‘ปานเทพ’ร่อนหนังสือด่วนถึง‘นายกฯ’ ขอให้ยกเลิก MOU43-44
14 ตุลาคม 2568 นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานกรรมการมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ส่งหนังสือด่วนที่สุดวันที่ 14 ตุลาคม 2568 ถึงนายกรัฐมนตรี เรื่อง “ขอให้ยกเลิก MOU2543 เนื่องจากประเทศกัมพูชาละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ตาม มาตรา 60 และให้ยกเลิก MOU2544 เนื่องจากเป็นข้อตกลงชั่วคราวที่ไม่สามารถปฏิบัติ ได้จริงตามมาตรา 56 ของอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ค.ศ.1969
ด่วนที่สุด
วันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๘
เรื่อง ขอให้ยกเลิก MOU2543 เนื่องจากประเทศกัมพูชาละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ตาม มาตรา ๖๐ และให้ยกเลิก MOU2544 เนื่องจากเป็นข้อตกลงชั่วคราวที่ไม่สามารถปฏิบัติ ได้จริงตามมาตรา ๕๖ ของอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ค.ศ. ๑๙๖๙
กราบเรียน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี
สิ่งที่ส่งมาด้วย (๑) บทความเรื่องไทยควรยกเลิก MOU 2543 และ MOU 2544 โดย ดร. ธเนศ สุจารีกุล
(๒) ข้อดี ข้อเสีย และวิธีจัดการ MOU 2543 และ MOU 2544 โดย ดร. ธเนศ สุจารีกุล
(๓) บทความเรื่อง การเลิกสนธิสัญญาหนึ่งใดที่ไม่มีบทบัญญัติให้เลิกได้ โดย ดร. ธเนศ สุจารีกุล
(๔) บทความเรื่องเขตแดนทางบกไทย- กัมพูชา ตอนที่ ๑ : สิ่งที่เป็นปัญหาของ MOU 2543 โดย ดร.สุวันชัย แสงสุขเอี่ยม
(๕) บทความเรื่อง MOU 2544 กับดักกินบ้านกินเมืองด้วยบันไดสามขั้น โดยพลเรือเอก พัลลภ ตมิศานนท์
ตามที่ประเทศกัมพูชาได้กระทำการละเมิดบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำเขตหลักเขตแดนทางบก MOU 2543 อย่างร้ายแรง ทำการรุกรานโดยการใช้อาวุธสงครามและใช้กำลังทหารเข้าล่วงล้ำดินแดนไทย มีเจตนาใช้อาวุธปืนใหญ่และจรวด BM.21 ยิงใส่ในพื้นที่ของพลเรือนผู้บริสุทธิ์ ทำให้โรงพยาบาล ปั๊มน้ำมัน และบ้านเรือนเสียหาย มีประชาชนได้รับบาดเจ็บและล้มตาย ทรัพย์สินของทางราชการและประชาชนเสียหายทั้งๆ ที่ไม่ใช่พื้นที่บริเวณแนวชายแดน มีการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลจนทหารและประชาชนเหยียบจนได้รับบาดเจ็บ พิการ และล้มตาย ในระหว่างวันที่ ๒๔-๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๘ ด้วยเหตุที่กองทัพกัมพูชาได้กระทำการละเมิดรุกรานประเทศไทย จนเป็นที่ประจักษ์ จึงเป็นการละเมิดข้อ ๘ และ ๓ ของข้อ ๓ และข้อ ๕ ของ MOU 2543 อย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงมีสิทธิยกเลิกได้ตามอนุสัญญากรุงเวียนนา ว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ค.ศ. ๑๙๖๙ มาตรา ๖๐ ได้กำหนดเหตุแห่งการยกเลิกสนธิสัญญาไว้ว่า “...การฝ่าฝืนสนธิสัญญาอย่างร้ายแรงโดยรัฐภาคีฝ่ายหนึ่ง หรือรัฐใดรัฐหนึ่ง (material breach) เป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่งหรือรัฐภาคีอื่นยกเป็นเหตุเพื่อเลิกหรือระงับการใช้บังคับของสนธิสัญญาได้ เมื่อปรากฏการละเมิด...”
อย่างไรก็ตาม การยกเลิก MOU 2543 โดยอาศัยมาตรา ๖๐ ของอนุสัญญากรุงเวียนนา ว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ค.ศ. ๑๙๖๙ จะต้องแสดงความตระหนักเพื่อรักษาสิทธิในนามรัฐบาลไทยโดยทันที มิใช่การแสดงความลังเลสงสัยด้วยการออกเสียงประชามติหรือความสัมพันธ์ดีขึ้น หรือกลับไปประชุมใดๆที่เป็นการแสดงออกเสมือนว่าไม่ได้มีการละเมิดร้ายแรง หรือเสมือนว่ายอมรับ MOU 2543 เหมือนเดิม อันอาจจะทำให้ประเทศไทยเสียสิทธิการใช้มาตรา ๖๐ ตามข้อจำกัดในมาตรา ๔๕ ของอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ค.ศ. ๑๙๖๙
ดังนั้น จึงขอให้ท่านประกาศยกเลิก MOU 2543 โดยทันที และ แจ้งให้รัฐบาลกัมพูชาได้ทราบตามมาตรา ๖๕ และให้มีผลการยกเลิกในอีก ๘ เดือนข้างหน้า อันเป็นการรักษาสิทธิในการยกเลิกเพื่อรอการออกเสียงประชามติอีกครั้งหนึ่ง โดยในระหว่างนี้จะทำให้การเจรจาใดๆภายใต้กลไกของ JBC GBC และ RBC ต้องไม่กระทบสิทธิของไทยในการยกเลิก MOU 2543 รายละเอียดปรากฎตามสิ่งที่ส่งมาด้วย (๑) และ (๒) ทั้งนี้ได้ส่งวิธีการยกเลิกมาแล้วตามสิงที่ส่งมาด้วย (๓) ซึ่งหากยกเลิกแล้วย่อมเป็นการแก้ไขปัญหาข้อกำหนดในข้อ ๑(ค) และข้อ ๕ ประกอบข้อ ๘ ใน MOU2543 ที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศไทย ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย (๔)
ส่วน MOU 2544 การเจรจาไม่สามารถคืบหน้าได้ตลอดระยะเวลา ๒๔ ปีที่ผ่านมา อันเป็นผลส่วนหนึ่งของการจัดทำเขตแดนทางบกตาม MOU 2543 ไม่แล้วเสร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักเขตที่ ๗๓ ซึ่งเป็นหลักจุดเริ่มต้นการแบ่งเขตทางทะเลยังไม่แล้วเสร็จ โดยประเทศกัมพูชายึดเส้นไหล่ทวีปที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายทะเลสากลและกฎหมายระหว่างประเทศทำให้พื้นที่อ้างสิทธิไหล่ทวีปใหญ่เกินจริง ละเมิดอธิปไตยของประเทศไทยและเกินสิทธิของประเทศกัมพูชา ประกอบกับพื้นที่ที่อ้างว่าจะไปพัฒนาร่วมนั้น ยังเป็นพื้นที่อ้างเกินสิทธิของประเทศกัมพูชาและยังเป็นพื้นที่ตายตัวไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่ขัดประกาศพระบรมราชโองการกำหนดเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยด้านอ่าวไทย ลงวันที่ ๑๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๖ และขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เพราะผู้ไปเจรจาไม่มีอำนาจในการเจรจากำหนดเขตพัฒนาร่วมตายตัวได้เช่นนี้ ดังนั้น MOU2544 ซึ่งเป็นข้อตกลงชั่วคราวที่ไม่สามารถปฏิบัติได้จริง ประเทศไทยจึงมีสิทธิยกเลิก MOU2544 ตามมาตรา ๕๖ ของอนุสัญญากรุงเวียนนา ว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ค.ศ. ๑๙๖๙ รายละเอียดปรากฎตามส่งที่ส่งมาด้วย (๕)
จึงเรียนมาเพื่อให้ท่านนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ไม่ให้ประเทศไทยเสียสิทธิและความชอบธรรมในการยกเลิกสนธิสัญญาตามอนุสัญญากรุงเวียนนา ว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ค.ศ. ๑๙๖๙ ในระหว่างนี้ให้สั่งการระงับการประชุม JBC GBC และ RBC ไว้ก่อนจนกว่าคณะรัฐมนตรีจะมีมติดังต่อไปนี้
(๑) ยกเลิก MOU 2543 ทันที โดยอ้างเหตุแห่งการที่ประเทศกัมพูชาละเมิดร้ายแรงตามมาตรา ๖๐ ของอนุสัญญากรุงเวียนนา ว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ค.ศ. ๑๙๖๙ เพื่อไม่ให้เสียสิทธิตามมาตรา ๔๕ โดยให้มีผลบังคับใช้ในอีก ๘ เดือนข้างหน้า ตามมาตรา ๖๕ ของอนุสัญญาเดียวกัน และ
(๒) ยกเลิก MOU 2544 ทันที โดยอ้างเหตุข้อตกลงชั่วคราวที่ไม่สามารถปฏิบัติได้จริง และให้มีผลบังคับใช้ในอีก ๑๒ เดือนข้างหน้า ตามหลักการของมาตรา ๕๖ ของอนุสัญญากรุงเวียนนา ว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ค.ศ. ๑๙๖๙
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี