แนวหน้าวิเคราะห์ : 4 เดือนเพื่ออีก 4 ปี ‘รัฐบาลอนุทิน’ต้องเร่งทำผลงาน

แนวหน้าวิเคราะห์ : 4 เดือนเพื่ออีก 4 ปี ‘รัฐบาลอนุทิน’ต้องเร่งทำผลงาน

วันจันทร์ ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 07.00 น.

เริ่มต้นนับหนึ่งไปแล้ว สำหรับการทำงานของรัฐบาลอนุทิน ชาญวีรกูล ที่เข้าบริหารราชการแผ่นดินตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 หลังการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา พร้อมกับคำประกาศว่าจะยุบสภาในวันที่ 31 มกราคม 2569 ตามกำหนดระยะเวลา 4 เดือน จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งใหญ่ทั่วประเทศ ซึ่งตามไทม์ไลน์กว่าจะมีรัฐบาลชุดใหม่ก็จะใช้เวลาอีกประมาณ 10 เดือน

จากนี้ไปรัฐบาลที่มีแกนหลักคือพรรคภูมิใจไทยจึงต้องทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ และทุกอย่างต้องเห็นภาพอย่างรวดเร็วและชัดเจนที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะจุดมุ่งหมายคือคะแนนเสียงในการเลือกตั้งครั้งหน้า


ที่ผ่านมาไม่กี่วัน จะเห็นว่ารัฐบาลชุดนี้ได้รับเสียงชื่นชมอย่างน่าชื่นใจ ซึ่งมาจากการทำงานของรัฐมนตรีคนนอกที่เป็นมืออาชีพที่เชี่ยวชาญในสายงานของแต่ละท่าน ทำให้งานรวดเร็ว คมชัด ฉับไว ตอบโจทก์คนไทยที่เบื่อหน่ายกับการแต่งตั้งนักการเมือง หรือกลุ่มทุนเข้ามาเป็นรัฐมนตรี ตามโควต้าเก้าอี้ตำแหน่งต่างๆ

ยกตัวอย่างผลงานของรัฐบาลอนุทินที่ปรากฏให้เห็นเด่นชัด และเข้าตาประชาชนแบบจังๆ ก็คือ “คนละครึ่งพลัส” ที่กำกับดูและโดย เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่จะเริ่มส่งเงินเข้ากระเป๋าประชาชนในวันที่ 29 ตุลาคม 2568 และใช้จับจ่ายใช้สอยยาวไปจนถึงสิ้นปี โดยมีการเพิ่มจำนวนเงินเข้าไปในวงเงินจากเดิม 150 บาท ขึ้นไปเป็น 200 บาทต่อวัน

พร้อมกันนี้ยังให้สิทธิ์ร้านค้านิติบุคคลรายย่อยเข้าร่วมได้ จากเดิมที่จำกัดเฉพาะบุคคลธรรมดา และ“แพ็กเกจพลัส” ผู้ที่อยู่ในระบบภาษี จะได้รับสิทธิ์รวมมากกว่า 2,400 บาท เพื่อสร้างแรงจูงใจ และทำให้เห็นประโยชน์จากการเสียภาษี

ส่วนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจากเดิม 300 บาท ก็มีการเติมเงินเข้าไปอีก 1,700 บาท รวมเป็น 2000บาท ให้ผู้ถือบัตร 13.4 ล้านคน ให้ 2 เดือนปลายปีด้วย

ขณะที่ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ก็ได้รับเสียงชื่นชมอย่างมาก ตั้งแต่วันที่รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งนางศุภจีชี้แจงเรื่องต่างๆ ได้อย่างแจ่มชัด โดยมีเป้าหมายการทำงานอยู่ที่พัฒนาเศรษฐกิจของชาติบ้านเมืองให้ดีขึ้นเป็นที่ตั้ง แตกต่างจากนักการเมืองน้ำเน่า ทำให้นางศุภจี ทำให้เป็นที่ยอมรับในสภาฯ และสังคมได้ภายในระยะเวลาอันสั้น

ทั้งนี้ นางศุภจี ได้มอบนโยบายการทำงาน แก่ผู้บริหารระดับสูง ข้าราชการ พาณิชย์จังหวัด และทูตพาณิชย์ไทยในต่างประเทศ โดยกำหนดแนวทางการทำงานให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในระยะสั้น ภายใต้แนวทาง “Quick Big Win” ที่เน้นความร่วมมือกับทุกฝ่าย โดยทำสั้น ให้ได้ผล และกระจายตัวให้ทุกคนได้ประโยชน์ และมุ่งให้เกิดผลสัมฤทธิ์ทางเศรษฐกิจโดยเร็ว พร้อมสร้างรากฐานที่มั่นคง และยั่งยืนต่อไปในระยะยาว

โดยนโยบายที่นางศุภจีมอบให้กระทรวงพาณิชย์ ได้แก่ 1.ภาษีสหรัฐ และการเจรจาการค้า 2.การค้าชายแดนไทย–กัมพูชา 3. FTA และบุกตลาดใหม่ 4.ดูแลค่าครองชีพประชาชน 5.รักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตร 6.เสริมแกร่งผู้ประกอบการ SMEs และเพิ่มมูลค่าสินค้าไทย 7.ปรับกฎระเบียบ และใช้เทคโนโลยีเร่งปรับปรุงกฎหมาย และระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อธุรกิจ

รัฐมนตรีคนนอกอีกท่านหนึ่งที่เริ่มงานในตำแหน่งใหม่ได้น่าประทับใจก็คือ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ที่ได้กล่าวถ้อยแถลงบนเวทีประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่นครนิวยอร์ก ตอบโต้กัมพูชาเกี่ยวกับสถานการณ์ปัญหาชายแดนไทย – กัมพูชาได้อย่างหมดจด โดยได้ชี้แจงว่าคนไทยได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไม่สงบชายแดนที่แท้จริง ไม่ใช่กัมพูชาที่ยังคงแสดงบทเหยื่ออย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังยั่วยุไทยซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ท่านรัฐมนตรีสีหศักดิ์ ยังได้กล่าวตอนหนึ่งว่า “ประเทศไทยขอเลือกเส้นทางแห่งสันติภาพ เพราะเราเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ประชาชนของทั้งสองประเทศสมควรได้รับ แต่เราก็มีข้อสงสัยว่ากัมพูชา ตั้งใจที่จะร่วมมือกับเราในการมุ่งสู่สันติภาพหรือไม่”

การชี้แจงต่อหน้าตัวแทนนานาอารยประเทศบนเวทีดังกล่าว ได้รับเสียงปรบมือ และคำชื่นชมอย่างล้นหลาม

อาจไม่ได้ยกการทำงานของรัฐมนตรีอีกหลายท่าน แต่นี่คือตัวอย่างของผู้ที่สามารถเรียกความเชื่อมั่นให้รัฐบาลได้เต็มๆ ตั้งแต่เพิ่งเริ่มงาน

แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าภาพรวมของรัฐบาลอนุทินจะผ่านฉลุยไปได้ทั้งหมด เพราะอีกด้านหนึ่ง รัฐมนตรีที่มาจากนักการเมืองก็ยังสลัดภาพความจำเจ อารมณ์ยี้ของประชาชนไม่หลุด ยังมีคำถาม ข้อสงสัยเรื่องของตัวบุคคล จริยธรรม โควตา การสืบทอดตำแหน่ง ซึ่งตรงอาจจะเป็นส่วนที่ฉุดดึงคะแนนนิยมของรัฐบาลอนุทินก็เป็นได้

เพราะฉะนั้น ช่วงเวลาที่เหลือจากนี้ ทางเดียวที่รัฐบาลอนุทินจะเรียกศรัทธา เก็บคะแนนเสียงในการเลือกตั้งสมัยหน้าให้ได้เป็นกอบเป็นกำก็คือทุกคนในรัฐบาลต้องทำงานอย่างเต็มที่ ทำให้ดีที่สุด

- ทีมข่าวแนวหน้า

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top