'นายกฯอนุทิน' มอบนโยบายตำรวจ เน้นย้ำพิทักษ์ปกป้องสถาบัน สร้างกลไกรับมือกับอาชญากรรมทุกรูปแบบ

'นายกฯอนุทิน' มอบนโยบายตำรวจ เน้นย้ำพิทักษ์ปกป้องสถาบัน สร้างกลไกรับมือกับอาชญากรรมทุกรูปแบบ

วันพุธ ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 15.48 น.

“นายกฯ” มอบนโยบาย ข้าราชการตำรวจ ย้ำ ต้องเป็นที่พึ่งประชาชน พร้อมปกป้องสถาบันด้วยชีวิต ไม่ให้ใครหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ-เชื่อ ความสัมพันธ์ยิ่งกว่าพี่น้อง ไม่มีใครรู้จักตำรวจดีเท่า “อนุทิน” เหตุ เป็นลูกเขยตำรวจ ชี้ อยากเห็นตำรวจพูดเต็มปาก “ภัยยาเสพควบคุมได้” แม้เปลี่ยนรัฐบาล แนะสร้างกลไกสากล แก้ปัญหาภัยความมั่นคงทุกรูปแบบ ยันแก้อาชญากรรม ยุคนี้ ตำรวจ-ปกครองไปด้วยกันสำเร็จแน่ 
    
วันที่ 1 ตุลาคม 2568 เวลา 13.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เดินทางมามอบนโยบายการปฎิบัติราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้บริหาร โดยก่อนเข้าห้องประชุม นายอนุทิน ได้รับการต้อนรับจาก พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้แนะนำผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมรับการเคารพจากกองเกียรติยศ สตช.

จากนั้น นายอนุทิน มอบนโยบายให้แก่ข้าราชการตำรวจ และผู้บริหารจำนวน 338 นาย ว่า วันนี้ตนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง และรู้สึกแปลก ๆ เพราะความสัมพันธ์ของพวกเรานั้น ไม่ค่อยมีเช่นนี้เท่าไหร่ นั่งเกร็งมาตลอดตั้งแต่ลงจากรถ พี่ต่ายก็ได้รายงานจนมั่นใจว่าเรามีความเป็นพี่น้องกันมากกว่าเป็นระดับผู้บังคับบัญชา เรียกว่าเป็นเพื่อนก็ไม่ใช่เพราะคำว่าพี่น้องสำคัญกว่าเยอะ และมากกว่า 80 % ของนายตำรวจในห้องนี้ มีความผูกพันและสัมพันธ์กันนับทศวรรษ หลายคนเคยเห็นตอนวิ่งอยู่แถวห้องสำนักงานของ พล.ต.อ.สนอง วัฒนวรางกูร อดีตรอง อ.ตร.ซึ่งเป็นพ่อตาของตน และบางคนเคยเห็นตนวิ่งอยู่ตรงสำนักงานของพล.ต.อ. ธวัชชัย ภัยลี้ อดีต ร.ผบ.ตร.ซึ่งเป็นที่ที่ตนได้พบกับพี่ต่าย และก็ทำให้ตนได้รู้จักกับหลาย ๆ คนในที่นี้ 


ดังนั้น ในวันนี้ถือเป็นการมาพบกัน หนึ่งในภาระหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรีได้รับเชิญมาทำการมอบนโยบายแก่ข้าราชการตำรวจ ตั้งแต่ระดับผู้บังคับการหรือเทียบเท่าขึ้นไป ซึ่งถือเป็นระดับนายพลทั้งนั้น

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อพูดถึงหน้าที่ตำรวจนั้นตนตระหนักดีว่าอยู่ในอาชีพที่หนักที่สุดในโลก ตนได้เคยเห็นการทำงาน คนคนอื่นไปเที่ยวในช่วงเทศกาลแต่ตำรวจต้องอยู่เฝ้าพื้นที่ให้กับประชาชน ต้องทำงานอยู่ภายใต้การกดดันตลอดเวลา หลับนอนไม่เป็นเวลาบริหารจัดการเวลาส่วนตัวได้ยาก และแน่นอนว่าต้องอยู่ท่ามกลางภัยต่าง ๆ และความคาดหวังจากสังคมที่สูงมาก 

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ตำรวจที่ตนถูกบ่มเพาะตั้งแต่เด็กถือเป็นที่พึ่งพา ตนเป็นเด็กที่อาม่าเลี้ยง ดื้อก็บอกจะให้ตำรวจจับหรือถ้าไม่ทำตามคำสั่งก็จะจับส่งตำรวจ ไม่ว่าทำอะไรก็จะส่งตำรวจอยู่เสมอสุดท้ายตนจึงได้มาเป็นลูกเขยตำรวจ แต่ก็ทำให้ตนได้บ่มเพาะนิสัย ที่ทำให้เชื่อมั่นในเรื่องของวินัยและความทุ่มเทเสียสละ ของตำรวจ หรือเรื่องของความคิดและเรื่องของการเป็นที่พึ่งของพี่น้องประชาชน ดังนั้น เมื่อเป็นผู้ที่พิทักษ์สันติราษฎร์มาดูแลประชาชนให้กับรัฐบาล ก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่วันนี้ตนถือว่าเป็นผู้ที่มีบุญพาวาสนาส่งให้มาเป็นหัวหน้ารัฐบาล และความสัมพันธ์ของตนกับคนทั้งหลายในห้องนี้ เหนือกว่าคำว่ามิตรภาพ ดังนั้นตนพร้อมที่จะสนับสนุนภารกิจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในทุกด้าน ทั้งในด้านการดูแลทรัพยากรบุคคลให้ทุกคนได้รับความเป็นธรรม การเจริญเติบโตก้าวหน้าในด้านหน้าที่ราชการ สวัสดิการ การดูแลสุขภาพใจของพี่น้องตำรวจทุกนาย ไม่ใช่แค่ที่นั่งอยู่ในห้องนี้แต่ยังรวมถึงผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาเพราะสิ่งเหล่านี้ทำให้ตำรวจมีความพร้อมในการดูแลประชาชน

นายอนุทิน กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำงานต่าง ๆ ตนได้มีโอกาสมาเรียนร่วมกับหลายคนในหลักสูตรรวมมิตร ทำให้ตนได้เห็นอัจฉริยภาพความสามารถทางราชการไม่ใช่เฉพาะตำรวจ หรือทหารข้าราชการพลเรือนเท่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้ตนใกล้ชิดกับตำรวจตนได้เห็นความรู้ความสามารถ และทำให้ความรู้สึก ต่อข้าราชการตำรวจความมั่นใจมากขึ้นหลายเท่าตัวจึงได้นำแนวความคิดยุทธศาสตร์ที่หลายคนได้พูดคุยกับตนในช่วงนี้ที่มาเข้ารับการอบรม จากนั้นเราก็มีโอกาสได้ทำงานร่วมกันในหลายภารกิจ เมื่อตนได้เข้ามาร่วมทำงานในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ในสมัยแรก ก็ได้กำกับดูแลทั้งกระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยว และกระทรวงสาธารณสุขทำให้ต้องร่วมงานกับตำรวจอย่างหนักในช่วงสถานะสถานการณ์โควิด-19 ต้องรับมือกับความกดดัน และความเครียดของประชาชน

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า สิ่งที่ตนยังต้องการให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทุกคนได้ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ และทุ่มเททุกสรรพกำลังที่มีอยู่ คือเรื่องยาเสพติด ตนไม่อยากให้หัวหน้ารัฐบาลท่านไหนมาแล้วก็มาพูดเรื่องนี้กับท่าน ว่ายาเสพติดถือว่าเป็นภัยลำดับแรกที่สำคัญที่สุด จะต้องมีหมู่บ้านสีขาว มีการเอ็กซเรย์ แต่อยากให้หัวหน้ารัฐบาลไม่ว่าท่านไหนที่จะมาต่อจากตน เมื่อมาพบเรื่องนี้กับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ท่านสามารถลุกขึ้นยืนตอบแทนตำรวจทุกคนได้ ว่าได้จัดการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทั้งนี้ปัญหายาเสพติดถือว่าเป็นภัย แต่ก็เป็นภัยที่ตำรวจควบคุมได้  ปัญหาพนันออนไลน์ อาชญากรข้ามชาติ ค้ามนุษย์ หลอกลวงประชาชน และอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ล้วนแต่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของพี่น้องประชาชน ยิ่งปล่อยให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ตนถามว่าแล้วชีวิตพวกเราสบายขึ้นหรือไม่ ชีวิตพวกเรากลับยิ่งเครียดขึ้นเป็นลำดับ มีเรื่องนี้เมื่อไหร่ตำรวจโดนก่อนมหาดไทยแน่นอน เพราะจะเกิดคำถามว่าตำรวจทำไมไม่จับไม่ดำเนินการ สิ่งเหล่านี้จะเป็นปัญหาต่อไป ต้องมีการโยกย้ายเรียกตัวช่วยราชการ ไม่มีปัจจัยอะไรเลยที่เป็นบวกให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นอกจากต้องมานั่งลงโทษกัน ดังนั้น สู้เราสร้างกลไกที่เป็นระดับสากล ไม่ว่าใครเข้ามาก็ขอให้ปฏิบัติตามกลไกนี้ และเชื่อว่ากลไกนี้จะต้องปราบอาชญากรรมต่างๆ ให้ได้ในระดับที่ไม่ถือว่าเป็นภัยคุกคามสูงสุดของประเทศ ส่วนเคสเล็กเคสน้อยถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ต้องไม่ให้เป็นภัยที่ทำลายประเทศ และทำลายพี่น้องประชาชนให้เกิดความเสียหายอย่างมหาศาล
    
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนเรื่องของการสนับสนุน ตนให้สัตยาบันกับผู้บัญชาการแห่งชาติ และผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติทุกท่าน ว่า นอกจากภารกิจหน้าที่นายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว ซึ่งตนรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก ตนไม่ยอมตั้งรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เพราะอยากทำงานกับตำรวจโดยตรง ตนเชื่อว่าในยุคที่ตนดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และยุคที่พวกพี่ๆทุกคนอยู่ตรงนี้ ไม่มีใครรู้จักตำรวจดีกว่าตน ไม่มีใครมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับตำรวจมากเท่าตน ตนเชื่อของตนแบบนี้ ตนจึงขอกำกับดูแลหน่วยงานนี้เองด้วยความภาคภูมิใจ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการตอบสนองที่เท่าเทียมกันจากพี่ๆทั้งหลาย


   
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า วันนี้เป็นการสัมมนาของผู้ที่อยู่ในระดับบริหารของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ละท่านมียศตั้งแต่พลตำรวจตรีขึ้นไป สำหรับตนถือว่าเป็นนายพลทั้งนั้น นายพลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องไม่เป็นนายพลที่เขาบอกว่าเรี่ยราด แต่นายพลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องมีความเข้มแข็งตั้งแต่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รองผู้บัญชาการแห่งชาติ และผู้ช่วยผู้บัญชาการแห่งชาติ ต้องเป็นเป็นที่พึ่งของพี่น้องประชาชนเป็นกำลังสำคัญของประเทศ ทำหน้าที่พิทักษ์สันติราษฎร์ และตนก็มีหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขด้วย ดังนั้น จะไม่มีช่วงไหนที่เราจะไม่สามารถบูรณาการทำงานความร่วมมือกันได้ ทั้งฝ่ายปกครอง และตำรวจ ที่เราจะบันดาลความสันติสุขทั้งหลายให้เกิดขึ้นแก่พี่น้องประชาชน และ ประเทศชาติ
     
“ขอให้ทุกท่านยึดมั่นในหลักนิติธรรม และบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม เพื่อให้องค์กรของพวกเรา คือสำนักงานตัวแห่งชาติเป็นหนึ่งในองค์กรหลักที่ดำรงความเป็นนิติรัฐให้กับประเทศไทย และเป็นที่พึ่งของประชาชน ในฐานะที่เขามองว่าเราคือผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ของพวกเขา” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้พวกเราทำงานด้วยกันอย่างใกล้ชิด และไว้ใจกันมองประโยชน์ของประเทศ และประชาชนเป็นหลัก ที่สำคัญพวกเราต้องร่วมกันปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เป็นที่เคารพบูชาสูงสุดของพวกเรา และไม่ให้ใครมาทำการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ทำความเสื่อมเสียว่ากล่าวให้ร้ายสถาบันสูงสุดของเรา นี่คือภารกิจหลักอย่างหนึ่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ว่าท่านจะมีเครื่องหมาย ว.ป.ร. อยู่บนบ่าของท่านหรือไม่ แต่ยศของท่านตั้งแต่เป็นนายตำรวจยศแรก ท่านได้ได้รับพระราชทานมา เพราะฉะนั้น ยศนี้เป็นของพระองค์ท่าน เราจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรักษาไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพ และปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์เราด้วยชีวิต

จากนั้นนายอนุทิน ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงการแก้ปัญหายาเสพติดว่า ในฐานะที่วันนี้ตนมาทำงานกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และมีหน้าที่รมว.มหาดไทย ดูแลฝ่ายปกครองด้วยเป็นคนคนเดียวกันดังนั้นต้องเร่งแสวงหาความร่วมมือกันเพราะการแก้ไขปัญหายาเสพติดทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ รวมถึงหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องถ้าสนธิกำลังกันได้แล้วอย่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) ก็อยู่ภายใต้การดูแลของตนด้วย เราก็น่าจะใช้โอกาสนี้สร้างกลไกดำเนินการกวางล้างป้องกันให้สิ้นซากให้ได้ เพราะตนเคยทำงานร่วมกับ ผบ.ตร.ตั้งแต่เป็นรองผบ.ตร.อยู่ทำงานร่วมกันเป็นอย่างดี ตนได้ไปดูแลการกวาดล้างด้วยตนเองหลายครั้งเห็นถึงความสำคัญและประสิทธิภาพของตำรวจไทยสามารถดำเนินการยาเสพติดได้แน่นอนถ้าเราให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ 

เมื่อถามถึงการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ นายอนุทิน กล่าวว่า มันมีอาชญากรรมในยุคปัจจุบันที่เป็นภัยความมั่นคง ทั้งสแกมเมอร์ ค้ามนุษย์ ยาเสพติด การค้าประเวณี อาวุธปืน ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่แต่เป็นเรื่องที่เราสามารถกระชับความร่วมมือซึ่งกันและกัน สมัยก่อนมหาดไทยไปทาง ตำรวจไปทาง เพราะบางทีผู้กำกับดูแลสูงสุดมาจากคนละซีก คนละพรรคการเมืองกันก็ไม่คล่องตัว แต่วันนี้ไม่มีข้อแก้ตัวถ้าทำไม่สำเร็จก็ตนนี้แหละครับ เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่าหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ฝั่งกัมพูชามีความสนิทกับอดีตนายกฯ นายอนุทิน ตอบว่า เขาไม่ได้สนิทกับนายกฯปัจจุบัน และมั่นใจว่าไม่ได้สนิทกับ ผบ.ตร.คนปัจจุบัน คงไม่มีอิทธิพลใดๆ และคนที่กำกับดูแลสำนักงานตรวจแห่งชาติคือนายกฯเพราะฉะนั้นจะไม่มมีอิทธิพลใดๆมากดดันให้พวกเราชะงัก ตนไม่รู้จักพวกนี้ไม่มีอะไรไปติดค้างเขา 

โดยก่อนเดินทางกลับ นายกรัฐมนตรี ถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.4) 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top