นายกฯตรวจเขื่อนเจ้าพระยา มอบนโยบาย ขรก.สั่งเร่งระบายน้ำ-จ่ายเยียวยา เข็น 9 โครงการ สทนช. บอกสำเร็จเพียงโครงการเดียว เผยวางรากฐาน 4 เดือนให้รัฐบาลหลังเลือกตั้งสานต่อ ยันพรรคร่วม รบ.ยุคนี้ เข้าใจกันมากกว่า รบ.ในอดีต ด้าน"ศักดา"มั่นใจน้ำไม่ท่วมเหมือนปี 54
เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เดินทางถึงเขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท โดยมี นายภราดร ปริศนานันทกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี , นายอนุชา นาคาศัย อดีตรมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะ สส.ชัยนาท พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) , นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย (ภท.) , นางนันทนา สงฆ์ประชา สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย และนายโชติวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ สส.สิงห์บุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) รอต้อนรับ
จากนั้น นายกฯ เป็นประธานการประชุมสรุปสถานการณ์น้ำ และแผนบรรเทาอุทกภัยลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท รายงานสภาพปัญหาในพื้นที่ นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) รายงานสถานการณ์น้ำและแผนบรรเทาอุทกภัย และกรมชลประทาน รายงานการบริหารจัดการน้ำและความก้าวหน้าแผนบรรเทาอุทกภัยลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง
จากนั้น นายอนุทิน มอบหมายให้นายศักดา กล่าวมอบนโยบาย ตอนหนึ่งว่า เวลานี้ประชาชนเป็นห่วงว่าน้ำจะท่วมกรุงเทพฯ หรือไม่ สถานการณ์จะเหมือนปี 2554 หรือไม่ ซึ่งปี 2554 เขื่อนปล่อยน้ำ 4,300 ลบ.ม.แต่วันนี้ปล่อย 2,800 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จึงเชื่อว่าจะไม่เหมือนปี 2554 ขอให้สบายใจ และท้ายน้ำ จ.ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง น้ำจะน้อยลง ดังนั้น โอกาสที่น้ำฝนจะมาเติมจากน้ำที่ปล่อยจากเขื่อนจะน้อยลง ทั้งนี้ ประชาชนเป็นห่วงว่าเราเกิดเหตุน้ำท่วมทุกปีไม่มากก็น้อย เมื่อปริมาณน้ำเหนือมากขึ้น ประกอบกับฝนที่ตกลงมา ทำให้น้ำในลำคลองแม่น้ำไม่สามารถระบายออกได้ และเอ่อท่วม ทำให้ชาวบ้านเสียหาย จึงต้องฝากผู้ที่รับผิดชอบดูแลเรื่องนี้ รวมถึงเรื่องที่นายกฯ เป็นห่วงจากสถานการณ์น้ำท่วม และสั่งการให้เร่งดำเนินการเรื่องเงินเยียวยาประชาชนที่ประสบอุทกภัย
ด้าน นายภราดร กล่าวว่า นายกฯ ได้เร่งรัดเรื่องการเยียวยาประชาชนโดยเร็วที่สุด เกิดเหตุปีนี้ต้องเร่งทำให้เร็วที่สุด ไม่ใช่เกิดปีนี้ชดเชยปีนี้ปีหน้า แล้วเรื่องที่กำลังจะเข้า ครม.ในวันที่ 14 ต.ค.นี้ จะมีวงเงิน 6 แสนล้านบาท ใช้งบประมาณกว่า 6,000 ล้านบาท จากนั้น ครม.จะอนุมัติเป็นรอบๆ ไปนอกจากนั้นขอฝากกรมชลประทาน ในเรื่องของการก่อสร้างขนาดใหญ่ ให้เร่งรัดดำเนินดำเนินการในพื้นที่ที่ระบุว่าจะเสร็จในปี 2573 และ 74 อาจจะช้าไป โดยให้เร่งเร็วเพื่อที่จะเป็นประโยชน์และแก้ปัญหาให้มาก เช่น พื้นที่บางบาล-บางไทร และพื้นที่ป่าสัก-อ่าวไทย หากเรื่องสรุปเข้าคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ จะเริ่มนับหนึ่งทำโครงการได้เร็ว เพื่อเป็นทางออกหลักในการแก้ปัญหาน้ำท่วมในลุ่มน้ำดจ้าพระยา ที่จะตัดน้ำ 800 - 900 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็นการแก้ปัญหาระยะยาว ส่วนที่ สทนช.ระบุว่าจะมี 11 ทุ่งรับน้ำในลุ่มเจ้าพระยา เห็นว่ายังมีมากกว่านี้ที่สามารถรับน้ำได้ ขอให้กรมชลประทานเร่งทำความเข้าใจการรับน้ำเข้าทุ่ง ไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน สามารถผ่านน้ำเข้าทุ่งได้ที่ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ รวมถึง จ.ชัยนาท ยังมีพื้นที่ลำน้ำได้ แต่ที่ผ่านมายังไม่มีการระบายน้ำ เพราะยังไม่ได้ตกลงกับประชาชน จึงขอให้เร่งทำข้อตกลงกับประชาชน เพื่อจะเก็บน้ำได้ถึง 400 - 500 ล้านลูกบาศก์เมตร
โดย นายกฯ กล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า วันนี้พวกตนไล่ตรวจสถานการณ์น้ำท่วมตั้งแต่ จ.พิจิตร ลงมา ขณะที่ จ.พิจิตร ค่อนข้างจะหนักหนาสาหัสพอสมควร โดยเฉพาะ อ.ตะพานหิน มีน้ำท่วมจำนวนมาก ตอนอยู่บนเฮลิคอปเตอร์แล้ว มองดูจากที่สูงยิ่งเห็นถึงจำนวนปริมาณน้ำ ใช้คำว่าก้อนน้ำที่มีเยอะมาก เราจะต้องเร่งช่วยเหลือ แต่ทราบมาว่าช่วงนี้เข้าสู่ปลายฤดูฝนแล้ว คาดว่าถ้าไม่มีปริมาณน้ำฝนเติมเข้ามาอีก สถานการณ์น่าจะลดระดับความรุนแรงลงภายในระยะเวลา 2 - 3 สัปดาห์ แต่สำหรับเรา 2 - 3 สัปดาห์ฟังดูเป็นเรื่องธรรมดา แต่ชาวบ้านที่ต้องอาศัยอยู่ในบ้านเรือนที่มีน้ำท่วมขัง 1 ชั่วโมงก็มีความลำบากแสนสาหัสอยู่แล้ว ฉะนั้น ตนอยากจะฝากให้ข้าราชการที่เกี่ยวข้องได้คำนึงถึงความจำเป็นเร่งด่วน และหาวิธีในการที่จะแก้ไขปัญหาคลายความทุกข์ความลำบากของประชาชนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
นายกฯ กล่าวต่อว่า ตนเป็นหัวหน้ารัฐบาล ก็คงจะต้องมอบกรอบการทำงานให้ทุกท่านเป็นกรอบที่กว้าง เพื่อที่ทุกท่านจะได้นำไปแยกและปฎิบัติตามภารกิจและหน้าที่ของท่านที่รับผิดชอบต่อไป โดยเมื่อต้องการการสนับสนุนด้านใดที่ทางรัฐบาลจะต้องดำเนินการ ตนก็พร้อมที่จะสนับสนุนการทำงาน คือการทำงานแบบของตน คือลงไปสั่งงานเป็นวิศวกรเองคงไม่ได้ หรือใครบอกให้สร้างฝายที่นั่น สร้างเขื่อนที่นี่ ทำทางระบายน้ำตรงนี้ ตรงนั้นได้ เราไม่สามารถไปกำหนดการได้ ในฐานะที่ตนเป็นหัวหน้ารัฐบาล ขอสั่งการกรอบในการดำเนินงาน เรื่องของการเยียวยาประชาชนในทุกมิติ ไม่ใช่เฉพาะเอาสตางค์ไปปลอบขวัญเขา แต่จะต้องรวมไปถึงการชดเชยความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับทรัพย์สินบ้านเรือน ตลอดจนโอกาสในการสร้างรายได้ที่เขาสูญเสียไปจากการเกิดสถานการณ์อุทกภัย และอีกด้านเรื่องของการบริหารการจัดการระบายน้ำ การบริหารเส้นทางน้ำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ความจริงไม่ได้อยู่ในองค์ประกอบ แต่ในที่ประชุมขอให้ได้มีการจัดตั้ง โดยได้มอบหมายให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ดำเนินการในพื้นที่ ซึ่งเรื่องทางเดินของน้ำหรือเส้นทางน้ำต่างๆ กรมชลประทานเป็นเจ้าภาพหลักอยู่แล้ว และกรมทางหลวงชนบท กรมโยธาธิการและผังเมือง เป็นหน่วยงานเสริมที่จะสนับสนุน ฉะนั้น จึงขอให้ ร.อ.ธรรมนัส เป็นผู้บริหารจัดการและสั่งการบูรณาการความร่วมมือในเรื่องของการบริหารจัดการการระบายน้ำอย่างเต็มที่
นายกฯ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาทั้งหมดเวลามีเหตุการณ์เช่นนี้ ด้วยประสบการณ์ของตนเองที่เข้ามาอยู่สถานที่นี้ เมื่อปีที่แล้วท่านก็คงเห็นตนมากับ นายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตรองนายกฯ และมากับ ร.อ.ธรรมนัส คอยประสานงานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตนในฐานะ รมว.มหาดไทย ในตอนนั้น แต่เมื่อถึงเวลาปฏิบัติจริงๆ มันจะมีปัญหาเกิดขึ้นตลอดเวลาว่าทำไม ถ้าตนจะไปสั่งการในเรื่องที่นอกเหนือของกระทรวงมหาดไทย มันก็จะไม่มีความรวดเร็ว และทุกอย่างมันก็ต้องเสนอ เอกสารข้อมูลข้อเท็จจริง การวิเคราะห์การสรุป ซึ่งกว่าจะมีการดำเนินการใดๆ ขึ้นมารอจนสถานการณ์เกือบจะเป็นปกติแล้ว ความช่วยเหลือถึงจะมาโอเค มาช้าดีกว่าไม่มา แต่วันนี้ในเมื่อเรามีโอกาสที่จะได้กลับมาบริหารประเทศอีกครั้ง โดยที่ตนได้ควบ รมว.มหาดไทย และเป็นนายกรัฐมนตรีด้วย ในการทำงานกับทางพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งเรามีความเข้าใจกัน ตนยืนยันว่ามีความเข้าใจกันมากกว่ารัฐบาลชุดที่ผ่านๆ มาทุกชุด เวลามีเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เราไม่ได้มองว่าเป็นรัฐบาลผสม เป็นพรรคร่วมรัฐบาล แต่เป็นรัฐบาลเดียวที่จะต้องให้การดูแลประชาชน ยึดถือในเรื่องของความเดือดร้อนของประชาชน ถือเป็นสิ่งที่เราจะต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วนเป็นลำดับแรก ฉะนั้น ตรงนี้ตนมั่นใจว่าวิธีการดำเนินการจะเปลี่ยนไป ตนต้องขอความร่วมมือกับทางฝ่ายข้าราชการประจำด้วย ว่าขอให้ดำเนินการในการบูรณาการความร่วมมือทั้งหลายที่จะเกิดขึ้นเป็นตัวตั้งเป้าหมาย คือน้ำจะต้องถูกระบายโดยเร็ว และเรื่องของการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนจะต้องเร่งดำเนินการทันที เราพูดถึงกรอบ ที่รัฐบาลต้องทำใน 4 เดือนนี้ ทำแค่นี้ก็โอเคแล้ว ส่วนเรื่องการวางแผนในระยะยาว ตนไม่กวนพวกท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุกท่านที่อยู่หน้างาน ตนยังมีเลขาธิการ สทนช.และมีคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทั้งคณะ ที่ตนอาจจะสามารถวางเป็นรากฐานเป็นพื้นฐานที่ดี
"ปีหน้ามีการเลือกตั้ง หลังเลือกตั้งรัฐบาลใดที่เข้ามาก็สามารถสานต่อไปได้ โดยที่เราจะพยายามวางรากฐานไม่ให้มีความคิดใดๆ ที่บอกว่า ถ้าทำแบบนี้มันเป็นเรื่องการเมือง เดี๋ยวใครจะได้คะแนน ใครจะได้อะไรก็ได้ไป ไม่มีความสำคัญเท่ากับประชาชนได้อันนี้ ผมขอเรียนว่านี่คือวิธีการทำงานของผมพวกผม ไม่เคยคิดว่าใครจะได้อะไรต่างๆ แล้วได้คะแนนบนความเดือดร้อนของประชาชน อย่าได้ดีกว่า เหนื่อยไม่จบไม่สิ้น ก็ขอทำทุกอย่างให้จบทีเดียว และความเดือดร้อนของประชาชนมันเปรียบเทียบไม่ได้ เปรียบเทียบยังไงท่านดูปีที่แล้วเราใช้เงิน 3 หมื่นล้านบาท ในการเยียวยาน้ำท่วมทั่วประเทศ ในความคิดของผมต้องเซ็นผ่าน เซ็นผ่านเงินเยียวยาไป 6 หมื่นล้านบาทแล้ว เพราะปีละ 2 หมื่นกว่าบาท มันยังมีค่าอื่นๆ อีก ไม่ใช่เฉพาะเยียวยาน้ำท่วม ปีที่แล้วที่ จ.เชียงราย ต้องเยียวยาเรื่องดินโคนถล่มหลังละ 10,000 บาท ถึง 20,000 บาท ตั้งแต่ผมเข้ามาเป็น มท.1 คูณไปประมาณ 7 หมื่นล้านบาทแล้ว ดูแล้วเงินเหล่านี้ 7 หมื่นล้านบาท ในแผนงานทำ 5 - 6 ปี กว่าจะได้เสร็จสักโครงการ แต่นี่หายไปเลยภายในปีเดียว ฉะนั้น เราต้องผลันเงินเหล่านี้มาทำอะไรที่เป็นถาวรวัตถุที่สามารถบริหารจัดการระบบการระบายน้ำการจัดการน้ำ ไม่ใช่การระบายอย่างเดียว แต่ต้องบริหารทรัพยากรน้ำให้ดีที่สุด และเก็บกักตรงไหนให้มันผ่านไป ถนนสนองให้รถวิ่งมาเยอะแล้ว อาจจะต้องทำทางให้น้ำวิ่งบ้าง เพื่อแก้ไขปัญหา" นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวต่อว่า ตนขึ้นเฮลิคอปเตอร์ดูในใจคิดว่าน้ำมันจะออกไปยังไง ดูแล้วแต่อีกแป๊บเดียวก็คิดว่า 5 เดือน เราต้องมาขึ้นเฮลิคอปเตอร์ดูภัยแล้ง น้ำตรงนี้มันหายไปไหนหมด ไม่รู้มีทางไว้เก็บน้ำเหล่านี้ไม่ได้ทำอะไร ตนพูดคุยกับ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และจังหวัด ว่าถ้ามีที่ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ที่จะผลันน้ำไปกองไว้รวมตรงนั้นหรือไม่ สมัยก่อน นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บอกว่าพี่หาเงินให้ตนหน่อย อยากจะทำธนาคารน้ำใต้ดิน ตนก็ฟังดูมันก็เพราะดี แต่ไม่ทราบว่าโครงการไปถึงไหนแล้ว เพราะตนไม่เคยดูกระทรวงทรัพย์ แต่ถ้ามันจะต้องใช้เงินทำเรื่องเหล่านี้ งบประมาณถ้าเราบอกว่าผลันมาก็ควรจะต้องตั้งขึ้นมาบ้าง อาจจะไม่ต้องระยะยาวถึง 7 - 8 ปี เพราะชาวบ้านอาจจะไม่ทนยาวถึงขนาดนั้น แต่ส่วนตัวเราเองเราต้องมานั่งแบบนี้ทุกปี ประชุมกันทุกปี ปีนี้ปีแรกเรายังขอบคุณพี่น้องที่อดทน ปีที่ 2 ก็เริ่มพูดเบาลง และปีนี้ต้องขอโทษตนไปที่ จ.พิจิตร เจอประชาชน ถามแต่ละคนว่าเป็นยังไง บ้านน้ำท่วมหรือไม่ ทุกคนบอกว่าถึงหน้าอก ถึงคอ นึกสภาพว่ามันเกิดเหตุการณ์มาตั้งแต่เดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ตอนนี้เกิน 3 - 4 เดือนแล้ว แต่เราช่วยเหลือชาวบ้านแค่ 7 วัน เกิน 7 วัน 9,000 บาท ตนให้นายภราดรไปดูเกิน 7 วัน ไปถึง 90 วัน ไปหาวิธีการช่วยเหลืออีกระดับหนึ่งว่าถ้ามันเกิน 1 เดือน หรือ 2 เดือน มันจะมีวิธีการช่วยเหลือชาวบ้านอย่างไรบ้าง ไม่เช่นนั้นเราต้องมานั่งเสียเงินทุกปีเช่นนี้ เราจะเห็นพี่น้องประชาชนเดือดร้อนแบบนี้ทุกปี ก็ไม่ได้
นายกฯ กล่าวอีกว่า กรมชลประทานขอให้ปรับลดอัตราการระบายน้ำของเขื่อนหลักทั้ง 4 แห่ง ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของน้ำฝนและสถานการณ์การใช้น้ำ ตนคิดว่าท่านคงมีอยู่แล้วว่าต้องระบายไม่เกินกี่ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ตนไม่อยากไปก้าวล่วง เพียงแต่ขอให้ท่านได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ และการเร่งสำรวจ สทนช.อยากให้มีการเร่งรัดให้ ตอนนี้เห็นวิธีการวางแผนการระบายน้ำมีโครงการต่างๆ มากมาย แต่เมื่อมี 9 โครงการเท่าที่ตนอยู่ แต่สำเร็จและดำเนินการเพียง 1 และอีกโครงการบางบาล บอกว่าเริ่มทำ การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) เสร็จปี 2570 เดี๋ยวนายภราดรจะต้องไปหารือกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่องความเดือดร้อนกันขนาดนี้ทำไมจะต้องรอปี 2570 เราต้องมานั่งประชุมแบบนี้อีก 2 ครั้ง และใช้งบประมาณของรัฐบาลอีกไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านบาท ในการไปดูแลเยียวยาประชาชน มันไม่คุ้มให้ชาวบ้านใช้ชีวิตปกติดีกว่า
นายกฯ กล่าวด้วยว่า ขอเน้นย้ำในเรื่องของการปฎิบัติหลักการในระยะที่เกิดสถานการณ์คือการบูรณาการ ต้องขอความกรุณาจากทุกท่านตอนนี้ต้องรอของให้ถึงมือประชาชนเป็นหลัก ใครเห็นคนนั้นเทคโอเวอร์ไปก่อน เดี๋ยวมานั่งคิดบัญชีทีหลังตนให้สัญญาว่าถ้าท่านดูแล้วสำรองตรงนี้ออกไปแล้วจะเรียกคืน ตนกำกับดูแลงบกลางอยู่ ตนพร้อมที่จะให้การสนับสนุนเรื่องนี้อย่างเต็มที่ เพราะเป็นเรื่องฉุกเฉินงบกลางของนายกฯปีหนึ่งส่วนนี้หลาย 10% อยู่แล้ว ไม่ต้องไปทำอย่างอื่นเอามานั่งอยู่เยียวยาประชาชน การสร้างระบบที่ดี นำเงินตรงนี้ไปลงทุนดีกว่าดำเนินไปเยียวยา เพราะประชาชนถ้าเขาเลือกได้เขาไม่ต้องการ ขอฝากเป็นแนวทางไว้" นายกฯ กล่าว
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี