‘ทักษิณ’ดิ้นอีก
ยธ.รับยื่นขออภัยโทษจริง
ตามสิทธิ์ผู้ต้องขังเด็ดขาด
ยธ.ยืนยัน“ทักษิณ”ขออภัยโทษรายบุคคลจริง ตั้งแต่ภายหลังเข้าเรือนจำ ตามการบังคับโทษชี้เป็นสิทธิ์ของนักโทษเด็ดขาดกรมราชทัณฑ์แค่ทำตามขั้นตอน
ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีปรากฏข่าวลือสะพัดว่า ภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 9 ก.ย.68 ให้จำคุกนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้นำจิตวิญญาณพรรคเพื่อไทย เป็นเวลา 1 ปี ในคดีชั้นที่ 14 ต่อมาเพียงหนึ่งวัน คือ วันที่ 10 ก.ย. 68 นายทักษิณ ได้มีการยื่นคำร้องขอพระราชทานอภัยโทษต่อกระทรวงยุติธรรม จากนั้นเมื่อวันที่ 23 ก.ย.68 กระทรวงยุติธรรม ภายใต้การกำกับดูแลของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ได้มีมติ ยกฎีกาคำร้องดังกล่าว พร้อมส่งเรื่องต่อไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ดี การพิจารณาดำเนินการเกิดขึ้นในช่วงที่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ยังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ หลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเมื่อวันที่ 19 ก.ย.68 และเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณเมื่อวันที่ 24 ก.ย.68 โดยมีกำหนดแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันที่ 29–30 ก.ย.68 ก่อนที่จะเริ่มทำงานอย่างเป็นทางการ
จากกรณีดังกล่าวข้างต้น แหล่งข่าวระดับสูงภายในกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) เปิดเผยว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้มีการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะรายจริง ภายหลังเข้ามาอยู่ในเรือนจำฯ และเรื่องก็ผ่านชั้นกระทรวงยุติธรรมไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งต้องชี้แจงว่า การขออภัยโทษเฉพาะราย ถือเป็นสิทธิของผู้ต้องขังเด็ดขาดทุกรายที่จะมีการยื่นเรื่องราวทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาเพื่อขอรับพระราชทานอภัยโทษเป็นรายบุคคล โดยเป็นเรื่องปกติของผู้ต้องขังเด็ดขาดที่จะดำเนินการยื่นทูลเกล้าฯ ยกตัวอย่างกรณีของ นางนาที รัชกิจประการ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคภูมิใจไทย เมื่อครั้งอยู่ในเรือนจำฯ ก็ขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะรายเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ดี ในการยื่นทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาเพื่อขอรับพระราชทานอภัยโทษเป็นรายบุคคลนั้น ขั้นตอนมีดังนี้ 1.ผู้ต้องขังเด็ดขาด หรือผู้มีประโยชน์ อาทิ บิดา มารดา คู่สมรส บุตรของผู้ต้องขัง ยื่นเรื่องผ่านเรือนจำ/ทัณฑสถาน จากนั้นเรือนจำ/ทัณฑสถาน จะสอบสวนเรื่องราวทูลเกล้าฯ รวบรวมเอกสาร และส่งต่อไปยังกรมราชทัณฑ์ เพื่อกรมราชทัณฑ์ประมวลข้อเท็จจริง และสรุปเรื่องเพื่อประกอบการถวายความเห็นของ รมว.ยุติธรรม จากนั้นความเห็นของ รมว.ยุติธรรม จะถูกส่งไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ต่อด้วยสำนักงานองคมนตรี และเมื่อมีผลฎีกาอย่างไร ก็จะมีการแจ้งผลฎีกามายังเรือนจำ/ทัณฑสถาน ต่อไป
