กองทัพไทยลุยสร้าง‘รั้วชายแดน’
‘อรัญประเทศ’จุดแรก
เสาคอนกรีตขึงลวดหนาม
ระยะทาง5กม.สกัดผีพนัน
‘หนองหญ้าแก้ว’ระอุอีก
‘เขมร’ดื้อแพ่งไม่อพยพ
“กองทัพไทย”แจงคืบหน้าสร้าง“รั้วชายแดน” ที่อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จุดแรก ระยะทาง 5.1 กม. เป็นเสาคอนกรีตขึงลวดหนาม สูง 2 เมตร 9 ระดับ 2 ชั้น ติดวงจรปิด กันผีพนัน-สแกมเมอร์ งบ 6.5 ล้านบาท ด้านชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้วเริ่มตึงเครียด เมื่อครบกำหนดอพยพวันนี้ แต่คนเขมรดื้อแพ่ง ประกาศไม่ย้ายไปไหน ขอตายที่นี่! ขณะที่‘ผบ.ฉก.อรัญฯ’ยัน‘กกล.บูรพา’พร้อมปฏิบัติ ระบุสามารถงัด‘กฎหมายตรวจคนเข้าเมือง-ป่าไม้’ จัดการได้ทันที รอคำสั่งตามลำดับชั้นจากรัฐบาล เผยยังไร้วี่แววเขมรจะย้ายออก มีแต่เกณฑ์เด็ก-ไอโอที-กาชาดเข้าพื้นที่ วางแผนฟ้องไทยต่อสังคมโลก ส่วนมทภ.1 ส่งหนังสือตอบกลับเขมร ปมถก RBC 10-12 ต.ค. ถ้าไร้แผนอพยพคนเขมรพ้น “บ้านหนองจาน- หนองหญ้าแก้ว” ให้เลื่อนประชุมไม่มีกำหนด นายกฯ’แจงให้‘เขมร’พ้น‘บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว’ทำตามกม. ไม่ใช่ผลักดัน ย้ำถ้าเขมรถอนกำลัง ถอนอาวุธหนัก ค่อยมาเจรจากัน แต่งเครื่องแบบนายกองใหญ่ ลุยสุรินทร์ให้กำลังใจทหารแนวหน้า ร่วมวงกินอาหารเที่ยง ตักไข่พะโล้ให้กำลังพล
เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พลตรีวิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย กล่าวถึงความคืบหน้า การสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ขณะนี้หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา โดยหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 12 หรือ นพค.12 ประสานกับกองกำลังทหารพรานที่ 12 จะเข้าไปสร้างในจุดที่ไม่มีปัญหาก่อน ระยะทาง 5.1 กิโลเมตร ที่บริเวณหลักเขตแดนที่ 50-51 บ้านโคกสะแบง ตำบลท่าข้ามอำเภอ อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ใช้งบประมาณปี 2568 ของกองบัญชาการกองทัพไทย 6.5 ล้านบาท
ดีเดย์อีก2เดือนสร้างรั้วที่อรัญฯจุดแรก
พลตรีวิทัยกล่าวต่อว่า ขณะนี้มีปรับปรุงถนน เพื่อเข้าไปก่อสร้างรั้วชั่วคราวชายแดนใน 1-2 เดือนนี้ เมื่อถนนเสร็จก็สร้างรั้วได้เลย โดยรั้วชั่วคราว เสาคอนกรีตขึงลวดหนาม รั้วสูง 2 เมตรกว่า 9 ระดับ 2 ชั้น ติดกล้องวงจรปิด ที่สร้างริมคลองพรมโหด เป็นการป้องกันคนลักลอบข้ามแดนไปเล่นการพนัน หรือไปเป็นสแกมเมอร์ จากสถิติที่พบว่า เป็นพื้นที่ล่อแหลม ส่วนงบประมาณที่เพิ่มมาหลังมีการอนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ก็จะไปพิจารณาในจุดที่ทำได้ต่อ เป็นลักษณะที่เรียกว่ามองเห็นและทะลุ ไม่เหมือนการกั้นเขตแดน
‘บ้านหนองหญ้าแก้ว’ครบเดตไลน์อพยพ
ด้านพันเอก ชัยณรงค์ กาสี ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ กองกำลังบูรพา ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 ลงพื้นที่มายังบ้านหนองจาน และให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าแผนเดินหน้าปฏิบัติการทวงคืนผืนป่า ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 ในพื้นที่บ้านหนองแก้วและบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว
พันเอกชัยณรงค์กล่าวว่า ตามที่กรมป่าไม้ได้แจ้งความไว้ที่ สภ.โคกสูง ตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน 2568 ว่าให้ชาวกัมพูชาที่บุกรุกพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อพยพออกจากพื้นที่ภายใน 15 วัน ซึ่งวันนี้ 3 ตุลาคมครบกำหนดแล้ว ดังนั้น หลังจากนี้จะเป็นขั้นตอนตามกฎหมาย เช่นเดียวกับในพื้นที่บ้านหนองจาน ที่กรมป่าไม้แจ้งความไว้เมื่อ 25 กันยายน 2568 ก็จะครบกำหนดที่ชาวกัมพูชาต้องอพยพออกจากพื้นที่ภายในวันที่ 10 ตุลาคมนี้ แต่ในส่วนกองกำลังบูรพา ต้องรอฟังคำสั่งจากกองทัพภาคที่ 1 อีกที ถึงจะดำเนินการอะไรได้ ดังนั้น การจะผลักดันได้ ต้องทำร่วมกันหลายส่วน ทั้งด้านจ.สระแก้วและกรมป่าไม้ด้วย
ไร้วี่แววอพยพ-ขนเด็ก/IOT/กาชาดเข้าพื้นที่
“แต่ดูเหมือนว่าเขมรจะเตรียมตัว อย่างเช้าวันนี้นำคณะ IOT กับเหล่ากาชาดกัมพูชาและเด็ก เข้ามาอยู่ในพื้นที่บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว คล้ายกับว่าเขากำลังจะสร้างให้เกิดภาพความรุนแรงจากฝั่งไทยอยู่แล้ว ส่วนท่าทีการอพยพของชาวเขมรในพื้นที่ ที่มีการบุกรุกทั้งบ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว ปัจจุบันไม่มีท่าทีจะอพยพออกไป และผู้นำก็ไม่ได้ส่งแผนอพยพกลับมาด้วย”พันเอกชัยณรงค์ กล่าว
เผยชัดกม.เข้าเมือง-ป่าไม้จัดการได้ทันที
และว่า ถ้าเขมรที่บุกรุกแผ่นดินไทย ไม่ปฏิบัติตามข้อความที่มีการปักป้าย ก็ต้องถูกดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง 2522 และพ.ร.บ.ป่าไม้ ได้ตามอำนาจหน้าที่ทางกฎหมาย อย่างพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว จริงๆแล้วดำเนินคดีได้เลยนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แต่ก็ต้องอยู่ในช่วงเหมาะสม และเน้นย้ำอีกครั้งว่ากองกำลังบูรพาก็ต้องรอคำสั่งการจากแม่ทัพภาคที่ 1 ให้ดำเนินการตามกรอบอีกที
กกล.บูรพาพร้อมแค่รอคำสั่งมทภ.1-2/รบ.
พันเอกชัยณรงค์กล่าวยืนยันว่า ตอนนี้กองกำลังบูรพาเตรียมการหมดแล้ว ถ้าพูดแบบภาษาชาวบ้านคือพร้อมปฏิบัติทุกอย่าง แต่ต้องปฏิบัติตามกรอบแม่ทัพภาคที่ 1 และแม่ทัพภาคที่ 1 ก็ต้องรอคำสั่งจากกองทัพบก แล้วกองทัพบกก็ต้องฟังรัฐบาลอีกที
“ส่วนคำพูดแม่ทัพภาคที่ 1 ที่ให้สัมภาษณ์เมื่อวานว่า จะดำเนินการทันทีเมื่อได้เปรียบคือ ถ้าเราปฏิบัติไปแล้ว เราชนะและไม่เสียเชิงทั้งด้านการเอาพื้นที่คืนและด้านเวทีโลกก็ทำได้”พันเอกชัยณรงค์ กล่าว
บีบเขมรส่งแผนอพยพในRBCไม่มีเลื่อนยาว
วันเดียวกัน แหล่งข่าวจากกองทัพภาคที่ 1 เผยว่า หลังกัมพูชาส่งหนังสือเชิญกองทัพภาคที่1 ประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) ในวันที่ 10-12 ตุลาคม ที่บันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา เพื่อประชุมติดตามการดำเนินการต่อจากข้อตกลงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) เมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา เรื่องปราบสแกมเมอร์ การเก็บกู้ทุ่นระเบิด การจัดระเบียบชายแดน โดยพล.ท.วรยส เหลืองสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 1 สั่งให้ทภ.1 ทำหนังสือตอบกลับเขมรว่า ถ้าการประชุม RBC วันที่ 10-12 ตุลาคม ไม่มีหัวข้อหารือเรื่องแผนอพยพคนเขมรออกจากบ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ก็ขอเลื่อนประชุมออกไปก่อน จนกว่าเขมรจะนำเรื่องดังกล่าวมาหารือ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากกองทัพภาคที่1 ยังไม่ได้ประชุม RBC ในส่วนกองทัพภาคที่ 2 และ กองบัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด(กปช.จต.) ก็ไม่มีการประชุม RBC เช่นกัน จนกว่ากองทัพภาคที่1จะมีความเรียบร้อย สำหรับการประชุม GBC ระหว่างพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม และ พล.อ.เตียเซรยฮา รองนายกฯและรมว.กลาโหม กัมพูชา ก็เกิดขึ้นไม่ได้ถ้าประชุม RBC ใน 3 พื้นที่ ยังไม่แล้วเสร็จ
เขมรดื้อแพ่ง!ลั่นไม่ย้ายยอมตายที่สระแก้ว
วันเดียวกัน สำนักข่าว Khmer Times ของเขมรรายงานว่า ชาวเขมร ในพื้นที่หมู่บ้านโจกเจยและเปรยจัน (บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว) ประกาศไม่ยอมย้ายออกจากพื้นที่ หลังใกล้ถึงกำหนดเส้นตายผลักดันออกจากพื้นที่ของกองทัพไทย โดยชาวบ้านเขมรให้คำมั่นว่า พร้อมปกป้องทรัพย์สินของตน แม้ฝ่ายไทยจะขู่รื้อถอนหากไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง และต้องยอมเสียชีวิตก็ตาม
ขณะที่ความตึงเครียดเพิ่มสูงขึ้นในหมู่บ้านโจกเจย และเปรยจันจากภัยคุกคามจากปฏิบัติการทางทหารของไทย ทางการเขมรปิดถนนบางส่วนใกล้ลวดหนามและฐานทัพ ขณะเดียวกันก็เฝ้าติดตามกิจกรรมทางทหารของไทยที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงการเคลื่อนกำลังพล ยุทโธปกรณ์หนัก และการตรวจสอบในพื้นที่พิพาท ผู้สังเกตการณ์รายงานว่ามีรถถัง รถหุ้มเกราะแปดล้อ ปืนใหญ่ รถบรรทุกน้ำขนาดใหญ่ และรถสนับสนุนจอดอยู่ฝั่งตรงข้ามกับโจกเจย
