'ประธาน กกต.'เผยคดีฮั้ว สว.อยู่ในชั้นอนุฯวินิจฉัยแล้วตั้งแต่ 17 ก.ย. โดยชั้นนี้มีเวลา 90 วัน ก่อนทำความเห็นเสนอ กกต.ชี้ขาด ย้ำการดำเนินการรอบคอบและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
วันที่ 29 กันยายน 2568 นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. เปิดเผยว่าสำนวนคดีฮั้วเลือก สว. ขณะนี้อยู่ในชั้นการพิจารณาของอนุฯ วินิจฉัยหรือในชั้นที่ 3 โดยมีกรอบเวลาที่จะสรุปทำความเห็น 90 วัน โดยย้ำถึงกรอบเวลาที่จะต้องศึกษาเอกสารหลักฐานพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะคดีเรื่องฮั้ว สว. ที่มีผู้ถูกร้องนับ 100 คน
“สำนวนนี้เป็นที่ทราบกันอยู่ว่ามีผู้ถูกกล่าวหาค่อนข้างเยอะเป็น 100 คน และมีสำนวนคดีหลายพันหน้า ถ้าเราจะให้ความยุติธรรมกับใคร เราต้องมีเวลาศึกษาเอกสารพยานหลักฐาน การให้ถ้อยคำของบุคคลให้ละเอียดรอบคอบ ให้เข้าใจได้ก่อนที่จะตัดสิน ไม่ใช่เร่งตัดสินใจโดยใช้ความรู้สึกก็จะไม่เป็นธรรมกับใครทั้งสิ้น และเป็นการทำหน้าที่บทบาทที่ไม่เหมาะสมกับหน้าที่ ที่เป็นส่วนหนึ่งของกระบวน การยุติธรรม“
สำหรับกระบวนการสืบสวนของ กกต.มี 4 ชั้น ชั้นแรกเป็นการสืบสวนโดยมีการตั้งคณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวนชุดที่ 26 ซึ่งใช้เวลาในการทำงานไป 4 เดือน และได้ส่งให้ขั้นตอนที่สองตามอำนาจของเลขาธิการ กกต. พิจารณาทำความเห็น เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ซึ่งใช้เวลา 60 วัน
ล่าสุดในวันที่ 17 กันยายน 2568สำนวนส่งถึงขั้นตอนที่สาม คณะอนุกรรมการวินิจฉัยฯ ซึ่งมีกรอบเวลาทำงาน90 วัน จากนั้นในชั้นสุดท้ายจะส่งต่อที่ประชุม กกต. ซึ่งมีกรอบการทำหน้าที่ชี้ขาดว่าส่งฟ้องหรือไม่อีก 90 วัน แต่ที่ผ่านมาใช้เวลาจริงในการลงมติในที่ประชุมของคณะกรรมการไม่เกิน 15 วันนับแต่รับเรื่อง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี