‘นักวิชาการ’มองรัฐบาลไทยเดิน‘ยุทธศาสตร์3มิติ’ เชื่อลาก‘เขมร’ขึ้นโต๊ะเจรจาจะได้ผลสมบูรณ์

‘นักวิชาการ’มองรัฐบาลไทยเดิน‘ยุทธศาสตร์3มิติ’ เชื่อลาก‘เขมร’ขึ้นโต๊ะเจรจาจะได้ผลสมบูรณ์

วันอังคาร ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 14.44 น.

‘นักวิชาการ’ มองรัฐบาลไทยเดิน ‘ยุทธศาสตร์3มิติ’ รับมือ ‘กัมพูชา’ รอบด้าน ชี้หากบีบลาก‘เขมร’ ขึ้นโต๊ะเจรจารับเงื่อนไขได้เมื่อไหร่ จะได้ผลอย่างสมบูรณ์

14 ตุลาคม 2568 ผศ.ดร.เชษฐา ทรัพย์เย็น อาจารย์ประจำภาควิชาการบริหารและจัดการเมือง วิทยาลัยพัฒนามหานครมหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช กล่าวถึงยุทธศาสตร์ของรัฐบาลไทยในการรับมือกับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาโดยระบุว่า ในช่วงนี้รัฐบาลไทยต้องเผชิญแรงกดดันรอบด้าน ทั้งจากสถานการณ์ภายในประเทศและกระแสจากต่างประเทศ ขณะเดียวกันก็ต้องรับมือกับคู่เจรจาที่มักใช้วิธีการหลากหลายเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นการบิดเบือนข้อมูล การส่งโดรนล้ำแดน หรือการเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์บนเวทีนานาชาติ ซึ่งทำให้การวางยุทธศาสตร์ของไทยจำเป็นต้องรอบคอบและมีชั้นเชิงมากขึ้น ในอดีตไทยมักอยู่ในท่าทีตั้งรับ แต่รัฐบาลปัจจุบันพยายามปรับแนวทางจากรับเป็นรุก โดยเน้นการดำเนินงานที่ผสมผสานหลายมิติ ทั้งทางการทูต กลไกด้านความมั่นคง และพลังทางสังคม เพื่อสร้างแรงกดดันเชิงบวกในหลายระดับโดยไม่พาตัวเองเข้าสู่ความขัดแย้งโดยตรง การทูตของไทยยังคงยึดหลักสากล ใช้ถ้อยคำที่สะท้อนความเป็นรัฐอารยะ เช่น เคารพอธิปไตย ยึดมั่นในความสัมพันธ์ที่ดี และเรียกร้องให้กัมพูชาหยุดยั่วยุพร้อมใช้ช่องทางทางการทูตอย่างต่อเนื่อง อาทิ การใช้สิทธิ์ตอบโต้ในเวทีระหว่างประเทศด้วยถ้อยคำที่มีเหตุผลและสุขุม เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของไทยในฐานะประเทศที่มีเหตุผลเหนือกว่า และยึดมั่นในกติกา


ผศ.ดร.เชษฐา กล่าวต่อว่า ในด้านความมั่นคง รัฐบาลและกองทัพยังคงเดินหน้าเตรียมพร้อม และมีการตอบโต้ หากถูกรุกราน ในระดับที่ไม่ขยายผลไปสู่สงคราม โดยมีการเสริมความเข้มของข่าวกรอง การลาดตระเวนเชิงป้องกัน และการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่เสี่ยง โดยปฏิบัติภายใต้ขั้นตอนที่ประสานล่วงหน้า เพื่อไม่ให้ถูกมองว่าเป็นการยั่วยุ การดำเนินการในลักษณะนี้ถือเป็น สุขุมแต่พร้อม ซึ่งช่วยสร้างสมดุลระหว่างการป้องกันและการรักษากติกาทางการทูตนอกจากนี้ ภาคประชาชนและสื่อภายในประเทศยังมีบทบาทสำคัญในฐานะพลังอ่อน ที่ช่วยสร้างแรงกดดันทางสังคมอย่างสันติ รัฐบาลเปิดพื้นที่ให้ประชาชนแสดงออกภายใต้กรอบกฎหมาย เช่น การรวมตัวเชิงสัญลักษณ์หน้าสถานทูตกัมพูชา การรณรงค์ออนไลน์เพื่อแสดงความห่วงใยต่อแผ่นดิน และการให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ชายแดน ซึ่งทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของ “Soft Power ภายในประเทศ” ที่ช่วยส่งสารทางจิตวิทยาโดยไม่ต้องใช้ความรุนแรง

ผศ.ดร.เชษฐา กล่าวด้วยว่า ภาพรวมของรัฐบาลไทยในขณะนี้สะท้อน ยุทธศาสตร์สามมิติ ที่ผสมผสานความแข็งและความอ่อนเข้าด้วยกัน คือ การทูตที่มีเหตุผลและอารยะ ความมั่นคงที่สุขุมและอยู่ในกรอบกฎหมาย และพลังทางสังคมที่เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์ ทั้งหมดนี้เป็นแนวทางที่ช่วยให้ไทยสามารถปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติได้ โดยไม่เร่งเร้าให้สถานการณ์บานปลาย และยังคงรักษาภาพลักษณ์ของประเทศในเวทีนานาชาติอย่างรอบคอบ ที่สุดแล้ว ยุทธศาสตร์ทั้งหมด มีเป้าหมาย ที่ชัดเจน คือ การบีบให้กัมพูชา เข้าสู่วงเจรจา ซึ่งเงื่อนไขทั้งหลาย จะกำหนดโดยไทย ทั้งนี้ เราจะได้เห็นสิ่งที่อยากเห็น คือ การที่กัมพูชา อ่อนข้อให้ไทย เพราะปัจจุบัน กัมพูชาเอง ได้รับแรงกระแทกอย่างมหาศาล ทางเศรษฐกิจ และโดยธรรมชาติ กัมพูชา เป็นชาติที่พึ่งพาไทยสูงมาก เป็นประเทศที่ได้ดุลการค้าจากไทยมหาศาล การขาดกำลังซื้อจากไทยไป ส่งผลให้สถานการณ์ในกัมพูชาระส่ำระสาย ตอนนี้ขึ้นกับเวลาแล้วว่า กัมพูชา จะกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจาเมื่อไร เมื่อมาถึงตอนนั้นเท่ากับยุทธศาสตร์ของไทยได้ผลอย่างสมบูรณ์ 

-005

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top