ภท.-ปชป.ไม่แตะหมวด1-2  รัฐสภาประชุมแก้ไขรธน.ถก3ร่าง   สว.เดือดฉะร่างฉบับ‘ปชน.’  เซาะกร่อนบ่อนทำลายชาติ

ภท.-ปชป.ไม่แตะหมวด1-2 รัฐสภาประชุมแก้ไขรธน.ถก3ร่าง สว.เดือดฉะร่างฉบับ‘ปชน.’ เซาะกร่อนบ่อนทำลายชาติ

วันพุธ ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

ภท.-ปชป.ไม่แตะหมวด1-2

รัฐสภาประชุมแก้ไขรธน.ถก3ร่าง

 

สว.เดือดฉะร่างฉบับ‘ปชน.’

เซาะกร่อนบ่อนทำลายชาติ

‘พท.’หวังรับหลักการ3ร่าง

คิกออฟรื้อกติกาประเทศ!รัฐสภาประชุมแก้รธน.“ปชน.”ชูร่างแก้รธน.โวหารเปรียบเหมือนล่องหน จับต้องยาก กระทบทุกวินาที ลั่นถ้ากติกาดีอากาศบริสุทธิ์ จะพาเศรษฐกิจดีขึ้นทันที “ภท.”ยันหลักการไม่แตะหมวด 1-2 เน้น เข้าใจง่าย-ทำได้จริง-ไม่สร้างขัดแย้งรอบใหม่-ไร้ขัดคำวินิจฉัยศาลฯ ขณะ‘พท.’โร่แจงโมเดลที่มา‘151ส.ส.ร.’หวังทั้ง 3 ร่างฉลุยรับหลักการ‘จุรินทร์’ย้ำจุดยืน‘ปชป.ไม่แตะหมวด1-2พร้อมหนุนร่างภท.-พรรคร่วมรบ.ชี้ร่างปชน.-พทหวั่นเป็น‘หัวเชื้อ’เปิดทางแก้หมวด1-2‘สว.นันทนา’ สับร่างฉบับภท.ดักคอตั้ง‘ส.ส.ร.สีน้ำเงิน’เข้าคุมเกม‘สว.พิสิษฐ์’เดือด!ตั้งชื่อร่างฉบับปชน.‘เซาะกร่อนบ่อนทำลาย’เจตนาแตะหมวด 1–2 ขู่หาชื่อพรรคใหม่หรือยัง ซัดสบช่องส่ง“ผู้นำจิตวิญญาณ”นั่ง กมธ.ยกร่างรธน.


เมื่อเวลา09.30น.วันที่ 14 ตุลาคม 2568 ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาทำหน้าที่ประธานการประชุมวาระการพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ ซึ่งประกอบด้วยร่างของพรรคประชาชน พรรคภูมิใจไทย และพรรคเพื่อไทยเพื่อแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา156 เพิ่มหมวด15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

ปชน.ชูจุดแข็งร่างฯปชช.มีส่วนมากสุด

โดยนายพริษฐ์วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ชี้แจงหลักการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ของพรรคประชาชนว่า จะกำหนดให้มีจำนวนผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ 135คน ประกอบด้วย 1.คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 35คน โดยให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเลือกมาจากระบบบัญชีรายชื่อที่ผู้สมัครรวมกันเป็นกลุ่มบุคคลตั้งแต่ 17-70คน ใช้เขตประเทศเป็นเขตเลือกตั้ง โดยให้ประชาชนเลือกมา 70คน จากนั้นส่งให้รัฐสภาคัดเลือกเหลือ 35คน 2.สภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ 100 คน มีหน้าที่รับฟังความเห็นจากประชาชน ส่งเนื้อหาให้กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ มาจากการเลือกตั้งของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง โดยให้แต่ละจังหวัดมีสมาชิกสภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ 1-5คน ตามจำนวนประชากร ใช้เขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง

ร่างรัฐธรรมนูญของพรรคประชาชนมีจุดแข็งคือ กำหนดให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด โดยไม่ขัดกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ และกำหนดเนื้อหารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้รับรองความเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้ และให้มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย

ลั่นถ้ากติกาดีจะพาศก.ดีขึ้นทันที

“ผมขอทิ้งท้ายว่าหลักการสำคัญที่เราต้องตัดสินใจในวันนี้ คือเราต้องหารมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ผมย้ำว่าการมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทั้งหมด แต่รัฐธรรมนูญก็เปรียบเสมือนกับอากาศ เป็นอะไรที่ล่องหน อาจจะดูจับต้องได้ยาก แต่ส่งผลกระทบกับเราทุกวินาที ถ้ารัฐธรรมนูญและอากาศดีบริสุทธิ์ ไม่ว่าการค้าขายหรือเศรษฐกิจจะดีขึ้นทันที แต่ถ้ารัฐธรรมนูญและอากาศเป็นพิษ มันจะกระทบแน่นอนต่อสุขภาพของพวกเราในการทำมาหากิน และศักยภาพของประเทศในการแข่งขันกับโลก”นายพริษฐ์ กล่าว

ภท.เน้นเข้าใจง่าย-ทำได้จริง-ไม่ขัดแย้ง

ด้านนายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญพรรคภูมิใจไทยระบุว่าพรรคภูมิใจไทยทำตามเงื่อนไขข้อตกลงเอ็มโอเอเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญพรรคภูมิใจไทยมีจุดมุ่งหมาย 4ด้านคือ 1.เข้าใจง่าย 2.ทำได้จริง 3.ไม่สร้างความขัดแย้งรอบใหม่ 4.ไม่ขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ กำหนดให้มีจำนวนผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ 99 คน แยกเป็น 2ประเภทคือ 1.ส.ส.ร.จังหวัด 77คน 2.ส.ส.ร.ผู้ทรงคุณวุฒิ 22คน จากการภาควิชาการ ภาคนิติศาสตร์ 7คน ด้านรัฐศาสตร์ 7คน ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมือง การบริหารราชการแผ่นดิน 8คน ให้ผู้ประสงค์จะเป็นส.ส.ร.จังหวัด และส.ส.ร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ยื่นสมัครเป็นส.ส.ร.ต่อกกต. เมื่อกกต.ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามเสร็จสิ้นแล้ว ให้ส่งรายชื่อผู้สมัครทั้งหมดไปยังประธานรัฐสภา เพื่อเปิดประชุมร่วมรัฐสภา ลงคะแนนคัดเลือกส.ส.ร.จังหวัดๆละ 1คน และส.ส.ร.ผู้ทรงคุณวุฒิ 22คน รวม 99คน

ยันหลักการชัด ไม่แตะหมวด1-2

ส่วนกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ มี 45คน มาจากส.ส.ร.30 คน และคนนอกที่มีความรู้ ความสามารถ 15คน มีเงื่อนไขกำหนดให้ร่างรัฐธรรมนูญที่มีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ หรือการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามหมวด1 และหมวด 2 จะกระทำมิได้

ชี้ร่างพท.-ปชน.เสี่ยงขัดคำวินิจฉัยศาลรธน.

นายกรวีร์กล่าวว่าส่วนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนมีความสุ่มเสี่ยงขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เพราะมีการให้ส.ส.ร.มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนในเบื้องต้นก่อน จึงให้รัฐสภาไปคัดเลือกอีกที อาจขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ไม่ให้มีการเลือกตั้งส.ส.ร.โดยตรงจากประชาชน รวมถึงไม่ระบุชัดเจนจะไม่แก้ไขหมวด 1และหมวด 2 รัฐธรรมนูญปี 2560 โดยเฉพาะร่างพรรคประชาชนมีความซับซ้อน และไม่กำหนดให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ มีแค่กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ 35คน ที่มีหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญ แต่ที่มาซับซ้อน เข้าใจยาก ขณะที่สภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีหน้าที่แค่รับฟังความเห็นประชาชน ไม่มีอำนาจเขียนรัฐธรรมนูญ ทำหน้าที่แค่ให้คำปรึกษา การเลือกกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ และสภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ พรรคประชาชนเสี่ยงขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เพราะมีกระบวนการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน เป็นห่วงถ้าตีความแบบศรีธนญชัยเข้าข้างตัวเอง จะเสี่ยงให้ความพยายามแก้รัฐธรรมนูญล้มเหลวอีก แม้พรรคภูมิใจไทยจะรับหลักการทุกร่าง แต่ร่างหลักอยากให้ใช้ของพรรคภูมิใจไทย

ซัดต้องจริงใจ มองโลกจริง อย่าเพ้อฝัน

“การแก้รัฐธรรมนูญต้องจริงใจ อย่าเพ้อฝันมาก มองโลกตามความเป็นจริง มั่นใจร่างพรรคภูมิใจไทยเป็นกุญแจไปสู่ความฝันร่วมกันได้ เพราะเข้าใจง่าย ทำได้จริง ไม่สร้างความขัดแย้ง และไม่ขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เป็นความสำเร็จที่ทำได้ ไม่ใช่แค่ได้ทำ”นายกรวีร์ กล่าว

พท.โร่แจงโมเดลที่มา‘151ส.ส.ร.’

ขณะที่นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ชี้แจงร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญพรรคเพื่อไทยว่า เหตุที่ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญปี2560 เพราะเป็นผลพวงจากการรัฐประหาร แม้จะระบุเป็นรัฐธรรมนูญปราบโกง แต่มีบทบัญญัติลงโทษนักการเมืองให้พ้นหน้าที่ไม่ชัดเจน โดยมาจากการตีความของศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อเอานายกฯออกจากตำแหน่ง ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญพรรคเพื่อไทยให้มีผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ151คน มาจาก1.ส.ส.ร.จังหวัด 100คน มาจากการเลือกของทั้งประเทศรวม 300คน ส่งให้รัฐสภาคัดเลือกเหลือ 100คน 2.ส.ส.ร.จากการคัดเลือก 51คน มาจากการเสนอชื่อของสภาผู้แทนราษฎรและครม. ขณะที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ มี 27คน แบ่งเป็นเลือกจากส.ส.ร.14คน และเลือกจากผู้เชี่ยวชาญด้านนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์13คน เมื่อยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จให้ส่งมายังรัฐสภาเห็นชอบ

อ้อนหวังทั้ง3ร่างฉลุยรับหลักการ

“ขอยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีเจตนาแก้หมวด 1และหมวด2 เพราะรัฐธรรมนูญ มาตรา 255ระบุชัดเจนว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและห้ามเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ กำหนดไว้ชัดเจนอยู่แล้ว หวังว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของทั้ง 3พรรคจะได้รับพิจารณาเห็นชอบในวาระรับหลักการ” นายชูศักดิ์ กล่าว

‘จุรินทร์’ย้ำปชป.พร้อมหนุนแก้รธน.

ขณะที่ นายจุรินทร์ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าเหตุผลที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ2560ไม่สำเร็จ เพราะเขียนไว้ให้แก้ยาก โดยปกติการแก้รัฐธรรมนูญ ถ้าเสียงข้างมากของที่ประชุมร่วมรัฐสภา เห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งก็สามารถแก้ได้แล้ว แต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีเงื่อนไขเพิ่มเติมนอกจากต้องใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งและยังจะต้องประกอบด้วย เสียงของฝ่ายค้านไม่น้อยกว่าร้อยละ20 และเพิ่มเติมด้วยเสียงของวุฒิสมาชิก(สว.)ไม่ต่ำกว่าหนึ่งในสาม รวมทั้งบางมาตรา หากจะแก้ต้องทำประชามติ ถามความเห็นประชาชนอีก จึงเป็นเงื่อนไขที่ทำให้แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ยากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคหนึ่งที่สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น ทั้งที่ไม่เห็นด้วยกับบทเฉพาะการ ที่กำหนดเงื่อนไขให้ สว.สามารถลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรีได้ ทั้งที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนในขณะนั้น แต่เมื่อประชาชนได้ลงประชามติเห็นชอบกับรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน พรรคประชาธิปัตย์ก็ยอมรับสิ่งที่ประชาชนของผู้ตัดสิน และก่อนที่ประชาธิปัตย์จะเข้าร่วมรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ก็มีเงื่อนไข3 ข้อคือ1. ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตการบริหารราชการแผ่นดิน 2. ต้องใช้นโยบายประกันรายได้สินค้าเกษตร 3. ต้องสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น โดยไม่แตะหมวด 1 และหมวด2

ย้ำจุดยืน‘ปชป.ไม่แตะหมวด 1-2

นายจุรินทร์กล่าวว่าวันนี้มีการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา เพื่อสนองต่อเอ็มโอเอที่เป็นข้อตกลงระหว่าง 2พรรค แม้ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าการแก้ปัญหาปากท้องสำคัญมากกว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงเป็นหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาทุกคนที่จะต้องพิจารณาร่างแก้รัฐธรรมนูญทั้ง3 ร่างนี้ เพื่อแก้มาตรา 256 และเพิ่มเติม หมวด15 เปิดทางให้มี ส.ส.ร. ขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้

“จุดยืนของผมและพรรคประชาธิปัตย์ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่มีอะไรเปลี่ยน คือ ต้องไม่แตะหมวด1 และหมวด2ซึ่งหมวด1เป็นบททั่วไป มี 5 มาตรา ซึ่งมี 3 มาตราที่สำคัญคือ มาตรา 1 ระบุชัดเจนว่าประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้ ผมจึงเห็นว่าห้ามแตะหมวด 1 ส่วนมาตรา2 ระบุ ประเทศไทยมีการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขก็ความห้ามแตะ และมาตรา 5 ระบุด้วยข้อความวรรคท้ายว่าเมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใดให้กระทำการนั้นหรือวินิจฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีปกครองของประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข’ข้อความตรงนี้ที่ปรากฎอยู่ในมาตรา 5 วรรคท้าย หมวด1 ต้องห้ามแตะ เพราะมีปรากฏต่อเนื่องตั้งแต่รัฐธรรมนูญฉบับปี2492 จนมาถึงรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเป็นมิติต่อเนื่องทางประวัติศาสตร์การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มิติทางกฎหมาย หากไม่มีบทบัญญัติใดรองรับไว้ในรัฐธรรมนูญ และมิติทางการเมืองการปกครองที่ยึดรับประชาธิปไตยคือกับองค์พระมหากษัตริย์อย่างสมดุล

ยก4เหตุผลหนุนร่างพรรคร่วมรัฐบาล

“ผมยืนยันในจุดที่ยึดมั่นมาโดยตลอดและขอเพิ่ม ความเห็นและข้อเสนอแนะเป็น 4 ข้อดังนี้ 1.พร้อมสนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่เปิดทางให้มี ส.ส.ร.ขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่ต้องไม่แตะหมวด1 หมวด2 2.หากจะต้องลงมติว่าจะใช้ร่างใดเป็นร่างหลักในการพิจารณาวาระ2 ผมจะมาลงมติใช้เงื่อนไขเดิมคือ ต้องใช้ร่างที่ไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 เป็นหลัก อาจจะเป็นหัวเชื้อนำไปสู่การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แบบปลายเปิดและในที่สุดอาจจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง แก้ไขหมวด1หมวด 2 ได้ ต่อไปในอนาคต 3.การแก้ไขรัฐธรรมนูญเที่ยวนี้จะต้องไม่ขัดกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในเรื่องที่มาของส.ส.ร.เพื่อจะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญรอบนี้ไม่เป็นหมันต่อไปในอนาคต และ4.รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ส.ส.ร. ถ้ามีจะต้องยกร่างขึ้นควรจะต้องมีเจตจำนง ที่จะส่งเสริมคนดีปกครองบ้านเมืองตามที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมาตรา 160(4) (5) ที่ระบุไว้ว่า ผู้ที่จะเข้าสู่อำนาจสำคัญๆ ทั้งรัฐมนตรีนอกจากจะต้องมีวัยวุฒิ คุณวุฒิตามที่กำหนดแล้ว ยังจะต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และไม่มีพฤติกรรมฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง เพื่อให้การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับสนองตอบ และคงมั่นที่มาตรฐานผู้ที่จะเข้าสู่อำนาจทางการเมือง และตำแหน่งสำคัญของประเทศไว้ได้ต่อไปเพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองและประชาชนโดยรวม”นายจุรินทร์ กล่าว

‘นันทนา’สับร่างภท.ประเมินปชช.ต่ำ

เวลา12.20น. น.ส.นันทนานันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา(สว.) อภิปรายว่า เนื้อหาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ดูมีเงื่อนไขประชาธิปไตยมี 2ฉบับคือ ฉบับพรรคเพื่อไทยกับฉบับพรรคประชาชน ที่ให้ประชาชนเลือกส.ส.ร.เบื้องต้น และให้รัฐสภาคัดเลือกในลำดับสุดท้าย ถือว่ายึดโยงคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ แต่ร่างฉบับพรรคภูมิใจไทยที่ให้รัฐสภาเลือกส.ส.ร.ทั้งหมด ประเมินประชาชนต่ำมาก ไม่ให้ประชาชนมีส่วนร่วม

ดักคอหวั่น‘ส.ส.ร.สีน้ำเงิน’คุมเกม

“แต่กำหนดด้วยเกมในรัฐสภามีสว.ส่วนใหญ่ในคดีฮั้วสว. และสส.พรรคภูมิใจไทย รวมกันเป็นเสียงข้างมาก กำหนดการเลือกส.ส.ร.เป็นส.ส.ร.สีน้ำเงิน ไม่เห็นหัวประชาชน มีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมว่า การแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ควรเปิดเวทีสาธารณะรับฟังความเห็นประชาชน ไปประกอบการยกร่างรัฐธรรมนูญให้มากที่สุด ส่วนคำถามประชามติควรถามตรงไปตรงมา ไม่มีการหมกเม็ด การแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ต้องเป็นวาระแห่งชาตินี้ ที่รัฐบาลต้องจริงใจ ผลักดันให้ได้รัฐธรรมนูญที่เสรี เป็นธรรม ได้รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยแท้จริง” น.ส.นันทนา กล่าว

‘พิสิษฐ์’ซัดร่างปชน.‘เซาะกร่อนบ่อนทำลาย’

เวลา 13.27 น.นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว.อภิปรายว่าสว.ส่วนใหญ่ไม่คิดขัดขวางการแก้รัฐธรรมนูญ และเคารพประชาชน16ล้านเสียงที่ลงมติเห็นชอบรัฐธรรมนูญปี 2560 ขอเน้นไปที่ร่างพรรคประชาชนที่สุ่มเสี่ยงขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญขอตั้งชื่อว่า“ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเซาะกร่อนบ่อนทำลาย”ใน 6 ประเด็นคือ 1.มีเจตนาแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 1 และ2 อย่างชัดเจน สะท้อนผ่านเนื้อหาร่างแก้ไข มาตรา 256/26 อนุ2ที่ระบุว่า “การให้มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”

ขอถามว่า วันนี้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ต้องมีการให้ใช่หรือไม่ จำเป็นต้องร้องขอพรรคประชาชนให้มีบทบัญญัติเช่นนี้ในรัฐธรรมนูญฉบับต่อไป ทั้งที่รัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 2ระบุว่า“ประเทศไทยมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”เหตุใดจึงไม่เขียนว่า“รับรองให้มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”

เจตนาแตะหมวด 1–2ขู่หาชื่อพรรคใหม่

“พรรคประชาชนไม่เข็ดใช่หรือไม่ว่าพรรคก้าวไกลถูกยุบพรรคเพราะมีเจตนาเซาะกร่อนบ่อนทำลายให้สถาบันชำรุดทรุดโทรมหรืออ่อนแอ ตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256/25 อนุ 2 แสดงเจตนาแก้ไขบทบัญญัติหมวด 1 และ 2 ในรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ ได้เตรียมหาชื่อพรรคใหม่หรือยัง การเขียนเช่นนี้มีเจตนาเซาะกร่อนบ่อนทำลายอย่างชัดเจน”นายพิสิษฐ์ ย้ำ

สบช่องส่ง‘ผู้นำจิตวิญญาณ’นั่งกมธ.ยกร่าง

นายพิสิษฐ์กล่าวว่า2.บันทึกหลักการและเหตุผลร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคประชาชนระบุว่า รัฐธรรมนูญปัจจุบันมีปัญหาความชอบธรรมทางประชาธิปไตย เชื่อมโยงกับคณะรัฐประหาร ถูกรับรองโดยกระบวนการประชามติที่ไม่เสรีและเป็นธรรม เป็นการกล่าวหาเสียงประชาชน 16 ล้านคนที่เห็นชอบรัฐธรรมนูญปัจจุบันนิยมเผด็จการ 3.การให้คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญมาจากการเลือกตั้งของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง อาจขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ระบุรัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง อาจเป็นเหตุให้มีผู้ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญตีความร่างแก้รัฐธรรมนูญขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญรวมถึงร่างพรรคเพื่อไทยก็มีความเสี่ยงเช่นกัน4.สภาที่ปรึกษายกร่างรัฐธรรมนูญไม่จำเป็นต้องมีให้สิ้นเปลืองงบประมาณ 5.คุณสมบัติคณะกรรมาธิการยกร่างและสภาที่ปรึกษายกร่างรัฐธรรมนูญที่ยกเว้นให้ผู้ถูกตัดสิทธิทางการเมืองมาลงสมัครได้ กำลังเปิดโอกาสให้ใครบางคนเป็นกรณีพิเศษ หรือหางานทำให้ผู้มีบารมีนอกพรรค ผู้นำจิตวิญญาณของพวกท่านมาเป็น กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่

จี้ไม่ตัดคำ‘ซื่อสัตย์สุจริต-จริยธรรมร้ายแรง

นายพิสิษฐ์กล่าวว่า 6.การลงคะแนนให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกสองสภา ปัจจุบัน สส.มี 500 เสียง สว.200เสียง หาก สส.รวมเสียงได้เกินกึ่งหนึ่ง ก็ผ่านรัฐธรรมนูญได้เลย อาจขัดรัฐธรรมนูญ เพราะไม่เกิดการถ่วงดุล 2สภาและกำหนดให้พิจารณาวาระเดียว ขัดกับการพิจารณากฎหมายทั่วไปมี 3 วาระ หวังว่าการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญใหม่ คงไม่มีเจตนานำ 2 คำนี้ออกไปคือ 1.ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ 2.ไม่มีพฤติกรรมเป็นที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง ออกจากรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นคำที่พวกท่านกลัวมากๆ เพียงเพราะช่วยเหลือใครบางคนให้กลับไปเป็นนักการเมืองและรัฐมนตรี

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top