Khmer Times ระบุอีกว่า จ.สระแก้วของไทยสั่งให้คนเขมรในพื้นที่เปรยจันหรือหนองหญ้าแก้ว ทำลายหรือย้ายออกจากบ้านที่พวกเขาอาศัยอยู่มานานหลายทศวรรษภายในวันที่ 3 ตุลาคม มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายคนเข้าเมืองและพ.ร.บ.ป่าไม้ของไทย ทำนองเดียวกัน ชาวบ้านในหมู่บ้านโจกเจยหรือหนองจาน ถูกสั่งให้ออกจากพื้นที่ภายในวันที่ 10 ตุลาคม โดยถูกขู่ว่าจะจับกุมดำเนินคดีถ้าไม่ทำตาม
ทบ.ยังไม่พบทหารแขมรล้ำแดนที่สุรินทร์
ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีเพจ Thai Burma railway โพสต์ข้อความตั้งข้อสังเกตปราสาทคนา และช่องระยี จังหวัดสุรินทร์ อาจถูกเขมรเข้ายึดหลังพบมีการสร้างบันไดไม้ว่า กองทัพยังไม่ได้รับข้อมูล ได้ยินสื่อมวลชนพูดถึงอยู่ อาจต้องถามในพื้นที่ของจังหวัดสุรินทร์ และกองทัพภาคที่ 2 อีกครั้ง ส่วนถ้าพบการรุกล้ำสร้างบันได ฐานทหารต้องรื้อออกไปหรือไม่นั้น เรื่องนี้ ต้องดำเนินการเหมือนกันอยู่แล้ว ถ้าเป็นพื้นที่อธิปไตยของไทย หลักการนี้ต้องทำเหมือนกัน เพียงแต่ความละเอียดอ่อนแต่ละพื้นที่ต่างกัน ถ้าเป็นเรื่องฝ่ายทหาร ก็ต้องใช้วิธีแบบทหาร ถ้าเป็นประชาชนอย่างที่สระแก้ว ก็ต้องดำเนินการแบบประชาชน ส่วนกรณีมีการเผยแพร่คลิปวีดีโอทหารเขมรลอดรั้วลวดหนามเข้ามาฝั่งไทยนั้น ยังไม่ได้รับรายละเอียด ซึ่งธรรมชาติการปฎิบัติงานในพื้นที่ ทำแบบนี้ไม่ได้ ถ้าพบก็ต้องดำเนินการแน่นอน ส่วนถึงขั้นต้องใช้อาวุธหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่นั้น
นายกฯย้ำใช้กม.ไทยจัดการเขมรป่วน
ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการผลักดันคนเขมรออกจากบ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว ในวันที่ 10 ตุลาคม แต่คนเขมรประกาศไม่ยอมออกจากพื้นที่ว่า พื้นที่ตรงนี้เป็นของไทย เราจะดำเนินการตามกฎหมายของประเทศไทย ไม่มีหรอกที่จะให้คนที่ไม่ได้ถือสัญชาติไทยมาทำผิดกฎหมายในประเทศไทย
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะใช้หลักกฎหมายอะไรผลักดัน นายกฯกล่าวว่า ต้องใช้หลายกฎหมายประกอบกัน กลุ่มคนพวกนี้คือ คนทั่วไป เราต้องปฏิบัติกับเขาอีกวิธีหนึ่ง ซึ่งเราต้องไม่ทำให้เขาเดือดร้อน ไม่ใช่การผลักดันหรืออุ้มกันออกไป แต่เราจะใช้วิธีทางกฎหมาย การพูดคุยกันให้มากที่สุด ส่วนที่ระบุวันที่ 10 ตุลาคมนั้น เป็นการตั้งไทม์ไลน์ของผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว แต่การปฏิบัติ เราต้องดูหลายมิติ สิ่งที่เป็นประเด็นอันตรายตอนนี้คือ เรื่องชายแดน เราต้องดูเรื่องปะทะ การเตรียมความพร้อม การผลักดันให้ออกไปก็เป็นส่วนหนึ่งของการเจรจา ถ้าคุณถอนอาวุธหนัก ถอนกับระเบิด ถอนเรื่องกองกำลังออกไป เราก็มาเจรจากันในเรื่องพวกนี้ คุณก็ต้องหาสถานที่เอาคนของคุณออกไปยังอาณาเขตของคุณ ถ้าเป็นแบบนี้เรายังพูดคุยกันได้ ไม่ใช่การผลักดัน ในขณะที่การเผชิญหน้ากันยังมีอยู่ ต้องจัดลำดับ
นายกฯควง3รมต.ตรวจราชการสุรินทร์
จากนั้นเวลา 11.45 น.นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เดินทางลงพื้นที่จ.สุรินทร์ เตรียมปฏิบัติภารกิจติดตามช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยนายกฯ สวมเครื่องแบบกองอาสารักษาดินแดน ประดับยศนายกองใหญ่ (เทียบเท่า พลเอก) ซึ่งเป็นยศของรมว.มหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการกองอาสารักษาดินแดน กระทรวงมหาดไทย
ต่อมาเวลา 12.00 น.นายกฯ เดินทางถึงกองกำลังสุรนารี ค่ายวีรวัฒน์โยธิน ต.นอกเมือง อ.เมืองสุรินทร์ เป็นประธานประชุมติดตามสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-เขมร มีพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รมช.กลาโหม และหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
ร่วมกินข้าวเที่ยงตักไข่พะโล้ให้ทหารกล้า
เวลา 12.30 น.นายกฯลงพื้นที่อ.พนมดงรัก ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจทหารที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ฐานปฏิบัติการสามแยก กองพันทหารราบที่ 21 หน่วยเฉพาะกิจที่ 2 กองกำลังสุรนารี บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น นายกฯร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับกำลังพล เป็นอาหารถาดหลุม มีเมนูผัดมาม่า ยำปลากระป๋อง ไข่เจียว กล้วยน้ำว้า โดยนายกฯตักไข่พะโล้ใส่จานให้นายทหารที่นั่งร่วมโต๊ะ พร้อมพูดคุยสอบถามความเป็นอยู่ และการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นห่วง
นายกฯกล่าวว่า รัฐบาลพร้อมสนับสนุนสวัสดิการและอุปกรณ์การปฏิบัติงาน เพื่อให้ทหารทุกนายสามารถทำหน้าที่ได้อย่างมั่นใจและเต็มที่ในการปกป้องอธิปไตย และความมั่นคงของชาติ รวมถึงขอให้กำลังพลทุกนายปฏิบัติหน้าที่ด้วยความปลอดภัย ต่อมานายอนุทินโพสต์คลิปวิดีโอ ขณะกำลังร่วมรับประทานอาหาร และตักอาหารให้ทหารแนวหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมระบุ ข้อความว่า “What a great pride and honor to serve our heroes” หรือ “ถือเป็นความภาคภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ทำหน้าที่รับใช้วีรบุรุษของเรา”
เยี่ยมปราสาทตาเมือนลั่นทหารสะกดแพ้ไม่เป็น
เวลา 15.00 น. นายกฯกล่าวถึงการลงพื้นที่ปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์ เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจทหารแนวหน้าว่า ผู้ปฏิบัติตอนนี้เตรียมพร้อม เพราะตรงนั้นเป็นจุดที่ฝั่งกัมพูชา คนเขมรสามารถข้ามเข้ามาในเขตแดนไทยได้ มีทางเดิน เราจึงต้องเตรียมพร้อม ตรงนั้นคือ ด่านแห่งหนึ่ง ที่ทหารก็มีความพร้อมที่จะไม่ให้เกิดการรุกล้ำเข้ามาของฝ่ายตรงข้ามอย่างแน่นอน ส่วนที่บอกว่าทหารไทยสะกดคำว่า แพ้ไม่เป็น นายอนุทิน ถึงกับร้องว่า อ้าว ทหารไทย จะแพ้ใครได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี