“มทภ.2” ขออภัยคนไทย ดำเนินการกับกัมพูชา ไม่ทันใจ ย้ำ ต้องรอบคอบ เหตุเขมร มีเล่ห์เหลี่ยมเยอะ ยัน จะไม่ยอมให้เสียอธิปไตยแม้แต่ ตร.ซม. เดียว เผย ลงพื้นที่ดูแลกำลังพล สั่งเตรียมพร้อม 24 ชม. ย้ำ ปราสาทตาควาย-ปราสาทคนา อยู่เขตไทย
เมื่อวันที่ 12 ต.ค.68 พล.ท.วีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า ได้เดินทางลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อตรวจเยี่ยมความเป็นอยู่กำลังพลและเป็นการ "เตรียมความพร้อมต่อสถานการณ์สู้รบตลอดแนวชายแดน 24 ชั่วโมง ยืนยันกำลังพลทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา มีการเตรียมพร้อม และมีขวัญกำลังใจที่ดี ซึ่งทางกองทัพมีการวางแผนดูแลอย่างรอบด้าน ทั้งในเรื่องอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งของที่จำเป็นต่อการสู้รบ
โดยมีเสบียงอย่างเพียงพอและไม่มีการขาดแคลนเสบียงอาหารน้ำดื่มตามที่มีการเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์แต่อย่างใด แม้ในบางเส้นทางบางพื้นที่จะมีความยากลำบากเนื่องจากมีฝนตกหนักในช่วงที่ผ่านมาก็ตาม
พล.ท.วีรยุทธ กล่าวอีกว่า กำลังพลทุกนายยังคงมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้อง อธิปไตยของชาติและประชาชน ด้วยความมุ่งมั่นอย่างเต็มกำลัง ตนขอยืนยันว่าเราจะไม่มีการเสียแผ่นดินไทย ให้ใครแม้แต่ตารางเซนติเมตรเดียว การเข้ามาก่อกวนของคนกัมพูชาและมีการถ่ายคลิปส่งเข้าในระบบโซเชียลมีเดียและนำออกไปเผยแพร่นั้น เราต้องใช้ความละเอียดรอบครอบในการตรวจสอบ เพราะในบางพื้นที่ ที่อยู่ห่างไกลกันกับฐานปฏิบัติการ เป็นพื้นที่ล่อแหลม แต่ทหารมีวงรอบในการออกลาดตระเวนอย่างสม่ำเสมอทุกสัปดาห์ ซึ่งในบางจุดเราก็ใช้เครื่องมือทางเทคโนโลยี ในการช่วยเฝ้าตรวจเสริมการวางกำลัง แต่ในบางสถานการณ์จุดที่วางเครื่องมือเฝ้าตรวจ ยังไม่ใช่
จังหวะที่เราลาดตระเวนไปเห็นทหารกัมพูชาที่เข้ามาลอบวางกับระเบิดหรือมาตัดรั้วลวดหนาม เพราะหากเห็นเช่นนั้น
"ผมยืนยันว่า ให้กำลังพลทุกนายตอบโต้คนที่มีอาวุธและลุกล้ำธิปไตยของไทยเข้ามา เพราะผมได้มอบนโยบายให้ไปแล้ว หากทหารกัมพูชาถืออาวุธเข้ามาในพื้นที่ประเทศไทยและมาทำลายข้าวของในประเทศไทย เรารับไม่ได้ทุกกรณี
และพร้อมตอบโต้ตามกฎการใช้กำลังตามเหตุการณ์
"กัมพูชามีเล่ห์เหลี่ยม ขาดความจริงใจ และพยายามทำคอนเทนท์ สร้างสถานการณ์แล้วโพสต์เข้าระบบโชเชียลมีเดีย เพื่อให้ประชาชนคนไทยได้ดูได้เห็นแล้วกระตุ้นอารมณ์ให้ตอบโต้ด้วยความโกรธหรือเกลียดชัง ซึ่งทางทหารเราก็เห็นเช่นกัน แต่ในทุกๆ สถานการณ์เราเองจะเร่งรีบเข้าไปเลยก็ไม่ได้ เพราะสิ่งที่กัมพูชาทำเช่นนี้ แสดงว่ามีเจตนาในการที่จะล่อให้กำลังทหารของเราเข้าไปถูกกับระเบิด หรือทุ่นระเบิดได้ เราจึงต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังและรอบครอบเพื่อลดการสูญเสียที่ไม่จำเป็น ทำให้บางครั้งอาจจะไม่ทันใจกับพี่น้องประชาชนไปบ้างก็ต้องขออภัยด้วย แต่ชีวิตกำลังพลก็มีความสำคัญที่เราต้องให้ความปลอดภัยสูงสุดเช่นกัน" แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว
เมื่อถามว่า แนวนโยบายในการดูแลอธิบไตยของไทยเป็นอย่างไร พล.ท.วีรยุทธ กล่าวว่า ตนยึดถือตามนโยบาย ของทางรัฐบาล , รมว.กลาโหม , รมช.กลาโหม และผบ.ทบ. ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของตน ในการรักษาธิปไตยและยึดถือ ในแผนที่ 1:50000 ที่จะไม่ยอมให้เสียแผ่นดินไทยไปแม้แต่ตารางเซ็นติเมตรเดียวซึ่งเป็นสิ่งที่ตนยึดมั่นมาตลอดชีวิตรับราชการทหาร ว่าเราต้อง "ปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน"
เมื่อถามว่า ปราสาทตาควาย และปราสาทคนา ที่กัมพูชาเข้าไปยึดไว้นั้นจะดำเนินการอย่างไร พล.ท.วีรยุทธ กล่าวว่า ทั้ง 2 ปราสาทอยู่ในพื้นที่ของประเทศไทย ตามแผนที่ 1:50000 ชัดเจน ฉะนั้นเราต้องนำกลับคืนอย่างแน่นอน ปัจจุบันได้มีการวางแผนไว้ทั้งหมดแล้ว และจะปฏิบัติในจังหวะการรบที่เหมาะสมกับช่วงเวลาตามสถานการณ์ต่อไป
"ด้วยอัตลักษณ์ของกัมพูชา มักหาพื้นที่ตรงไหน ที่เป็นพื้นที่ว่างและไม่มีกำลังของเราเฝ้าอยู่ มันก็จะเข้ามายึดไว้เพื่อที่จะให้ได้เปรียบเรา ซึ่งเราไม่ได้ทำแบบนั้น เพราะทหารโดยทั่วโลกที่เขาเป็นสุภาพบุรุษ จะไม่ทำพฤติกรรมแบบนี้ เพราะไม่ต่างอะไร จากการกระทำของโจรป่า ถ้าจะรบก็ว่ากันมาเลย ไม่ใช่คืบคลานเข้ามาแล้วก็มาวาง ทุ่นระเบิดเพื่อทำร้ายเราแบบโจรป่า ไม่ใช่วิสัยทหารนักรบ" แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี