เทียบ 3 ร่างแก้รธน. ‘เทพไท’หนุนฉบับ‘พรรคเพื่อไทย’น่าเชียร์ที่สุด

14 ตุลาคม 2568 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์คลิปพร้อมข้อความลงบนเฟซบุ๊ก “เทพไท – คุยการเมือง” ระบุว่า...

เชียร์ร่างของเพื่อไทย

สำหรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่นำเสนอโดย 3 พรรค คือ พรรคประชาชน พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย เพื่อมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพิ่มหมวด 15/1 นำไปสู่การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งมีการนำเสนอรูปแบบ เนื้อหาจากพรรคการเมือง3พรรค3ร่าง เข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา

ในฐานะที่เป็นผู้สังเกตการณ์ทางการเมืองเห็นว่า สำหรับร่างรัฐธรรมนูญของ3พรรค ถ้าจะให้ตรงใจนั้น ร่างของพรรคเพื่อไทย ถูกใจมากที่สุด ด้วยเหตุผล คือ

1.เป็นร่างที่มีจำนวนสมาชิกในการร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีตัวเลขกำลังพอดี คือ 151 คน ถ้าเป็นสภาร่างก็เป็นสภาร่างที่จำนวนพอสมควร ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป เมื่อเปรียบเทียบกับของพรรคประชาชนที่มี 135 คน และพรรคภูมิใจไทย 99 คน ก็ถือว่าน้อย

2.รูปแบบการได้มาของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือสสร.ในระดับจังหวัด และในส่วนของผู้เชี่ยวชาญ เห็นว่าของพรรคเพื่อไทยไม่มีความสลับซับซ้อนมากนัก เข้าใจง่าย อธิบายได้ง่าย เมื่อเปรียบเทียบกับรูปแบบของพรรคประชาชน ที่มีความสลับซับซ้อนในการได้มาซึ่งสสร.ระดับจังหวัดและผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งการเลือก ซึ่งของพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทยเลือกจากประชาชน และให้สมาชิกรัฐสภาเลือก ส่วนของพรรคภูมิใจไทยให้สมัครตรงกับกกต.และให้สมาชิกรัฐสภาเลือกทั้งหมด ซึ่งอาจทำให้มีการบล็อคจำนวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ อาจเกิดข้อสงสัยเรื่องสสร.สีน้ำเงินก็เป็นไปได้

3.ส่วนผู้เชี่ยวชาญ หรือผู้ทรงคุณวุฒิ ของพรรคเพื่อไทยจำนวน 51 คน เป็นผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนอาจจะมากไปนิดหนึ่ง แต่ถือว่าได้มีผู้เชี่ยวชาญที่เข้ามาช่วยกันร่างได้อย่างรอบคอบ เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ทรงคุณวุฒิของพรรคภูมิใจไทยที่มีจำนวน 22 คน ส่วนของพรรคประชาชนมาในรูปแบบสภาที่ปรึกษาการยกร่าง 100 คน ให้เลือกในระดับจังหวัด 1-5คน ซึ่งดูสลับซับซ้อนกว่า ไม่มีผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นเรื่องของสสร.ที่มาจากประชาชนทั้งหมด

4.ระยะเวลาของการทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ จำนวนวันเวลาของพรรคเพื่อไทยกำลังพอดี 180 วันไม่มากไม่น้อยจนเกินไป ส่วนของพรรคประชาชนใช้ระยะเวลาร่าง 207 วันถือว่าช้ามากไป ส่วนพรรคภูมิใจไทยใช้เวลาร่าง 360 วันช้ามากไปกว่าเสียอีก ที่ถูกใจมากที่สุด น่าจะเป็นร่างของพรรคเพื่อไทย

ส่วนกรณีความเคลื่อนไหวของสมาชิกบางคน หรือพรรคการเมืองบางพรรค ในประเด็นไม่ให้มีการไปแตะหรือแก้ไขในหมวด1กับหมวด2 ซึ่งเห็นว่าเป็นการล็อคไม่ให้มีการร่างรัฐธรรมนูญในบางหมวด ซึ่งไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ที่อยากจะให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มาจากประชาชนที่แท้จริง ส่วนตัวเห็นว่าไม่จำเป็นต้องห้ามแตะต้องหมวด1กับหมวด2 ถ้าหากว่าการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มีการแก้ไขหมวด1กับหมวด2 และสร้างความเสียหาย ก็สามารถลงมติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในขั้นตอนการทำประชามติก็ได้ ซึ่งไม่เห็นเป็นเรื่องที่ต้องกังวลหรือน่าหนักใจใดๆทั้งสิ้น

เมื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มาจากประชาชน ก็ควรจะเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ยกร่างกันอย่างเต็มที่ และถ้าหากว่าร่างที่ไม่สมบูรณ์ ไม่ถูกใจประชาชน ก็สามารถลงมติคว่ำร่างฉบับนั้นได้ จึงควรเปิดโอกาสให้ร่างรัฐธรรมนูญแบบตรงไปตรงมา ไม่อยู่บนความกลัว ความวิตกกังวล หรือการล็อกสเปคใดๆทั้งสิ้น

-005