‘รมว.พาณิชย์’ยันเข้มมาตรการดูแลสินค้าไทย เตรียมลงพื้นที่‘7 จังหวัด’ชายแดนไทย-กัมพูชา จัดมหกรรมการค้าหนุนช่วยผู้ประกอบการ
29 กันยายน 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาเรื่องด่วนคณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ ในการประชุมรัฐสภา วาระการแถลงนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ชี้แจงในประเด็นเศรษฐกิจว่า จากกรณีนายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ซึ่งขอขอบคุณที่ได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่รัฐบาล ซึ่งจะนำไปปฏิบัติต่อในเรื่องนโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกา ซึ่งไทยพึ่งพาการส่งออกถึง ร้อยละ 60 ของจีดีพี ขณะที่สหรัฐอเมริกามีมูลค่าการส่งออก ร้อยละ 18 ซึ่งเป็นสัดส่วน ร้อยละ 10 ของจีดีพี ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะต้องเจรจาให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งต้องขอบคุณรัฐบาลที่ผ่านมาที่มีการเจรจาตกลงสำเร็จ แต่ใน 4 เดือนข้างหน้า รัฐบาลมีความตั้งใจที่จะเจรจา ART ให้เสร็จสิ้นภายในปี 2568 ซึ่งการที่นายสิทธิพล บอกว่ายังไม่เห็นในรายละเอียดก็เป็นไปตามนั้นเนื่องจากยังไม่มีการตกลงในรายละเอียดทางเทคนิค
นางศุภจี ยังกล่าวถึงแนวทางการป้องกันการสวมสิทธิ์ถิ่นกำเนิดสินค้าไทย ว่า ได้มีการแก้ไขในเรื่องนี้แล้ว โดยมีการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (C/O) ซึ่งได้รวบยอดจากหลายกระทรวงมาอยู่ที่กระทรวงพาณิชย์ที่เดียว นอกจากนี้ยังได้ปรับปรุงรายการเฝ้าระวังสินค้าที่ส่งไปยังสหรัฐฯ จาก 49 รายการ เป็น 65 รายการ
นอกจากนี้ยังได้มีการเจรจากับสหรัฐฯ เกี่ยวกับ “กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า” ที่จะประกาศแนวปฏิบัติอย่างชัดเจน โดยจะดูแลและเจรจาโดยตรงไปยังสหรัฐฯ ซึ่งรวบรวมอยู่ในระบบเทคโนโลยี ทำให้มั่นใจได้ว่ามีการดูแลตั้งแต่ต้นทางจากประเทศไทย ไปจนถึงปลายทางสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นเรื่องใหม่ที่คนอาจจะไม่เข้าใจ โดยจะเร่งทำความเข้าใจ โดยการประสานกับสมาคมหอการค้าไทย และอุตสาหกรรมไทยรวมถึงตลาดทุนไทย เพื่อคลายกังวล
รมว.พาณิชย์ กล่าวต่อว่า ในส่วนการปลอมแปลงหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า ที่ได้มีการออกหนังสือไป 3 แสนกว่าฉบับ แต่มีหนังสือปลอมแปลงเพียง 5 ฉบับ ส่วนในปี 2568 ยังไม่พบการปลอมแปลง เนื่องจากได้นำระบบการป้องกันมาใช้ รวมถึงได้รับความร่วมมือจากกรมการค้าต่างประเทศ และกรมศุลกากรปลายทาง ที่ทำให้สามารถตรวจสอบได้ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง และสามารถทำให้ตรวจสอบการปลอมแปลงได้
รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ในการพัฒนาระบบตอบโต้การทุ่มตลาดด้วย AI ได้พัฒนาการพิจารณาคำขอจาก 4 เดือนเหลือ 1 เดือน รวมถึงกระบวนการอื่นๆ ในการไต่สวนที่จะช่วยย่นระยะเวลาให้เร็วขึ้น ขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์ได้มีการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย อาทิ การเก็บภาษี สินค้านำเข้ามูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท และเพิ่มความเข้มงวดมาตรฐานสินค้า รวมถึงมาตรการตรวจสอบและถอดสินค้าออกจากแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อปกป้องไม่ให้สินค้าทะลักเข้ามาทำลายผู้ผลิตในไทย
นอกจากนี้ยังมีความตั้งใจในการเพิ่มรายได้ให้กับผู้ประกอบการรายย่อย หรือ SMEs เช่น การขยายตลาดใหม่ไปยังเอเชียใต้ และตะวันออกกลางแอฟริกาหรือลาตินอเมริกา เป็นต้น ขณะเดียวกันผลจากการปราบปรามและดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดนอมินี จึงมีมูลค่าความเสียหายจำนวนมากเป็นเรื่องที่เราไม่ละทิ้ง นอกจากนี้ในการอภิปรายเรื่องที่ผู้อภิปรายยังไม่ได้พูด แต่ตนอยากชี้แจงเกี่ยวกับการลดค่าของชีพของประชาชน และการเพิ่มรายได้อย่างยั่งยืน ของมหกรรมธงฟ้า รวมถึงลดค่าของชีพด้านสุขภาพ ยา เวชภัณฑ์
นางศุภจี ยังกล่าวถึงมาตรการจัดการและดูแลสินค้าทางการเกษตร ว่าต้องแก้ไขในระยะยาว ซึ่งมีการประเมินอุปทานและอุปสงค์ล่วงหน้า ผลักดันการส่งออกและกำหนดมาตรฐานนำเข้า ขณะเดียวกันสถานการณ์ข้าวโลก มีอุปสงค์และอุปทานไม่ตรงกัน อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ จำกัดการนำเข้าข้าว ทำให้พบว่าสถานการณ์เข้าไทยปัจจุบันมีเหลืออยู่ 25.3 ล้านตัน แต่มีส่วนที่จะต้องบริหารจัดการเพียง 1.8 ล้านตัน ที่ต้องวางแนวทางแก้ไขปัญหาในระยะยาว
นอกจากนี้ในมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา โดยส่วนตัวตั้งใจจะลงพื้นที่เพื่อไปช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยเตรียมทำมหกรรมการค้าชายแดน รวมถึงเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันของไทยด้วยการผลักดันการใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA และเร่งบรรลุข้อตกลง FTA ไทย-สหภาพยุโรป และไทย –เกาหลีใต้
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี