เมืองคู่แฝด'ไทย-เขมร'สะดุด!
‘หนู’เบรก‘บิ๊กเล็ก’
คุยกันยังไม่ได้/เลิกคิดไปก่อน
เสียงแข็งพร้อมล้มMOU43-44
มีแล้วไร้ประโยชน์เก็บไว้ทำไม
“โฆษกทบ.”เผย“เขมร”ใช้กลยุทธ์สร้างสถานการณ์ หวังทำลายภาพลักษณ์ไทย ยันการตอบโต้ต้องพิจารณารอบคอบทุกมิติ ไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือเขมรใช้บิดเบือน ฟ้องเวทีโลก ด้านฉก.นย.จันทบุรีสร้างถนนเลียบชายแดนไทย-กัมพูชาเร่งด่วน 15 กม. ส่งกำลังบำรุงระหว่างเคลียร์เส้นทางพบ”วัตถุระเบิด-ทุ่นระเบิด”อื้อ ขณะที่ทร.เดินหน้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง‘เขมร’17จุดล้ำแดนไทย จุดสุดท้าย‘กาสิโน’ชี้ตึกมีขนาดใหญ่ ต้องขอความร่วมมือหลายฝ่าย นายกฯเบรกไอเดีย’บิ๊กเล็ก’เมืองคู่แฝด’หนองจาน-บันเตียเมียนเจย’ บอกตอนนี้ยัง
เมื่อวันที่ 30 กันยายน ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.ต.วินธัยสุวารี โฆษกกองทัพบก (โฆษก ทบ.)กล่าวว่า สถานการณ์พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาขณะนี้ ฝ่ายกัมพูชายังคงจัดกำลังเตรียมพร้อมในพื้นที่สำคัญตามแนวชายแดน และมีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการวางทุ่นระเบิด การใช้อาวุธในลักษณะยั่วยุ การแสดงกำลัง รวมถึงการใช้โดรนบินลาดตระเวนตรวจการณ์ ซึ่งทั้งหมดมีเป้าหมายชัดเจนเพื่อหวังให้ฝ่ายไทยตอบโต้ด้วยอาวุธ และเก็บเป็นหลักฐานไปใช้สื่อสารต่อสังคมในเชิงบิดเบือน จัดฉากให้กัมพูชาดูเสมือนเป็นผู้ถูกกระทำ ขณะเดียวกันก็ตีความให้ประเทศไทยกลายเป็นผู้รุกรานและละเมิดข้อตกลง
“การสร้างสถานการณ์เช่นนี้มีเป้าหมายเพื่อขยายผลไปยังเวทีสากล ทำลายภาพลักษณ์ของฝ่ายไทย ทบ.จึงต้องระวังเป็นพิเศษในการตอบโต้ทางทหาร เพื่อไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของการบิดเบือนข้อเท็จจริง ขณะเดียวกันเราก็ยึดมั่นว่าการปกป้องอธิปไตยของชาติไม่สามารถอาศัยเพียงกำลังทางทหารเท่านั้น แต่จำเป็นต้องบูรณาการทั้งมาตรการด้านการเมือง การทูตและการสื่อสารที่ชัดเจนและเป็นระบบ ทั้งต่อประชาชนภายในประเทศและต่อประชาคมระหว่างประเทศ” พล.ต.วินธัยกล่าว
และยืนยันว่า ทบ.ประสานการปฏิบัติอย่างใกล้ชิด ทั้งระดับฝ่ายบริหาร ฝ่ายปฏิบัติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงภาคประชาชน เพื่อให้การปฏิบัติการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล ผู้ที่ติดตามสถานการณ์จะเห็นว่าเขมรปรับมาใช้การต่อสู้ในมิติการสื่อสารสาธารณะเป็นหลัก ในการสร้างภาพว่าเป็นเหยื่อหรือผู้ถูกกระทำ ซึ่งเราต้องตอบโต้ด้วยข้อมูลข้อเท็จจริง
พล.ต.วินธัยกล่าวต่อว่า ขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่า กองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 ยังคงปฏิบัติการเฝ้าระวังและเตรียมความพร้อมระดับสูงสุด ทั้งด้านการปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่แนวหน้า และการดูแลความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ส่วนหลัง โดยฝ่ายทหารและฝ่ายปกครองพร้อมเข้าดำเนินการทันที หากเกิดสถานการณ์ผิดปกติขึ้น
“ทบ. ขอความร่วมมือประชาชนให้ระวังการคล้อยตามข่าวสารที่ชักจูงให้เร่งเข้าปฏิบัติการทางทหาร ขอย้ำว่าในขณะนี้ ทุกการปฏิบัติต้องพิจารณาอย่างรอบคอบทุกมิติ มิฉะนั้นหากดำเนินการในห้วงเวลาที่สถานการณ์และสภาพแวดล้อมยังไม่เอื้ออำนวยแล้ว อาจส่งผลต่อผลลัพธ์สุดท้ายเมื่อเหตุการณ์ได้ยุติลง” พล.ต.วินธัย กล่าว
ด้านหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี (ฉก.นย.จันทบุรี) ได้ทำถนนเลียบแนวชายแดน เป็นการเร่งด่วน ระยะทาง 15 กิโลเมตร เพื่อเป็นเส้นทางส่งกำลังบำรุงและลาดตระเวน ในพื้นที่รับผิดชอบป้องกันการละเมิดอธิปไตย และดำเนินการแก้ไขลักษณะภูมิประเทศรูปตัวยู (U) ให้กลับสู่สภาพเดิม โดยดำเนินการตั้งแต่วันที่ 15 - 29 กันยายน2568 เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน จัดตั้งกองอำนวยการวันที่ 16 กันยายน เริ่มเปิดเส้นทาง ระยะทาง 2.7 กิโลเมตรวันที่ 17 กันยายน ดำเนินการได้ระยะทาง 2.7 กิโลเมตรวันที่ 18 กันยายน ดำเนินการได้ระยะทาง 3 กิโลเมตรวันที่ 19 กันยายน ดำเนินการได้ระยะทาง 900 เมตรวันที่ 20 กันยายน ดำเนินการได้ระยะทาง 500 เมตร
วันที่ 21 กันยายน ดำเนินการได้ระยะทาง 400 เมตรวันที่ 22 กันยายน ดำเนินการได้ระยะทาง 800 เมตรวันที่ 23 กันยายน ดำเนินการได้ 900 เมตรวันที่ 24 กันยายน ดำเนินการได้ 500 เมตรวันที่ 25 กันยายน ดำเนินการได้ 500 เมตรวันที่ 26 กันยายน ดำเนินการได้ 900 เมตรวันที่ 27 กันยายน ดำเนินการ 300 เมตรวันที่ 28 กันยายน ดำเนินการได้ 800 เมตร
โดยระหว่างการจัดสร้างถนน ได้ส่งช่างเข้าเคลียร์พื้นที่ตลอดแนว กระทั่งตรวจพบวัตถุระเบิดและทุ่นระเบิดในพื้นที่จำนวนมาก ประกอบด้วย1.ส่วนหางของลูกระเบิดยิง จาก ปลย.AK 47 Type 67 (เบกาลอง) จำนวน 1 หาง2.กระสุนปืน ปรส. ขนาด 75มม. 58นัด3.ทุนสังหารบุคคล แบบกระโดดระเบิด Type 69 จำนวน 9 ทุ่น4. ลูกกระสุนปืนใหญ่ ขนาด 120มม. 1 นัด5.ทุ่นระเบิดดักรถถัง ระเบิดอยู่กับที่ Type 59 จำนวน 1 ทุ่น6.ลูกยิงปืนคอ (ลย./ค.) ขนาด 81มม. 4ลูก7.ดินส่งจรวดPG 2 สภาพเก่า 5 แท่ง
ซึ่งชุดตรวจพิสูจน์ได้ทำการนิรภัย และเคลื่อนย้ายไปยังพื้นที่ปลอดภัย เพื่อทำลายต่อไป ส่วนเส้นทางได้ปรับเปลี่ยนไปตามสภาพพื้นที่ ที่เครื่องจักรสามารถดำเนินการได้ ยังเหลือระยะทางจริงอีก 4 กิโลเมตร หรือร้อยละ 26% ของการสร้างถนน
พล.ร.ต.ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ (ทร.) กล่าวยืนยันว่า กองทัพเรือ ได้รื้อบ้าน 3 หลังกัมพูชารุกล้ำเขตไทยหมดสภาพแล้ว ไม่สามารถใช้ดำเนินการได้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีแต่มีหลายจุดที่มีการรุกล้ำเขตแดนที่ไทยกำหนดไว้ส่วนตึกกาสิโนเป็นอีกจุดหนึ่ง ใน ต.แหลมกลัด อ.เมือง จ.ตราด ตอนนี้ยังใช้ความพยายามในการไล่รื้อถอน 17 จุด ซึ่งการรื้อถอนใดๆจะอยู่ในเกณฑ์ที่กัมพูชายอมรับได้ เพื่อให้เดินหน้าต่อให้ครบทั้ง 17 จุด คาดว่าจุดสุดท้าย คือ ตึกกาสิโน อาจต้องขอความร่วมมืออีกหลายฝ่ายในการเข้าไปดำเนินการ เพราะตึกค่อนข้างใหญ่” พล.ร.ต.ปารัช กล่าว
ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหมมีแนวคิดทำเมืองคู่แฝด บ้านหนองจาน-บันเตียเมียนเจย แก้ปัญหารุกล้ำเขตชายแดนไทย-กัมพูชา คิดว่าจะแก้ปัญหาได้หรือไม่ว่า ตอนนี้ยัง ตอนนี้เน้นเรื่องการรักษาอธิปไตยและดินแดนของประเทศ และดำเนินการตามกฎหมายให้เคร่งครัด ตอนนี้ยังไม่น่า อันนั้นเป็นแนวคิดเมื่อพูดคุยได้แล้ว แต่ตอนนี้ยังพูดคุยไม่ได้ก็ยังไม่ต้องไปคิดเรื่องนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่าต้องถามความเห็นคนในพื้นที่ก่อนหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า คนในพื้นที่ถ้าเป็นคนไทยก็ไม่ต้องถามอะไร เพราะมีความชัดเจนอยู่แล้ว ถ้าเป็นคนไทยอยู่ในประเทศไทย
นายอนุทินยังกล่าวถึงการยกเลิก MOU 2543 และ MOU 2544 ว่า ตอนนี้คณะกรรมาธิการศึกษาทั้งฉบับ 2543 และ 2544 เราต้องรอผลออกมาก่อน ถ้ามีความชัดเจนและรัฐบาลประเมินแล้ว อาจไม่ต้องศึกษาก็ได้ ถ้าเลิกเลยได้ก็อาจเลิกโดยคณะรัฐมนตรีก็ได้ เพราะอำนาจการเลิก MOU อยู่ที่คณะรัฐมนตรีเพียงแต่เราต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วม ไม่ใช่โยนภาระให้ประชาชน แต่เป็นการให้เกียรติประชาชนมากกว่า
“แต่ถ้าผลการศึกษาออกมาชัดเจนว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย ประเทศไทยไม่ได้เปรียบอะไรเลย ขณะนี้เราอยู่ในสถานะที่ถ้าไทยไม่ได้เปรียบอะไรจากกัมพูชา เราเลือกประเทศไทยก่อน ถ้ามีความชัดเจนก็อาจเลิกเลยก็ได้โดย ครม. ย้ำว่าเป็นการให้เกียรติประชาชน เพราะถ้าทำเองคงยกเลิกไปแล้ว คำว่า MOU (Memorandum of Understanding) ถ้าเป็นทั่วไปจะกำหนดกรอบเวลา ก็ต้องไปดูบริบทใน MOU 2543-2544 ก่อนว่ากำหนดการสิ้นสุดของ MOU นี้หรือไม่ อย่างไร ถ้าไม่ได้กำหนด แต่ 20 กว่าปียังไม่เข้าใจและยังห่างจากการบรรลุข้อตกลงแล้วจะเก็บไว้ทำไม จะเก็บไว้ให้เป็นประโยชน์ของใคร ถ้าประเทศไทยได้ประโยชน์จะเก็บไว้ แต่ถ้าไม่ได้ประโยชน์จะเลิก”นายอนุทินกล่าว และว่า MOU เมื่อไม่เข้าใจกันเมื่อไหร่ก็เลิกอันนี้ในบริบทของตน มีคนพยายามไปตีความว่าต้องเลิกทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งมองว่าถ้าเลิกทั้ง 2 ฝ่ายต้องเป็นสัญญา อันนี้เป็นการตีความเบื้องต้นของตน แต่ต้องถามผู้รู้ทางกฎหมายก่อน พร้อมย้ำว่าถ้าจะตัดสินใจเป็นเรื่องของคณะรัฐมนตรี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี