‘ดร.ปณิธาน’เลคเชอร์ 5 ข้อ จับตาถก‘สมช.’วันนี้ วัดใจ‘นายกฯ-กองทัพ’ชักธงรุกกำราบกัมพูชา

‘ดร.ปณิธาน’เลคเชอร์ 5 ข้อ จับตาถก‘สมช.’วันนี้ วัดใจ‘นายกฯ-กองทัพ’ชักธงรุกกำราบกัมพูชา

วันพฤหัสบดี ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 07.51 น.

‘ดร.ปณิธาน’เลคเชอร์ 5 ข้อ จับตาถก‘สมช.’วันนี้ วัดใจ‘นายกฯ-กองทัพ’ชักธงรุกกำราบกัมพูชา

2 ตุลาคม 2568 รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและต่างประเทศ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Panitan Wattanayagorn ดังนี้


“วัดใจนายกฯ-วัดใจแม่ทัพนายกอง หลังไทยชักธงรุก-ยื่นคำขาด-เปิดประตูทางออกให้กัมพูชาสู่สันติภาพ”

1. ไทยได้ประกาศชักธงรุก

ยื่นเงื่อนไขให้สงบศึกและเปิดประตูทางออกให้กัมพูชาไปสู่สันติภาพในเวทีสหประชาชาติอย่างชัดเจน และไม่เคยทำมาก่อนในวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา

2. วันที่ 2 ตุลาคม

นายกรัฐมนตรีก็จะเริ่มดำเนินการตามแนวทางที่ไทยได้ประกาศไว้ โดยผ่านการประชุมของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช./เดิมคือสภาสงคราม) เป็นครั้งแรกของรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งจะเป็นการตัดสินว่าไทยมีเอกภาพพอที่จะชนะสงครามในครั้งนี้หรือไม่

3. เงื่อนไขของไทยที่ได้ยื่นต่อกัมพูชาไว้ คือ :

1) ถอนกำลังและอาวุธหนักออกไปจากพื้นที่เผชิญหน้า

2) กู้ทุ่นระเบิด

3) ปราบปรามแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ

4) หยุดคุกคามอธิปไตยของไทยและกลับมาพูดคุยแก้ปัญหากันในกรอบทวิภาคีที่มีอยู่ ซึ่งไม่ได้รับการตอบสนองจากกัมพูชานับตั้งแต่มีการเจรจาหยุดยิงกันในวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา

ดังนั้น มติของสมช.ในการประชุมครั้งนี้ จะทำให้กัมพูชาเห็นว่าสิ่งที่ไทยได้ประกาศไว้ที่ UNGA นั้น เป็นเพียงคำพูดที่ไม่มีน้ำหนัก หรือเป็นดำเนินการที่เชิงรุกจะส่งผลต่อกัมพูชาอย่างชัดเจน

4. ถ้าจะบีบให้กัมพูชาตอบสนองต่อเงื่อนไขของไทยดังกล่าวนั้น

ในการประชุมสมช.ในครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานสภาสมช.ฯ ควรจะต้อง

1) สั่งให้ทุกหน่วยทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เตรียมความพร้อมเต็มที่ 100% หากจะต้องมีการใช้กำลัง

2) เพิ่มเติมสมาชิกหรือกรรมการของสภาสงครามนี้ให้ครบถ้วนชั่วคราว ตามองค์ประกอบของสงครามผสมพันทางสมัยใหม่ คือ ควรมีกระทรวงพาณิชย์ที่เกี่ยวข้องกับการค้ากับกัมพูชา กระทรวงแรงงานที่เกี่ยวข้องกับชาวกัมพูชานับแสนราย ผู้บัญชาการเหล่าทัพ โดยเฉพาะผู้บัญชาการกองทัพบก ซึ่งปกติไม่ได้เป็นสมาชิกสภาความมั่นคง (มีแต่ผู้บัญชาการกองทัพไทยที่เป็นสมาชิก) หรือบุคคลอื่น ๆ ตามความจำเป็น เป็นต้น โดยจะต้องกำหนดแนวทางปฏิบัติของทุกส่วนทุกคนให้สอดคล้องรองรับซึ่งกันและกัน ไม่ให้มีการย้อนแย้งหรือทอนกำลังกันอีกเหมือนที่ผ่านมา

3) พิจารณาข้อเสนอที่สำคัญอย่างเร่งด่วนและรอบคอบ โดยมีกำหนดเวลาและแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน เช่น การสร้างรั้ว การผลักดันชาวกัมพูชาที่รุกล้ำดินแดนออกนอกประเทศ และการร่วมมือกับนานาชาติปิดล้อมกัมพูชา รวมทั้งพิจารณาอนุมัติรับหรือไม่รับข้อเสนอใหม่ของสหรัฐฯ ที่เสนอในการประชุมสี่ฝ่ายที่ UN เมื่อวันที่ 26 กันยายนที่ต้องการให้ข้อตกลงหยุดยิงเดิมที่ตนเองได้ผลักดันตั้งแต่แรก เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยจะให้มีกลไกบังคับไทยและกัมพูชาเพิ่มเติม เป็นต้น

5. สรุป

การประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติของของไทยในวันที่ 2 กันยายนนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกของรัฐบาลใหม่นั้น นอกจากจะทำให้ทราบว่าไทยจะชนะหรือจะได้เปรียบในสงครามกับกัมพูชาหรือไม่อย่างไรแล้ว ก็จะทำให้ผู้นำกัมพูชา ซึ่งรับรู้และเฝ้าดูการต่อสู้ของไทยมาอย่างใกล้ชิด ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะยินยอมตามเงื่อนไขของไทยหรือไม่

ที่สำคัญ การประชุมสมช.ในครั้งนี้ จะเป็นการพิสูจน์ฝีมือและบ่งบอกถึงสภาวะของผู้นำไทยในยามที่บ้านเมืองต้องเผชิญกับสงคราม ประชาชนบาดเจ็บล้มตาย เศรษฐกิจเสียหาย ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกระทบกระเทือนได้เป็นอย่างดี

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top