'ขบวนผู้หญิงปกป้องสิทธิมนุษยชน'ออกโรงป้อง'อังคณา' อัดอินฟลูเอนเซอร์ต้องไม่มีอภิสิทธิ์เหนือกฎหมาย

'ขบวนผู้หญิงปกป้องสิทธิมนุษยชน'ออกโรงป้อง'อังคณา' อัดอินฟลูเอนเซอร์ต้องไม่มีอภิสิทธิ์เหนือกฎหมาย

วันอังคาร ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 17.36 น.

เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2568 ขบวนเคลื่อนไหวผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ “เรายืนข้างความจริง หลักสิทธิมนุษยชน และศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ เรายืนเคียงข้างอังคณา นีละไพจิตร”

แถลงการณ์ดังกล่าว ระบุว่า อังคณา นีละไพจิตร เป็นผู้หญิงกล้าหาญที่เพียงทำหน้าที่อันซื่อสัตย์ของเธอ ตั้งคำถามต่อความไม่ชอบมาพากล ด้วยความสุจริตใจ และยึดมั่นในหลักสิทธิมนุษยชน


“อังคณารู้ดีว่าการพูดในยามนี้คือการ “สวนกระแส” แต่เธอก็เลือกพูด เพราะเธอเชื่อในศักดิ์ศรีของความจริง แม้ในวันที่อำนาจรัฐโหดร้ายกับครอบครัวนีละไพจิตรเพียงใด เธอยังคงยืนอยู่ฝ่ายของความถูกต้อง แม้ต้องอยู่ลำพัง เธอไม่ได้พูดเพื่อตัวเอง เธอพูดเพื่อปกป้องสิทธิของเราทุกคน เพราะสิทธิมนุษยชนไม่ได้เป็นเรื่องของนักกฎหมาย เอ็นจีโอหรือองค์กรใดองค์กรหนึ่งแต่มันอยู่ในลมหายใจและในชีวิตประจำวันของเราทุกคน สิทธิในการแสดงความคิดเห็นโดยไม่ถูกคุกคาม สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง สิทธิของพลเมืองที่จะตั้งคำถามต่ออำนาจรัฐ ทหาร และทุน หรือแม้กระทั่งอินฟลูเอนเซอร์ และสิทธิที่จะมีชีวิตอยู่โดยไม่ต้องหวาดกลัวและมั่งคงปลอดภัย”

แถลงการณ์ระบุอีกว่า เป็นเรื่องน่ายินดีที่ประชาชนตื่นตัวต่อสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา แต่เมื่อเราตื่นตัว เราต้องถามว่า เรากำลังตื่นตัวเพื่อแก้ปัญหาด้วยสติ หรือช่วยปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารหรือไอโอปลุกความเกลียดชัง?

ประเทศไทยมีพันธกรณีต่อกฎหมายสิทธิมนุษยชนและมนุษยธรรมระหว่างประเทศหลายฉบับ รวมถึงอนุสัญญาต่อต้านการทรมาน (CAT) และกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (IHL)ซึ่งกำหนดให้ทุกฝ่ายต้องเคารพศักดิ์ศรีของพลเรือน และจำกัดผลกระทบของความรุนแรง เพราะแม้ในยามที่มนุษย์ต้องต่อสู้กัน เรายังต้องไม่สูญเสียความเป็นมนุษย์ไปกับความขัดแย้ง

“อินฟลูเอนเซอร์ไม่ควรมีอภิสิทธิ์เหนือกฎหมาย การสื่อสารที่ปลุกปั่นความคลั่งชาติเป็นภัยต่อสังคม ต้องหยุดตั้งแต่ต้น”

“คนไทยหรือกัมพูชา เราคือมนุษย์เหมือนกัน ทุกคนมีสิทธิอยู่ในสันติภาพ ปลอดภัยจากความรุนแรงและการเลือกปฏิบัติ” “ความขัดแย้งไทย–กัมพูชา ผู้มีอำนาจทั้งสองฝ่ายต้องแก้ไขอย่างจริงจัง อย่าปล่อยให้ประชาชนทั้งสองประเทศต้องเกลียดชังและรับเคราะห์ จากความขัดแย้งที่เกิดจากผลประโยชน์และอำนาจของผู้ปกครองเอง”

“สงครามและความขัดแย้งนำมาซึ่งความสูญเสียที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และไม่เกิดประโยชน์ต่อฝ่ายใด การจัดการความขัดแย้งควรมุ่งสู่การยุติอย่างสันติ โดยหลีกเลี่ยงความสูญเสียทุกรูปแบบ”

ขบวนเคลื่อนไหวผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนแห่งประเทศไทย ยังได้เรียกร้องให้รัฐบาลไทย กองทัพ และองค์กรอิสระอย่างคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ปฏิบัติหน้าที่ตามหลักสิทธิมนุษยชนสากลอย่างเร่งด่วน โปร่งใส และรับผิดชอบต่อประชาชนทันที รัฐต้องเคารพกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (IHL) ยุติการใช้วาทกรรมชาตินิยม และปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร (IO) ที่สร้างความเกลียดชังและต้องปกป้องศักดิ์ศรีของพลเรือนทุกคนโดยไม่เลือกฝ่าย

นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้สื่อมวลชนทุกแขนงรายงานอย่างรอบด้าน ยึดมั่นในจรรยาบรรณ และไม่ขยายวาทกรรมแห่งความเกลียดชัง สื่อที่มีเกียรติไม่ใช่สื่อที่ปลุกปั่นความกลัว แต่คือสื่อที่กล้าปกป้องสติของสังคม และศักดิ์ศรีของมนุษย์ทุกคน “หน้าที่ของสื่อคือการส่องแสง ไม่ใช่ขยายความมืดมิด”

“เรายืนเคียงข้าง อังคณา นีละไพจิตร นักปกป้องสิทธิมนุษยชนและประชาชนทุกคน ไม่ใช่เพราะเห็นด้วย ในทุกถ้อยคำของพวกเธอและเขา แต่เพราะเรายืนข้างหลักการเดียวกัน ว่ามนุษย์ทุกคนมีสิทธิในความปลอดภัย ศักดิ์ศรี และความจริง ความมั่นคงที่แท้จริงไม่อาจตั้งอยู่บนความกลัวสันติภาพไม่อาจเกิดจากการปลุกความเกลียดชังและความยุติธรรมไม่อาจบังเกิด หากรัฐและผู้มีอำนาจไม่ยอมรับความรับผิดชอบของตนเอง”แถลงการณ์ระบุ

ตอนท้ายของแถลงการณ์ระบุว่า ขบวนเคลื่อนไหวผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนคือขบวนเคลื่อนไหวรากหญ้าที่เป็นตัวแทนของผู้หญิงจากชุมชนซึ่งต่อสู้ในเรื่องต่างๆ ถึง 19 ประเด็นจากทั่วประเทศ

- 006

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top