นิรโทษฯ‘ใคร-กลุ่มไหน’ เปิดสาระสำคัญ‘ร่าง กม.กมธ.สันติสุข’

นิรโทษฯ‘ใคร-กลุ่มไหน’ เปิดสาระสำคัญ‘ร่าง กม.กมธ.สันติสุข’

วันศุกร์ ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 14.17 น.

"กมธ.สันติสุข"ชงรายงานสภาฯพิจารณาสิ้นเดือน ต.ค. พบสาระสำคัญ ปรับกรอบนิรโทษกรรมการเมืองยาว 20 ปี ตั้งแต่ 48-68 พร้อมตั้ง กก.นิรโทษกรรม 9 คน พิจารณาคนเข้าเกณฑ์ พร้อมกำหนดให้ลบประวัติอาชญากรรม-ไม่ให้เอาผิดทางอาญา-แพ่ง ให้สิทธิเยาวชนต่ำกว่า 18 ปี ได้รับพิจารณาล้างผิด-ยุติคดี ด้านบัญชีแนบท้าย พบนิรโทษกรรมให้คนต้านรัฐประหาร คมช.49-คสช.57

เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2568 ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมาธิการ (กมธ.) สร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ. .... ที่มี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ สมาชิกพรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นประธาน กมธ.ได้พิจารณาเนื้อหาของร่างดังกล่าวแล้วเสร็จ และเสนอต่อ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ให้บรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระประชุมแล้ว ทั้งนี้ คาดว่าสภาฯ จะได้พิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าว วาระสองและวาระสาม ได้ก่อนปิดสมัยประชุมวันที่ 30 ต.ค.นี้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสาระของร่างกฎหมายดังกล่าว พบว่า กมธ.ได้แก้ไขในรายละเอียดสำคัญเมื่อเทียบกับร่างกฎหมายที่ใช้ของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เป็นฉบับหลักพิจารณา ได้แก่ ระยะเวลาที่กำหนดให้นิรโทษกรรมตามกฎหมาย คือ ตั้งแต่ 1 ม.ค.2548 จนถึง 16 ก.ค.2568 ให้แก่ผู้เข้าร่วมชุมนุมทางการเมือง หรือแสดงออกอันมีมูลเหตุมาจากความขัดแย้งหรือแรงจูงใจทางการเมือง ซึ่งปรับจากที่กำหนดห้วงเวลา 2548 - 2565

นอกจากนั้นแล้ว ในสาระสำคัญยังกำหนดบทล้างมลทินให้กับบุคคลที่เข้าร่วมชุมนุมหรือแสดงออกทางการเมือง ที่มีมาจากเหตุขัดแย้ง หรือแรงจูงใจทางการเมือง ซึ่งมีฐานความผิดเกี่ยวพันกันในการกระทำความผิดทางอาญาและทางพินัย ส่วนกรณีที่เป็นความเสียหายคดีทางแพ่งแก่หน่วยงานรัฐหรือรัฐวิสาหกิจให้ยุติการดำเนินคดี และไม่ให้หน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจฟ้องร้องเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเสียหายที่เกิดขึ้น รวมถึงหยุดการชดใช้ค่าเสียหายตามที่ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่ง แต่ไม่ได้บังคับให้คืนการชำระหนี้หรือการบังคบคดีที่เสร็จสิ้นไปแล้ว

ขณะที่กรณีการร้องขอเรื่องนิรโทษกรรม เป็นผู้ที่ยังไม่ได้ถูกฟ้องคดีต่อศาลหรืออยู่ระหว่างสอบสวนของพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการ ให้ระงับหรือยุติการสอบสวนหรือการฟ้องคดี หากผู้นั้นถูกฟ้องคดีต่อศาล และคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาให้ศาลยยุติการพิจารณาและจำหน่ายคดีออกจากสารบบ

ทั้งนี้ กมธ.ได้เพิ่มบทบัญญัติใหม่ ให้ลบประวัติความผิดทางอาญา หรือลบประวัติอาชญากรรมของผู้กระทำความผิดซึ่งได้รับการนิรโทษกรรมด้วย พร้อมกำหนดไม่ให้ใช้ประวัติอาชญากรรมนั้นไปใช้ยันบุคคลในทางที่เป็นโทษไม่ได้

ขณะที่บทยกเว้นห้ามนิรโทษกรรม ที่กำหนด ไม่ให้นิรโทษกรรมฐานความผิดทุจริต หรือ ประพฤติมิชอบ การทำผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และการกระทำผิดที่ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย หรือ การกระทำผิดต่อส่วนตัวหรือเป็นเหตุต้องรับผิดต่อบุคคลที่ไม่ใช่หน่วยงานของรัฐเป็นเฉพาะรายเฉพาะกลุ่มแล้ว กมธ.ยังเพิ่มบทบัญญัติ ห้ามนิรโทษกรรมเหตุที่ทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297

ส่วนบทบัญญัติเกี่ยวกับการตั้ง คณะกรรมการสร้างเสริมสังคมสันติสุข ยังกำหนดให้มีจำนวน 9 คน ประกอบด้วย 1.นายกฯ หรือ รองนายกฯ ที่นายกฯ มอบหมายเป็นประธาน กมธ. 2.รมว.ยุติธรรม เป็นรองประธานโดยตำแหน่ง จากเดิมที่กำหนดให้ ครม.เป็นคนเลือก

3.ปลัดกระทรวงยุติธรรม 4.เลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน 5.ผู้ทรงคุณวุฒิทางกฎหมายหรือด้านสิทธิมนุษยชน หรือ ด้านกระบวนการยุติธรรมทางอาญา 3 คน มาจาก ที่วิปสภาฯ เห็นชอบ 1 คน จากวิปฝ่ายค้านเห็นชอบ 1 คน จากที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย 1 คน

6.ผู้เชี่ยวชาญในองค์กรภาคประชาสังคมที่เกี่ยวกับการจัดการความขัดแย้งและอำนวยความยุติธรรมเป็นที่ประจักษ์ ซึ่ง ประธานสภาฯ เสนอ 1 คน และ 7.ปลัดสำนึกนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำหนดให้เป็นกรรมการและเลขานุการ

ทั้งนี้ คุณสมบัติกรรมการที่มาจากการเลือกของวิปสภา วิปฝ่ายค้าน ที่ประชุมอธิการบดี และประธานสภาฯ พบว่า กมธ.ได้ตัดข้อความที่ห้าม บุคคลเคยยเข้าร่วมชุมนุมหรือแสดงออกทางการเมือง หรือมีความเกี่ยวข้องกับผู้ประสงค์ใช้สิทธิตามกฎหมายนี้ออกไป ทำให้เหลือคุณสมบัติเพียงว่า "ไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสีย" เท่านั้น

ขณะที่หน้าที่และอำนาจของกรรมการสร้างเสริมสังคมสันติสุข พบว่า กมธ.ได้เพิ่มหน้าที่และอำนาจ ขึ้นใหม่ ใน 5 ประเด็น คือ 1.วินิจฉัยชี้ขาดการได้รับนิรโทษกรรมและการพ้นจากความรับผิดทั้งปวงตามกฎหมาย 2.รับเรื่องร้องขอการนิรโทษกรรมจากผู้ที่มีประโยชน์เกี่ยวข้อง 3.เรียกเอกสารหรือบุคคลมาให้ข้อมูลหรือข้อเท็จจริง 4.จัดทำรายงานผลดำเนินการ ประเมินสถานการณ์ และข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการสร้างเสริมสังคมสันติสุข เสนอต่อรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล และเผยแพร่ต่อประชาชน และ 5.สื่อสารสร้างความเข้าใจสาธารณะเพื่อนำไปสู่การสร้างเสริมสังคมสันติสุข

นอกจากนั้นแล้ว กมธ.ยังได้บัญญัตติมาตราใหม่ เพื่อให้ผู้กระทำความผิด ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ในขณะกระทำความผิด สามารถร้องขอกรรมการเพื่อให้ได้รับการนิรโทษกรรรมได้ และกรณีที่คณะกรรมการเห็นว่าเพื่อสมควรสร้างเสริมสังคมสันติสุข ให้จัดทำแผนแก้ไขบำบัดฟื้นฟูผู้กระทำความผิด แล้วเสนอแผนไปยังพนักงานอัยการ ให้ใช้มาตรการพิเศษแทนดำเนินคดีอาญา หรือ ให้พนักงานอัการยื่นคำร้องต่อศาลที่คดีอยู่ระหว่างพิจารณา ขอให้ใช้มาตรการสั่งยุติคดีโดยไม่ต้องมีคำพิพากษาตามกฎหมายว่าด้วยศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว และให้ศาลมีอำนาจรับฟังความเห็นของคณะกรรมการสร้างเสริมสังคมสันติสุข ประกอบพิจารณาสั่งใช้มาตรการดังกล่าว ไม่ว่าคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นใด

ร่าง พ.ร.บ.ที่ กมธ.ปรับแก้ไขนั้น ยังมีส่วนของกรอบเวลาดำเนินการ ให้เป็นไปตามกฎหมายให้เสร็จสิ้นภายใน 180 วัน จากเดิมที่ร่างกฎหมายระบุให้ทำให้เสร็จภายใน 60 วัน นับแต่ประชุมครั้งแรก และกรณีที่ทำไม่เสร็จให้สิทธิขยายเวลาทำงานได้ไม่เกิน 2 ครั้งๆ ละไม่เกิน 90 วัน

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าสำหรับบัญชีแนบท้าย พ.ร.บ.พบว่า กมธ.ได้เพิ่มคดีที่ได้รับการนิรโทษกรรม จากความผิดใน 12 ประเด็น ไปเป็น 34 ประเด็น ซึ่งพบการเพิ่มเติมใน 22 คดีความผิด อาทิ ความผิดต่อความมั่นคงภายนอกราชอาณาจักร มาตรา 124 ความผิดเกี่ยวกับศาสนา ความผิดฐานหมิ่นประมาท ความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.และ สว. พ.ศ.2541 และปี 2561 ความผิดตาม พ.ร.ป.กกต.ปี 2541 ปี 2550 ปี 2560 และปี 2561 (เฉพาะที่ไม่เกี่ยวพันกับการเลือกตั้งโดยทุจริต การเลือกตั้งที่ไม่เป็นธรรมและคุณสมบัติอันเป็นเท็จ)

รวมถึง ความผิดตาม พ.ร.บ.การเดินอากาศ พ.ศ.2497 ความผิดตาม พ.ร.บ.กสทช.ปี 2551 ความผิดตาม พ.ร.บ.ควบุคมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ.2493 ความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ ความผิดตาม พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ ความผิด ตาม พ.ร.บ.ธง ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2559

รวมถึงความผิดตามประกาศและคำสั่งหัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ประกาศและคำสั่งคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ปี 2549 ประกาศและคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และประกาศและคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

- 006

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top