แหล่งข่าวระดับสูงภายในกระทรวงยุติธรรม เผยอีกว่า การยื่นเรื่องราวทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาเพื่อขอรับพระราชทานอภัยโทษเป็นรายบุคคล ไม่ว่าจะระดับชั้นเรือนจำ/ทัณฑสถาน กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม เมื่อได้รับเรื่องราวทูลเกล้าฯ ของผู้ต้องขังเด็ดขาดแล้ว จะไม่สามารถเก็บคำร้องไว้ได้ จะต้องมีการเสนอไปตามลำดับชั้น ซึ่งความเห็นของชั้นต่าง ๆ จะมีเเค่ “เห็นควรอภัยโทษ” หรือ “โทษทัณฑ์ที่ได้รับเหมาะสมแล้ว” แต่โดยหลักการแล้ว เรื่องการพระราชทานอภัยโทษลดโทษอย่างไร เป็นเรื่องของพระราชอำนาจฯ ที่มิอาจก้าวล่วงได้
แหล่งข่าวระดับสูงภายในกระทรวงยุติธรรม เผยต่อว่า สำหรับประเด็นสงสัยว่าการขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย ผู้ต้องขังสามารถยื่นขอซ้ำอีกได้หรือไม่นั้น เนื่องจากเมื่อครั้งที่นายทักษิณ ชินวัตร กลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเมื่อวันที่ 22 ส.ค.66 ก็เคยมีการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะรายไปแล้ว ซึ่งจากโทษรวม 8 ปี ก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณอภัยลดโทษเหลือ 1 ปี ตนขอเรียนว่า อาจเป็นความเข้าใจของผู้ต้องขังว่าตนนั้นได้รับโทษไปแล้ว เพราะก็คือการรับโทษมาแล้ว 1 ปี แม้ว่าจะเป็นการไปรักษาตัวนอกเรือนจำฯ ที่ รพ.ตำรวจ แต่ก็ไม่ได้มีการออกไปภายนอกสถานที่รักษาตัวแต่อย่างใด คราวนี้ล่าสุดศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็ได้มีคำพิพากษาว่าไม่ได้รับโทษ จึงต้องบังคับโทษ 1 ปี นั้น ตนจึงไม่ทราบรายละเอียดเนื้อหาว่ามีการยื่นทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะรายอย่างไรบ้าง เพราะรายละเอียดเงื่อนไขของผู้ร้องอาจแตกต่างกันในแต่ละครั้ง แต่ถ้ามองตามปกติแล้ว ผู้ต้องขังมักจะเรียบเรียงเรื่องราวของตนถึงเหตุผลว่าเหตุใดจึงประสงค์ยื่นทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานอภัยโทษในครั้งนี้
เช้าวันเดียวกันที่ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ หรือเอม บุตรสาวคนกลางของนายทักษิณ ชินวัตร พร้อมด้วย นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ สามี นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ เข้าเยี่ยมนายทักษิณนักโทษเด็ดขาดประมาณ30นาทีก่อนเดินทางกลับ
นายวิญญัติได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่าสำหรับอาการสุขภาพของนายทักษิณตอนนี้ ก็ยังมีอาการป่วย แต่ก็ยังสุขภาพดูดีขึ้น หน้าตาสดใสขึ้น เพราะท่านก็พยายามรักษาตัวเอง พยายามปรับตัวให้ได้เมื่ออยู่ข้างใน ส่วนกิจวัตรประจำวันท่านก็ยังทำปกติเหมือนเดิม อย่างไรก็ดี ตนพูดไปหลายครั้งแล้วว่าอาการของท่านหลัก ๆ ก็คือเกี่ยวกับเรื่องความดัน เรื่องระบบหัวใจก็ต้องระวัง ส่วนที่เราเป็นกังวลก่อนหน้านี้ก็คืออาการที่เกี่ยวข้องกับกระดูกต้นคอที่จะไปทับเส้นประสาทหรือไม่ นี่คือเรื่องที่ค่อนข้างเซนส์สิทีฟ ทั้งนี้ ก็เป็นไปตามอายุของท่าน เพราะท่านก็มีอาการมาก่อนหน้านี้แล้ว ตั้งแต่ก่อนเข้าโรงพยาบาล และในเมื่อท่านอยู่ในสภาวะที่ไม่ได้อยู่ใกล้หมอขนาดนี้ก็ต้องระมัดระวังมากขึ้น ไม่ว่าการเดิน หรือการทำกิจวัตรต่าง ๆ ก็ระวังมากขึ้น ทนายวิญญัติ เผยว่า ส่วนเรื่องการปวดกระดูกต้นคอ ตอนนี้ก็ต้องระมัดระวัง มีปัญหาอยู่แล้ว แต่ก็ต้องระมัดระวัง แม้ยังไม่ถึงขนาดเดินไม่ได้ ขยับตัวไม่ได้ ก็ต้องระวังมากขึ้น ส่วนเรื่องประสิทธิภาพการนอนหลับ ตนไม่ได้คุยกับท่าน ก็คงจะเป็นเรื่องปกติ อาจนอนหลับบ้างไม่หลับบ้าง ตนคาดเดา เพราะไม่ได้สอบถาม แต่ย้ำว่าสีหน้าดีขึ้น ก็แสดงว่ามีการดูแลตัวและปรับตัวเองได้ดี อย่างไรก็ดี เรื่องความดันก็มีการตรวจตลอด แต่ตนไม่ได้สอบถามเช่นกัน ซึ่งในเรือนจำฯ ก็มีแพทย์เข้าตรวจสุขภาพเป็นรอบ ๆ อยู่แล้ว และท่านก็เป็นผู้สูงอายุ อยู่ในแดนพยาบาล ตนมองว่าเรื่องเหล่านี้ก็ทำเป็นปกติ จะให้ลงรายละเอียดลึกตนคงไม่สามารถทำได้ เพราะเป็นข้อมูลเรื่องสุขภาพของท่าน
ทนายวิญญัติ เผยถึงการเยี่ยมญาติผ่านวิดีโอคอลไลน์ ว่า การเยี่ยมญาติทางไลน์เป็นเรื่องปกติของกรมราชทัณฑ์ โดยเฉพาะเรือนจำฯ แต่ละที่ก็มีกันอยู่แล้ว และตนเชื่อว่าญาติและครอบครัวของท่านก็ยังประสงค์เข้าเยี่ยมแบบเห็นหน้าเห็นตากัน เพราะถือเป็นการให้กำลังใจที่ดีอย่างหนึ่ง นอกจากจะติดภารกิจจริง ๆ ก็อาจเยี่ยมทางไลน์แทน แต่การเยี่ยมทางไลน์ก็มีการลงทะเบียนไว้อยู่แล้ว แต่ขอสงวนว่าใครลงทะเบียนบ้าง ส่วนกรณีว่าทางเรือนจำฯ มีกิจกรรมเยี่ยมญาติใกล้ชิดด้วยนั้น ตนเชื่อว่าถ้ามีเยี่ยมญาติใกล้ชิด ท่านก็ต้องได้รับสิทธิ์ ก็คงไม่น่ามีปัญหาอะไร ทุกครอบครัวก็คงต้องมาอยู่แล้ว ทั้งนี้ ท่านทักษิณยังไม่ได้มีการสั่งการอะไรเป็นพิเศษ เรื่องอื่น ๆ ที่ทนายความกับลูกความคุยกันก็มักเป็นเรื่องปกติทั่วไป ว่าเรื่องอะไรบ้างที่เราทำอยู่และเป็นข้อห่วงใย นอกจากนี้ ท่านยังได้ขอบคุณพี่น้องคนเสื้อแดงและประชาชนที่เป็นห่วงท่าน ส่วนพี่น้องที่มาจัดกิจกรรมหน้าเรือนจำฯ โดยส่วนตัว ตนขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบเรียบร้อย เพราะอยู่ในสถานที่ราชการ พี่น้องเรามาแสดงพลังก็ดีแล้ว ท่านก็ไม่ได้สั่งการหรือมอบหมายอะไรมา ท่านขอบคุณมาก
ผู้สื่อข่าวอบถามต่อว่า เรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษครั้งที่ 2 ซึ่งทนายความก็อธิบายว่า ได้มีการยื่นขอไปจริง และถือเป็นสิทธิของผู้ต้องขังเด็ดขาดทุกราย เป็นสิทธิตามกระบวนการ และเราก็ดำเนินการหลายวัน และครั้งนี้ก็ดำเนินการนานกว่าครั้งที่แล้ว พร้อมย้ำว่าทุกอย่างเป็นพระราชอำนาจเป็นพระเมตตาของพระองค์ท่าน ไม่อาจก้าวล่วงได้ และเมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่าการขอพระราชทานอภัยโทษครั้งที่ 2 สามารถทำได้หรือไม่ เจ้าตัวก็ขอปฏิเสธไม่ให้ความเห็นเรื่องดังกล่าว
ทนายวิญญัติ กล่าวทิ้งท้ายว่า ทั้งนี้การยื่นฯ เป็นกระบวนการทางเอกสารและทำความเห็นประมาณ 14 วัน ใช้เวลามากกว่าครั้งที่แล้ว ซึ่งใช้เวลา 6 วัน การยื่นครั้งนี้จึงไม่ได้เป็นการเร่งรีบ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี