นายกฯถก‘ครม.เศรษฐกิจ’นัดแรก เน้น‘Quick Big Win’ 4 เดือน กระตุ้นสั้นได้ผลยาวกระจายตัว

นายกฯถก‘ครม.เศรษฐกิจ’นัดแรก เน้น‘Quick Big Win’ 4 เดือน กระตุ้นสั้นได้ผลยาวกระจายตัว

วันพุธ ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 11.14 น.

นายกฯประชุม"ครม.เศรษฐกิจ"นัดแรก เน้น"Quick Big Win" 4 เดือน กระตุ้นสั้นได้ผลยาวกระจายตัว ดัน"ศก.ไทย"เติบโต ไทยเชิญ 3 สถาบันเอกชนให้ความเห็น สั่งโปรโมท"คนละครึ่งพลัส"หลังเปิดลงทะเบียนร้านค้าวันแรก

เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2568 ที่อาคารรัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ ครั้งที่ 1/2568 ณ ห้องประชุมกรรมาธิการ CB 406 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพฯ โดยมี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ นายธนกร วังบุญคงชนะ รมว.อุตสาหกรรม น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.แรงงาน น.ส.ศศิธร กิตติธรกุล รมช.มหาดไทย นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และนายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และตัวแทนสถาบันคณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอก ประกอบไปด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย และปลัดกระทรวงที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม


โดยนายกฯ กล่าวตอนหนึ่งว่า ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งแรกของรัฐบาลนี้ ซึ่งรัฐบาลได้มีนโยบายให้มีการจัดประชุม ครม.เศรษฐกิจ ก่อนที่จะมีการประชุม ครม.ทั่วไปแต่ก็ได้รับคำแนะนำจากนายเอกนิติ รองนายกฯ ว่าในเมื่อจะมีการประชุมเรื่องเศรษฐกิจแล้ว และเพื่อการที่จะทำให้การสื่อสารมีความรวดเร็ว และสามารถรับฟังปัญหาจากทุกฝ่ายได้จึงขอให้มีการตั้งคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจขึ้น ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี มีทั้งตัวแทนภาคเอกชนมาร่วมด้วย ต้องขอขอบคุณประธานภาคเศรษฐกิจ และภาคเอกชน ที่ได้ให้ความร่วมมือมาร่วมประชุมกับพวกเรา ซึ่งตนมีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าด้วยความร่วมมือนี้ เราจะสามารถผลักดันให้เศรษฐกิจประเทศไทยเติบโต และแก้ไขปัญหาปากท้องให้ประชาชนได้ ถึงแม้ว่าเราจะมีระยะเวลาการบริหารงานในช่วง 4 เดือนนี้ ซึ่งในการดำเนินการต่างๆนั้นเราจะเน้นในเรื่องของการทำนโยบายควิกวิน หรือตามมอตโต้ ของนายเอกนิติ คือ Quick Big Win เพื่อให้สอดคล้องอยู่ในกรอบเวลาที่รัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินได้อย่างเต็มตัว

นายกฯ กล่าวต่อว่า คณะกรรมการชุดนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ผู้ที่อยู่ในคณะกรรมการได้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และใช้เวทีนี้ในการพูดคุยและอัพเดทข้อมูลงานที่แต่ละกระทรวงกำลังขับเคลื่อน และมีการแลกเปลี่ยนความคืบหน้าข้อชี้แนะกับทางภาคเอกชนด้วยการขับเคลื่อนนโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาลจะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย เพื่อให้เกิดความสำเร็จและเห็นผลสัมฤทธิ์ภายในระยะเวลาที่เรามีอยู่คือ 4 เดือน ตามแนวคิดกระตุ้นสั้นได้ผลยาวกระจายตัว และเพื่อให้การขับเคลื่อนเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ตนจึงได้ขอให้ปลัดกระทรวงและหัวหน้าหน่วยงานด้านเศรษฐกิจต่างๆได้เข้ามาร่วมเป็นคณะกรรมการด้วย ซึ่งทั้งหลายเหล่านี้จะได้เป็นสะพานเชื่อมนำสิ่งที่พวกเราได้หารือกันในที่ประชุมนี้ ไปให้ส่วนราชการที่เรากำกับดูแลช่วยกันดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว และอย่างที่เรียนว่าเราได้เชิญตัวแทนภาคเอกชนหลักทั้ง 3 สถาบันได้เข้าร่วมประชุม เพื่อให้ข้อมูลและความเห็นในเรื่องต่างๆที่ทางท่านเห็นว่ารัฐบาลควรจะดำเนินการ

นายกฯ กล่าวอีกว่า และในการประชุมวันนี้ขอให้เน้นในเรื่องของความคล่องตัว ลดขั้นตอนทั้งหลายที่ไม่จำเป็น และเมื่อมีผลของการประชุมออกมาเช่นไร เป็นมติของที่ประชุมแล้ว ก็ขอให้เรื่องต่างๆ ที่อยู่ภายใต้ขอบเขตอำนาจของท่านตามกฏหมาย ขอให้ท่านได้ดำเนินการได้ทันที และหากมีความคืบหน้าหรือติดขัดอย่างไร ขอให้มารายงานในที่ประชุม เพราะที่ประชุมแห่งนี้จะมีการประชุมทุกสัปดาห์และถ้ามีความจำเป็นในกรณีที่ต้องมีการใช้มติของ ครม.หรืออำนาจของ ครม.ในการแก้ไขปัญหา ตนจะได้นำเรื่องบรรจุเข้าในที่ประชุม ครม.ต่อไป ซึ่งเราตั้งใจไว้ว่าการประชุมเช่นนี้สัปดาห์นี้เราประชุมวันพุธ เพราะเราเพิ่งตั้งคณะกรรมการ หลังจากนี้เราจะประชุมทุกบ่ายวันจันทร์หากมีมติ หรือมีการตกลงสิ่งใดแล้วเราจะได้บรรจุเข้าไปในวาระการประชุมของ ครม.ที่จะมีขึ้นทุกวันอังคาร เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องเสียเวลารออีก 1 สัปดาห์ และในวันที่ 15 ต.ค.เป็นวันแรกที่เปิดให้ร้านค้าในโครงการลงทะเบียนคนละครึ่งพลัส และนายเอกนิติ ก็ถือเป็นแอมบาสเดอร์ เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการคนละครึ่งพลัส และขอให้คณะกรรมการเศรษฐกิจทุกท่านช่วยกันโปรโมทโครงการ

ขณะที่ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ ครั้งที่ 1/2568 ว่า การประชุม ครม.เศรษฐกิจนัดแรก ที่มี นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นประธาน ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ทีม ครม.เศรษฐกิจ กลับมาดูแนวทางเรื่องการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

สำหรับวาระที่จะมีการพูดคุยประเด็นแรกเป็นเรื่องการทราบสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน และแนวทางในการวางแผนกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะ 4 เดือนนี้ ว่าจะมีแผนการดำเนินการอย่างไร ในวันนี้จะมีการเสนอแผนโดยกระทรวงการคลังว่าจะมีโร้ดแมปและแอ็คชั่นแพลนจะทำอย่างไร ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นแอ็คชั่นแพลนของกระทรวงเศรษฐกิจออกมาอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์ถัดไป และหลังจากนี้จะมีการปรับเปลี่ยนหมุนเวียนไปแต่ละกระทรวงเมื่อทำแอ็คชั่นแพลนเสร็จ

เมื่อถามถึง การเชิญภาคเอกชนมาร่วมประชุมจะมีการรับฟังความเห็นและพูดคุยในเรื่องใดบ้าง นายสิริพงศ์ กล่าวว่า ส่วนมากแนวทางและนโยบายของนายกฯ รวมถึงคณะรัฐมนตรีที่ดูแลเรื่องเศรษฐกิจ ก็รับฟังปัญหาจากภาคเอกชน ภาคประชาชนนำมาขับเคลื่อน ซึ่งหลายแนวทางในที่ประชุม ครม.ก็ให้การยอมรับ มีการปรับแก้ในบางนโยบายให้สอดคล้องกับข้อเรียกร้องของภาคเอกชน

เมื่อถามว่า วันนี้มีการลงทะเบียนคนละครึ่งพลัสวันแรกในส่วนของร้านค้ามีบรรยากาศเป็นอย่างไรบ้าง นายสิริพงศ์ กล่าวว่า เท่าที่รับฟังมาก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เนื่องจากวันนี้เป็นการลงทะเบียนวันแรกในส่วนผู้ขาย ซึ่งไม่จำกัดจำนวนคงไม่มีปัญหาอะไรมากนัก สิ่งที่รัฐบาลมุ่งหวังอยากจะขอเชิญชวนให้ร้านค้าต่างๆมาช่วยกันกระตุ้นเศรษฐกิจ และรับสิทธิ์ของท่านในการรับโครงการคนละครึ่งพลัส ซึ่งทราบว่าบรรยากาศการค้าขายตลอด 2 ปีที่ผ่านมาซบเซา โครงการนี้รัฐบาลหวังว่าจะทำให้เศรษฐกิจโตขึ้น ดีขึ้นในระยะสั้น เพราะฉะนั้นหากท่านไม่เข้าร่วม เพราะกลัวจะโดนเก็บภาษีย้อนหลังอาจทำให้ท่านเสียโอกาส ซึ่งทางรัฐบาลขอยืนยันว่า รายการซื้อขายที่เกิดขึ้นในระหว่างโครงการคนละครึ่งพลัสสำหรับคนที่เข้าร่วมจะไม่ถูกส่งไปที่กรมสรรพากรอย่างแน่นอน

- 006

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top