปฏิญาณไว้เสมอ ไม่โกงเพราะจะมีอันเป็นไป ทวนเป็นอาวุธมีไว้รบกับเขมรไม่ใช่มีไว้ทิ้งก่อนยุบสภา อย่าใช้ระบบเล่นพรรคเล่นพวก เหมือนบางยุคบางสมัยที่ผ่านมาในการโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการ เพราะนอกจากจะทำให้คนดีหมดกำลังใจอย่างเป็นการทำลายอนาคตของประเทศ อย่าเลือกปฏิบัติ ไม่ใช่พูดเพราะรัฐบาลจะทำแบบนั้นแต่อยากฝากไว้ในฐานะผู้แทนราษฎร อย่าเลือกพัฒนาเฉพาะพื้นที่ที่เลือกเรา เพราะพื้นที่ไหนที่ไม่เลือกเราเป็นคนไทยเช่นเดียวกัน เชื่อว่านายกรัฐมนตรีเป็นผู้แทนมาหลายสมัยเข้าใจดี อย่าลุแก่อำนาจ ซ้ำรอยอดีตเพราะเราเคยเห็นมาแล้วทั้งอำนาจบริหารอำนาจนิติบัญญัติและผู้แทนราษฎรรวมถึงวุฒิสภาและองค์กรอิสระหากเผลอตัวเมื่อไหร่จบไม่สวย อย่าแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม นอกจากจะทำร้ายระบบนิติรัฐแล้ว ยังเป็นของแสลงสำหรับรัฐบาลชุดนี้เป็นเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งหากทำได้ตนเชื่อว่าท่านจะกลับมา ส่วนจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการบริหารราชการแผ่นดิน และพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ

- 006

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top