วันที่ 8 ตุลาคม 2568 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์คลิปพร้อมเนื้อหาบนเฟซบุ๊ก ระบุว่า “จับประเด็น แคมเปญเพื่อไทย”
ผมได้ติดตามการจัดแคมเปญของพรรคเพื่อไทย ในหัวข้อ “ยกเครื่องเพื่อไทย ยกเครื่องประเทศไทย” ซึ่งนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้กล่าวปาฐกถา พอจะสรุปเป็นประเด็น และแสดงถึงนัยยะทางการเมือง หรือความหมายทางการเมือง ที่น่าจับตาอยู่หลายประเด็น เช่น
1.บอกว่า “อยากจะขอบคุณทุกท่านที่ยังอยู่กับพวกเราในวันนี้ ขอบคุณที่ต่อสู้ทุกกระแสข่าว ขอบคุณที่อยู่มายาวนานและยังอยู่กับพวกเราต่อไป ทุกๆท่านทราบว่า ที่แห่งนี้เป็นมากกว่าพรรคการเมือง ที่นี่คือบ้านของคนเพื่อไทย และที่นี่จะไม่มีวันทิ้งกันไปไหน” ซึ่งเป็นคำกล่าวที่สื่อให้เห็นว่าผพรรคเพื่อไทยคือมรดกของครอบครัวชินวัตร ที่เป็นมากกว่าพรรคการเมือง ก็เพราะมีเจ้าของ มีหัวหน้าครอบครัว จึงพยายามสื่อและตอกย้ำให้เห็น ซึ่งก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยได้มีการจัดตั้งองค์กรครอบครัวเพื่อไทย มีนางสาวแพทองธารเป็นหัวหน้าครอบครัว วันนี้เมื่อมาเป็นหัวหน้าพรรคพรรคเพื่อไทย ก็คือมรดกของครอบครัวชินวัตร
2.มีการกล่าวตอนหนึ่งว่า “ต่อจากนี้ไม่มีเส้นทางเส้นทางที่เลี้ยวอ้อมไปทางไหน จะมีแต่เส้นทางที่ตรง และชัดเจนในการตัดสินใจ เปลี่ยนแปลงทำให้เป็นเอกภาพ” นางสาวแพทองธารคงจะสื่อความหมายว่า ที่ผ่านมามีการบงการโดยนายทักษิณ ชินวัตร เจ้าของพรรค มีการวิ่งทางลัด มีการวิ่งทางอ้อม มีการวิ่งล็อบบี้ เข้าหาศูนย์อำนาจ คือนายทักษิณ แต่วันนี้เมื่อนายทักษิณติดคุก นางสาวแพทองธารเป็นหัวหน้าพรรค และเป็นลูกสาวของเจ้าของพรรค การติดต่อใดๆ ไม่มีการติดต่อทางอ้อม สามารถติดต่อโดยตรงผ่านหัวหน้าพรรคได้
3.“มีหลายคนพูดว่า พรรคเพื่อไทยถึงทางตันแล้ว ใกล้จะตาย สูญพันธุ์ ดิฉันไม่เคยเชื่อแบบนั้น เพราะถ้าจะสูญพันธุ์ พรรคนี้สูญพันธุ์ไปนานแล้ว” คงจะมีคำกล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณติดคุก ก็อาจจะแตกสลายหรือสูญพันธุ์ แต่สำหรับผมเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยคงไม่สูญพันธุ์ แต่พรรคเพื่อไทยไม่ได้โตไปกว่าเดิม จะเล็กลงกว่าเดิม ถ้าดูจากผลการสำรวจของสำนักต่างๆ ก็พบว่าพรรคเพื่อไทยมีคะแนนนิยมตกต่ำลงไปมาก แสดงให้เห็นว่า พรรคเพื่อไทยจะเป็นพรรคเล็กหรือพรรคกลาง จะไม่เป็นขั้วทางการเมืองอีกแล้ว จึงยืนยันได้ว่าพรรคเพื่อไทยไม่สูญพันธุ์ แต่ไม่ได้โตไปกว่าเดิม
4.บอกว่า“พรรคเพื่อไทยผ่านทั้งการรัฐประหารมา2ครั้ง มีการยุบพรรค2พรรค การตัดสิทธิ์กรรมการบริหารเกือบ 200 คน และการปลดนายกรัฐมนตรีจากการเลือกตั้งถึง6คน โดยผู้ก่อรัฐประหารถูกดำเนินคดี ในขณะผู้ก่อตั้งพรรคถูกจองจำ” ความหมายก็คือว่า พรรคเพื่อไทยถูกกลั่นแกล้งจากอำนาจนอกระบบ คือคณะรัฐประหาร แต่มีการตั้งคำถามกลับไปยังพรรคเพื่อไทยว่า เหตุไฉน ทำไมพรรคเพื่อไทยจึงยอมร่วมมือกับคณะรัฐประหารจัดตั้งรัฐบาล เป็นการตี2หน้า ด่าทหารด่าคณะรัฐประหาร ในขณะเดียวกันก็ร่วมมือกับคณะรัฐประหารจัดตั้งรัฐบาล
5.ตอบคำถามผู้สื่อข่าว เมื่อถามถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีว่า 1ใน3 เป็นบุคคลที่มาจากตระกูลชินวัตรหรือไม่ นางสาวแพทองธารตอบว่า“ไม่มี ยังไม่มี” ความหมายคือว่า ไม่มีคือไม่มีเลย หรือตอนนี้ยังไม่มี หรือมีแต่ไม่ใช่นามสกุลชินวัตร อาจจะเป็นนามสกุลคุณากรวงศ์ ที่ชื่อณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ที่เป็นลูกเขยของนายทักษิณใช่หรือไม่
6.เมื่อมีการแต่งตั้งนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นผู้อำนวยการเลือกตั้ง นายสุริยะได้ประกาศว่า พรรคเพื่อไทยจะมีส.ส.จำนวน 200 คนบวกลบ10 และวิเคราะห์ไปถึงพรรคประชาชนว่า คะแนนนิยมตกต่ำได้ส.ส.ประมาณ 100 คน และขณะที่พรรคภูมิใจไทยเดิมมี 70 คน ดึงส.ส.จากพรรคการเมืองอื่นเข้ามา รวมแล้วได้ไม่น่าเกิน 120 คน ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ของนายสุริยะ เข้าข้างพรรคเพื่อไทย แต่ในข้อเท็จจริงเชื่อว่า พรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชนคะแนนน่าจะตรงกันข้าม ก็คือพรรคประชาชนน่าจะมีจำนวนส.ส. 150-200 คน ในขณะที่พรรคเพื่อไทยน่าจะมีส.ส.ไม่ถึง 100 คน
การที่พรรคเพื่อไทยจัดแคมเปญ“ยกเครื่องเพื่อไทย ยกเครื่องประเทศไทย” น่าจะเป็นการจัดกิจกรรมทางการเมือง ที่ปลุกขวัญกำลังใจของคนเพื่อไทย ที่กำลังแตกกระเจิงอยู่ในขณะนี้ ให้กลับมาอยู่ในสังกัดของพรรคเพื่อไทยเหมือนเดิม ซึ่งยังมีเวลาอีกระยะหนึ่ง จะถึงการเลือกตั้ง ต้องจับตาดูกันว่า จะมีสมาชิกที่ลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทยอีกกี่คน และพรรคเพื่อไทยจะได้รับเลือกตั้งเข้ามาจำนวนกี่คน จะเป็นไปตามคำคุยหรือคำโฆษณาของผู้อำนวยการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยหรือไม่ อีกไม่นานจะได้รู้กัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี